พงศาวดารล้านนายืนยันว่าพระเจ้าอู่ทองมาจากกัมพูชา

โดย withwit เมื่อ 31 January 2011 เวลา 1:05 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3233

พงศาวดารล้านนายืนยันว่าพระเจ้าอู่ทองมาจากกัมพูชา

 

หนังสือ “ชินกาลมาลีปกรณ์”  เป็นพงศาวดารล้านนาที่ได้รับการเชื่อถือมากเล่มหนึ่ง  ได้กล่าวถึงพระเจ้าอู่ทอง ดังนี้

 

 “…ครั้งหนึ่ง เมืองชัยนาทเกิดทุพภิกภัย พระเจ้ารามาธิบดีกษัตริย์อโยชชปุระเสด็จมาจากแคว้นกัมโพช ทรงยึดเมืองชัยนาทนั้นได้ โดยทำทีว่าเอาข้าวมาขายครั้นยึดได้แล้วทรงตั้งอำมาตย์ของพระองค์ชื่อว่าวัตติเดช ซึ่งครองเมืองสุวรรณภูมิให้มาครองชัยนาท… เมื่อพระเจ้ารามาธิบดีผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้นกัมโพชและอโยชชปุระสวรรคตแล้ว วัตติเดชอำมาตย์มาจากเมืองสุวรรณภูมิยึดแคว้นกัมโพชได้…”

 

พระเจ้ารามาธิบดี ก็คือพระเจ้าอู่ทอง ส่วน พระวัตติเดช นั้นเชื่อกันว่าคือขุนหลวงพะงั่ว (พระบรมราชาธิราช ๑)  เรื่องยกทัพไปตีชัยนาทนี้ตรงกันกับพงศาวดารกรุงศรีฯ   ..สุวรรณภูมิ นั้นนักวิชาการส่วนใหญ่สรุปว่าคือ สุพรรณบุรี

 

นักวิชาการประวัติศาสตร์ไทยส่วนใหญ่ตีความกันว่า  กัมโพช เป็นชื่ออีกชื่อหนึ่งของ ลพบุรี  แต่ผมขอแย้งว่าไม่ใช่ โดยผมเห็นว่ากัมโพช หมายถึงอาณาจักรกัมพูชาโบราณเสียมากกว่า (ซึ่งไม่ใช่เขมรในวันนี้หรอกนะ) 

 

ผมเห็นว่า..มันไม่มีน้ำหนักอะไรเลยที่ลพบุรี..ซึ่งมีตัวตนเป็นที่รู้จ้กไปทั่วว่า ลวปุระ (และ ละโว้ด้วย) มานนาน 500 ปี..จู่ๆจะไปใช้ชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า  ”กัมโพช”  ซึ่งเป็นชื่อที่ นครวัด ก็ได้ใช้มาจนเป็นที่รู้จักกันทั่วมานานกว่าสามร้อยปีอีกแล้วด้วย

 

จู่ๆเมืองสองเมืองที่ยิ่งใหญ่ด้วยกันทั้งคู่จะไปใช้ชื่อเหมือนกัน เช่น ลอนดอน จะไปใช้ชื่อว่า ปารีส  อีกชื่อหนึ่งด้วย..มันจะเป็นไปได้หรือ

 

มีคำว่า “กัมโพช” ปรากฏในชินกาลมาลีปกรณ์อีกตอนหนึ่งว่า “…ทหารหาญชาวหริภุญชัยได้ทราบการมาของสิริคุตตะอำมาตย์ จึงไล่ติดตามพวกทหารชาวเมืองลวปุระเหล่านั้น ฝ่ายทหารชาวเมืองกัมโพชามีความกลัวเป็นที่สุด…”

 

หริภุญชัยคือ ลำพูน ส่วนลวปุระก็คือ ลพบุรี  (เป็นที่ยอมรับกันกว้างขวางรวมทั้งผมด้วย) จากเนื้อความท่อนนี้จะเห็นได้ชัดว่ามีทหารสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็น  ทหารชาวเมืองลพบุรี  อีกกลุ่มเป็นทหารชาวเมืองกัมโพชา ดั้งนั้นลพบุรี ไม่ใช่กัมโพช แน่นอน

 

กัมโพชหรือกัมโพชาต้องหมายถึงเมืองอื่นนอกจากลพบุรีอย่างแน่นอน …โดยอย่างน้อยที่สุดหมายถึงอยุธยา และอย่างมากที่สุดหมายถึง กัมพูชาเดสา หรือ นครวัดนั่นเอง  (ศิลาจารึกที่นครวัดเรียกตนเองว่า กัมพูชาเดสา ที่ซึ่งเขมร (ที่ไม่ใช่ขอมแน่นอน) นำมาอ้างเป็นชื่อประเทศตนเองในทุกวันนี้)  

 

เมื่อได้สะกิดใจในประเด็นนี้แล้ว ก็ต้องกลับไปอ่านชินกาลฯ ใหม่ที่ว่า “…พระเจ้ารามาธิบดีกษัตริย์อโยชชปุระเสด็จมาจากแคว้นกัมโพช” และ  “… เมื่อพระเจ้ารามาธิบดีผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้นกัมโพชและอโยชชปุระสวรรคตแล้ว วัตติเดชอำมาตย์มาจากเมืองสุวรรณภูมิยึดแคว้นกัมโพชได้…”

 

