ธงมีไว้ให้ชู มิได้มีไว้ให้ฟัน

โดย สาวตา เมื่อ 29 มิถุนายน 2009 เวลา 1:26 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1494

วันนี้มีเพื่อนที่เรียนหมอรุ่นเดียวกันมาถึงกระบี่  ทำให้ได้ให้โอกาสตัวเองเที่ยวเมืองกระบี่ใหม่อีกรอบ  ซีกที่ไปเที่ยวกันเป็นซีกของเขาและป่าพรุที่เคยพาชาวเฮไปแวะเวียนมาแล้ว  ไปแล้วก็ไปเจออะไรที่ทำให้รู้สึกแปลกใจ  อย่างนี้ก็มีด้วยนะ แล้วก็พลอยนึกยาวไปถึงเรื่องของการดูแลสังคมที่น้องฑูรนำมาเล่าไว้  นึกแล้วก็มีคำถามที่คาใจฉันอยู่หลังจากความรู้สึกแปลกใจ

เรื่องราวที่ได้เห็นไม่ได้ทำให้ฉันรีบสรุปคำตอบเรื่องผิด-ถูกไว้แต่อย่างไร  การคาดเดาคำตอบมีอยู่บ้างเพียงเพื่อนำไปใช้ค้นหาคำตอบที่แท้ต่อไปเท่านั้นเอง

บ่ายคล้อยแล้วที่เราไปถึงสถานที่แห่งนั้น บริเวณที่จอดรถที่มองเห็นมีรถจอดอยู่นับคันได้ มองไปรอบๆก็ไม่เห็นเงาร่างของผู้มาเยี่ยมชม บรรดาร้านค้าดูเงียบๆแต่ก็ไม่รู้สึกว่าเจ้าของร้านเหงา ฉันไม่แปลกใจกับความเงียบที่เห็นอยู่ต่อหน้า เพราะว่ามีหลายครั้งที่ฉันมาเยี่ยมสถานที่นี้แล้วพบบรรยากาศอย่างนี้ แล้วต่อมามีคนจำนวนมากตามหลังมาเยี่ยมชม แต่เพื่อนที่ไปด้วยเขาคงรู้สึกแปลก เขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “เอ๊ะ ไม่มีคนมาเที่ยวเลยเหรอจึงดูเงียบๆ”

ระหว่างเดินกันลงไปตามทางลาดเพื่อไปสุ่จุดที่จะมาเที่ยวชมกัน สีสันของเสื้อและผ้าบาติกที่แขวนไว้ที่หน้าร้านริมทางยั่วความสนใจ เราจึงพากันแวะเข้าไปชมและเลือกซื้อด้วยกัน

ระหว่างไถ่ถามราคากันอยู่ แม่ค้าก็ออกตัวว่า “วันนี้เตรียมสินค้าไม่เรียบร้อยเพราะว่ามีกองถ่ายฮอลลีวู๊ดมาที่นี่ เพิ่งย้ายทีมออกไปเมื่อตะกี้นี้……”  ฟังแล้วฉันไม่แปลกใจกับคำบอกเล่านี้ ก็กระบี่เป็นเมืองที่กองถ่ายหนังชอบมาถ่ายหนังกันบ่อยมากนี่นา

หลังจากอุดหนุนเสื้อแม่ค้ากันคนละตัวสองตัว เราก็พากันเดินต่อไปเพื่อชมทิวทัศน์งาม  เมื่อเดินกันไปจนถึงจุดที่ต้องแวะเพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับผู้ดูแลพื้นที่ เท้าที่กำลังจะย่างเข้าไปใกล้เจ้าหน้าที่ก็หยุดชะงักลง เมื่อเสียงเจ้าหน้าที่ดังขึ้นมาบอกว่า “วันนี้เข้าชมฟรีได้ครับ ไม่ต้องจ่าย” เมื่อถามกลับไปว่า “ทำไมหรือ” เขาก็ตอบกลับมาว่า “มีกองถ่ายเขามาถ่ายหนังกัน ข้างในยังจัดไม่เรียบร้อย”

