ป้องกันรถจากภัยน้ำท่วมด้วยการห่อผ้าใบ
ผมได้คิดค้นวิธีการป้องกันรถจากภัยน้ำท่วมโดยใช้วิธีการที่ไม่พ้นวิสัยของบุคคลทั่วไปจะพึงกระทำได้ และได้ทำการทดลองได้ผลประจักษ์แล้ว ดังนี้
1) นำผ้าใบหรือผ้าพลาสติกที่กันน้ำได้ เช่น ผ้าใบคลุมรถกระบะสิบล้อขนาดที่กว้างกว่าความกว้างยาวกว่าตัวรถสัก 2 เมตร มาวางปูไว้กับพื้นราบ โดยควรทำผ้าใบให้ย่นหย่อน (อย่าขึงให้ตึง…เหตุผลทางวิศวกรรมศาสตร์ อ่านได้ที่หมายเหตุด้านท้าย)….
http://www.youtube.com/watch?v=iM2zZYbHt34
2) นำตาข่ายที่แข็งแรงถักด้วยเชือกในล่อน ขนาดพอประมาณกับผ้าใบ มาวางซ้อนทับพลาสติก (ตาข่ายนี้ควรเป็นตาข่ายเส้นใหญ่ รูตาข่ายประมาณ 2×2 นิ้วหรือเล็กกว่า เป็นตาข่ายที่ใช้ในการคลุมรถปิ๊คอัพเพื่อกันสิ่งของที่บรรทุกหล่น หรือ ใช้ในการประมงเพื่อดักปลาขนาดใหญ่) ตาข่ายนี้ต้องขึงให้ตึงมากพอควร เช่น ใช้คนสี่คนดึงมุมทั้งสี่ให้ตึง ในขณะที่ขับรถทับเข้ามา ถ้าไม่มีคน อาจต้องใช้เชือกดึงมุมทั้งสี่เข้ากับสิ่งยึด เช่น เสาสี่ต้นในโรงจอดรถของบ้าน (หรืออาจใช้วิธีพลิกแพลงอื่นใดก็ได้) ถ้าไม่มีกำลังจริงๆ ไม่ต้องขึงตึงก็ได้ แต่ในกรณีนี้ควรให้ผ้าใบหย่อนย่นมากสักหน่อยเพื่อเป็นการชดเชย
3) เมื่อขับรถเข้าทับตาข่ายและผ้าใบแล้ว ให้เอาเชือกขนาดปานกลาง (ขนาดเท่าแท่งดินสอ) ร้อยรูตาข่าย อ้อมหลังคารถยนต์ ทำสลับไปมาสัก 15-20 ครั้ง ..ดึงเชือกให้ตึงมาก เชือกเหล่านี้จะทำหน้าที่รับน้ำหนักรถที่ถ่ายโอนจากแรงดันน้ำด้านล่างขึ้นสู่โครงรถยนต์ทั้งคัน ทำให้ไม่เกิดการบุบย่นของตัวถัง ส่วนการถลอกของสีรถก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้ามีเชือกจำนวนมากพอในการเฉลี่ยแรงจากนน.รถไม่ให้กดแรงเฉพาะจุด
4) จากนั้นทำการร้อยรัดผ้าใบเข้ากับตัวถังรถในทำนองเดียวกัน แต่คราวนี้ไม่ต้องรัดแน่น ..ให้รัดเพียง “หลวมๆ” เท่านั้น ควรให้มีรอยย่นมากๆ ขอบด้านล่างของผ้าใบควรสูงจากพื้นมากกว่า 50 ซม.