คำว่า”แคว้น”ในสมัยโน้นน่าจะหมายถึง “ประเทศ” ในสมัยนี้  จากท่อนความนี้จึงชัดเจนว่า พระเจ้าอู่ทองนั้นมาจากประเทศกัมพูชาและยังเป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย (อโยชช ..ตัวธอาจกร่อนเป็น ช ไปนะ)   (สมัยก่อนนั้นแต่ละแคว้นมีกษัตริย์ได้หลายองค์ เพราะกษัตริย์ครองเมือง ไม่ได้ครองแคว้น)  แต่การใช้ภาษาต่อมาว่า “ผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้นกัมโพช” แสดงว่ากรุงศรีฯเป็นเมืองหลวงแห่งประเทศกัมพูชาอีกด้วย 

 

การที่ชินกาลฯใช้ภาษาเช่นนี้ เป็นเพราะเกิดจากความเข้าใจของกษัตริย์ล้านนาว่า…

 

1) พระเจ้าอู่ทองเป็นชาวกัมพูชาที่อพยพมาจากนครวัด เมืองหลวงเก่า   

 

2) อยุธยา เป็นเมืองหลวงใหม่ของแคว้นกัมโพชา แสดงว่ายอมรับว่า นครวัด ไม่ใช่ “ผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้นกัมโพช” อีกต่อไปแล้ว  ตรงนี้อาจเนื่องเพราะความฉลาดทางการทูตของพระเจ้าอู่ทองที่ทำให้ทั้งลพบุรี หริภุญชัย ล้านนา ยอมรับว่าพระองค์ยังคงเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่” ในกัมพูชา แม้นว่าจริงๆแล้วถูก ทาสแตงหวาน ไล่ฆ่า จนต้องกระเจิงหนีมาพึ่งใบบุญ ลพบุรี ที่ศรีอยุธยา

 

หลักฐานตรงนี้เสริมทฤษฎีของผมที่ว่า พระเจ้าอู่ทองทรงมาจากนครวัด..ไม่เช่นนั้นล้านนาคงไม่บันทึกเหตุการณ์ไว้ด้วยภาษาเช่นนั้น

 

…ทวิช จิตรสมบูรณ์ (๒๗ มกราคม ๒๕๕๔)

« « Prev : ยาแก้งูกัด..ว่าชะงัดนักแล

Next : พม่าโบราณเรียกประเทศไทยว่า “กัมโพชา” ? » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 January 2011 เวลา 4:14 pm

    ที่พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ (มิวเซียมสยาม) พูดถึงท้าวอู่ทองในทำนองว่ามีประวัติความเป็นมาที่ “ลึกลับ” ครับ สัณนิษฐานไว้ห้าทาง คือเจ้าชายจากเมืองเพชรบุรี กษัตริย์จากเมืองอโยธยา กษัตริย์จากเขมร โอสรพระเจ้ากรุงจีน และโอรสท้าวแสนปม

    http://picasaweb.google.com/105625714857025338966/MuseumSiam20100928#5521895664132381714

    แต่ไม่ได้สรุปไว้ว่าให้น้ำหนักกับทางใด (ซึ่งดีแล้ว) ผมคิดว่าในเมื่อตั้งเป็นข้อสัณนิษฐานได้ ก็คงมีหลักฐานให้เชื่อได้บ้าง แต่ผมก็ยอมรับว่าสะดุดกึ๊กเลยเวลาเห็นข้อสัณนิษฐานว่าเป็นกษัตริย์จากเขมร เพราะตอนที่พาพ่อแม่ไปเที่ยวนั้น http://lanpanya.com/wash/archives/1890 ผมอ่านอีเมลของพี่ที่ส่งมาครั้งก่อนแล้วครับ

  • #2 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 January 2011 เวลา 4:58 pm

    ยังมีอีกทฤษฎีครับ คือ เป็นสุลต่านมุสลิม มาจากกลันตัน และพระศพ ยังฝังอยู่ที่นั่นจนบัดนี้ เอ..แต่ที่ว่าเป็นกษตริย์เขมรนี้ผมเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก (แหม..นึกว่าผมก่อนใครแล้วเจียว เอ๊ะ หรือว่าเขาเพิ่ง add ทฤษฎีใหม่ที่ผมเสนอเข้าไปเร็วๆนี้เอง)

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 January 2011 เวลา 5:47 pm

    การสำรวจวงปีของต้นไม้ เปิดเผยเรื่องน่ากลัว http://lanpanya.com/wash/archives/1881

  • #4 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 February 2011 เวลา 8:43 am

    อิอิอิ อาจารย์มีชินกาลมาลีปกรณ์ด้วยเหรอคะนี่ เก่งจัง เบิร์ดว่ามันอ่านยากสำหรับคนไม่สันทัดภาษาและบกพร่องด้านการเชื่อมโยงอย่างเบิร์ดชะมัดเลย

    มีตำนานล้านนาอีกหลายฉบับที่น่าจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่ค่ะ เช่นตำนานลำพูน ตำนาน 15 ราชวงศ์ของเชียงใหม่ แต่ขอเวลาไปสอบถามผู้รู้ก่อน เพราะการอ่านตัวเมืองของเบิร์ดออกไปทางแตกร้าวมากกว่าแตกฉาน

  • #5 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 February 2011 เวลา 5:15 pm

    ธ่อ..ใครว่าผมไปอ่านตัวยึกยือต้นฉบับ เล่า สมัยนี้เขาพัฒนาแล้วไม่ใช่เหรอ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.089504957199097 sec
Sidebar: 0.022037982940674 sec