5) ผูกรถเข้ากับหลักเสา อย่างน้อยสองหลัก (เช่น เสาสี่เสาของโรงจอดรถ เสาไฟฟ้า หรือ ในกรณีลานจอดรถ อาจผูกเข้ากับถุงทรายที่จมน้ำอยู่ ) เพื่อป้องกันรถลอยหายไป หรือ ไปกระแทกกับเสา อาจกันการกระแทกด้วยล้อยาง แบบเรือเมล์ที่เข้าเทียบท่า
6.) อาจคลุมรถด้วยพลาสติกบางกันฝนอีกชั้น เพื่อกันน้ำฝนรั่วเข้าไปในพลาสติกด้านใน
เท่านี้เป็นเสร็จ พอน้ำหลากมา น้ำจะไม่เข้าไปด้านใน ถ้าน้ำหลากมาสูงมากประมาณ 1 ฟุต รถจะลอยขึ้น เหมือนเรือ (ระวังว่าเชือกที่ผูกยึดกับเสาจะไม่สั้นไป จนไปดึงเรือไม่ให้ลอยได้ หรือยาวเกินไป จนเรือไปกระทบกับเสา ทำให้บุบ หรือ ถลอกได้
หมายเหตุ
1) ประสิทธิผลการใช้งานจากแนวคิดนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการและวิจารณญาณของผู้ปฏิบัติเอง สำหรับเรื่องการลอยตัวได้ โดยน้ำไม่เข้านั้น ทีมงานของเราได้ทดลองเป็นที่ประจักษ์แล้ว ดังที่ได้รับการเผยแพร่ทางยูทูบและหน้าเว็บต่างๆ อย่างไรก็ดีวิธีการทำ และการใช้วัสดุที่แตกต่างออกไปนั้น ก็อาจทำให้เกิดการเสียหายต่อรถยนต์ได้
2) ผ้าหุ้มที่ได้ทดลองแล้วได้ผลคือ ก. ผ้าใบชั้นดีที่ใช้หุ้มกระบะรถสิบล้อ (ราคาค่อนข้างแพง ผืนละ 5-6 พันบาท) ข. พลาสติกใสอย่างหนา ที่ใช้กันฝนหน้าร้านค้า (ราคา 3000 บาท) โดยมีการต่อผ้าสามผืนเข้าด้วยกันด้วยการรีดร้อน ค. พลาสติกบุบ่อน้ำ หรือ บ่อเลี้ยงกุ้ง (หาซื้อได้ตามร้านการเกษตร) (ราคา 350 บาท) พบว่าสามารถลอยรถได้เช่นกัน
3) หลักการทดสอบว่าพลาสติกใดใช้ได้หรือไม่ ให้เอาพลาสติกมาขยุ้มทำเป็นถุง แล้วเอาน้ำเทลงไป พร้อมเอามือบีบรัดแรงๆ เป็นเวลาสัก 10 วินาที ถ้ำไม่มีการรั่วซึมก็ถือว่าอาจใช้ได้ แต่ถ้ามีการซึมก็ใช้ไม่ได้แน่นอน เช่น พลาสติกทึบบางชนิดที่ใช้บังแดดฝนตามชายคาร้านค้า ปรากฏว่ากันน้ำฝนได้ แต่ทนแรงดันน้ำแบบขังแช่ไม่ได้
4) ให้แน่ใจว่าพื้นที่ปูพลาสติกนั้นเป็นพื้นเรียบราบ และปราศจากเม็ดหิน อีกทั้งล้อรถยนต์ก็ไม่มีเม็ดหินติดอยู่ เพราะหินเหล่านี้อาจมีความคมจนทำให้เกิดรอยฉีกบนผ้าใบได้เมื่อได้รับแรงอัดจากล้อรถ
5) การปูผ้าบนพื้นนั้นในทำเป็นแบบย่นๆ โดยให้มีระยะย่นตัวในแนวขวางสัก 20 ซม. และ ย่นตัวในแนวยาวสัก 30 ซม. (แต่ตาข่ายให้ขึงให้ตึง) การย่นตัวจะทำให้ผ้าใบไม่ถูกดึงให้ตึงจนฉีกขาดได้ แต่แรงดันน้ำจะดันตัวอัดกับตาข่ายแบบเฉลี่ยน้ำหนักไปทั่ว แล้วผ้าใบนี้จะส่งแรงไปดันรถที่ล้อทั้งสี่ ทำให้รถลอยขึ้นได้ (ดังนั้นถ้าเราไม่ขึงตาข่าย ผ้าพลาสติกจะรับน้ำหนัก ทำให้ฉีกขาดได้)
6) ตามที่มีกระแสข้อมูลว่า การหุ้มรถยนต์ด้วยผ้าพลาสติกคลุมรถ (ที่นำมากลับทางบนลงล่าง) หรือ การหุ้มคลุมด้วยพลาสติกใดๆ ในลักษณะใด ก็ตาม (ตามที่เป็นข่าวทั่วไป) อาจไม่สามารถป้องกันความเสียหายได้ เพราะผมเชื่อว่าจะเกิดการฉีกขาดของพลาสติกด้วยแรงดันน้ำเสียก่อน นอกเสียจากว่า มีการทำให้เกิดความย่นอย่างมาก จนกระทั่งผ้าพลาสติกถูกดันขึ้นไปจนถึงพื้นล่างของตัวถังรถยนต์ (จนไม่เกิดแรงกระทำเป็นจุดที่ล้อทั้งสี่) ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ จะต้องใช้พลาสติกที่ใหญ่มาก และระดับน้ำจะสูงมากขึ้นกว่าวิธีในที่นี้ ก่อนที่รถจะลอยตัวขึ้น เช่นในวีธีนี้รถจะลอยตัวเมื่อระดับน้ำสูงประมาณ 25-30 ซม. แต่วิธีการไม่มีตาข่าย ถ้าผ้าไม่ขาดเสียก่อนรถจะลอยที่ความลึกประมาณ 60 ซม. (สำหรับรถเก๋ง) และสูงกว่านั้นสำหรับรถปิ๊คอัพ
เขาเอาใจช่วยให้ชีวิต สวัสดิภาพ และทรัพย์สินของทุกท่านจงปลอดจากภัยน้ำท่วมครับ
…คนถางทาง