สิ้นเสียงของเขา ฉันหันกลับมาหาเพื่อนแล้วชวนว่า “วันนี้ได้ชมฟรี ไปต่อกันเถอะ”  เพื่อนเขาก็ทำหน้างงๆอยู่สักครู่ หายงงแล้วก็พากันเดินเข้าไปชมสถานที่แห่งนั้น

เดินไปตามทางเดิน คุยกันไปจนได้ระยะทางสัก 100 เมตรก็เจอต้นไม้และเถาไม้เลื้อยรุงรังลงมาขวางทางอยู่  ระดับที่ขวางและคร่อมอยู่บนทางเดินนั้นอยู่สูงกว่าศีรษะเล็กน้อย เวลาเดินผ่านจุดนี้ไปจำเป็นต้องก้มตัวผ่านจึงไม่มีปัญหา

สายตา่มองเห็นพื้นสะพานที่เหยียบเดินอยู่เปียกฝนชุ่ม เหลียวมองไปรอบๆก็เห็นต้นไม้ต่างๆเปียกฝนชุ่ม  ความคิดนึกไปว่า “สงสัยเมื่อคืนฝนตกหนัก ต้นไม้จึงล้ม เช้านี้เป็นวันหยุด (วันเสาร์) อบต.เขามาจัดการไม่ได้เนอะ”  นึกแล้วก็ส่งต่อข้อความคุยกับเพื่อน แล้วบอกให้เพื่อนเขาเดินหน้านำไปก่อน ฉันเดินตามหลัง

สายตามองไปด้านข้างของทางเดินที่เห็นอยู่ข้างหน้า แล้วก็เอะใจว่าไม่เหมือนเคย อีตรงที่เดินต่อมาราว 3 เมตรพื้นทางเดินที่เคยเห็นเป็นไม้อัดเรียบโล่งและเห็นพันธุ์พืชในน้ำตลอดสองข้างทาง วันนี้มีฟากไม้ไผ่ปูตลอดแนวเป็นระยะทางยาว มองไปข้างหน้าแล้วแปลกใจอีก นั่นมีบ้านเรือนของใครมาปลูกนะ มีเตาอังโล่ 2 เตาวางอยู่หน้าบ้านด้วย

เห็นแล้วก็มีคำตอบออกมาโดยอัตโนมัติ  ก็ก่อนเดินเข้ามา มีคนอย่างน้อยสองคนบอกแล้วว่า “มีกองถ่ายหนังจากฮอลลีวู๊ดมาที่นี่ และเพิ่งพาพรรคพวกกลับออกไป”   เมื่อคำตอบโผล่มาแล้วก็ไม่แปลกใจ แต่เกิดความสนใจ กองถ่ายมาทำอะไรไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือ ข้างหน้ามีอะไรอีกหรือ

ว่าแล้วก็เดินต่อไปๆสำรวจดู พบว่ามีจุดหลายจุดที่มีความแตกต่างไปจากภาพที่คุ้นเคย คำถามกับตัวเองเกิดขึ้นทันทีว่า “วันนี้เรียนรู้อะไร”

คำตอบที่ได้มันเป็นเรื่องว่า “มีใครที่ไม่รู้ว่าใคร ได้ให้โอกาสนักสร้างหนังต่างชาติ เข้ามาปรับพื้นที่อันเป็นสมบัติสาธารณะของสังคมแห่งนี้ ถ่ายทำหนัง โดยน่าจะมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง และหลังจากมีการใช้พื้นที่แล้ว การจัดเก็บเพื่อให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ถูกรับไว้เป็นภารกิจของอบต.ที่รับผิดชอบพื้นที่”

สติเป็นเครื่องมือที่ทำให้คนยั้งการคิดต่อเพื่อการตัดสินผู้คนที่เกี่ยวข้อง

สติอีกนั่นแหละที่ทำให้เรื่องราวยังไม่เกิดการตัดสินใดๆจนกว่าจะมีข้อมูลที่สามารถทำให้เกิดการตัดสินได้

สติทำให้เกิดกระบวนการที่ช้าลง หน่วงให้กระบวนการทำความเข้าใจสามารถทำงานได้สำเร็จ

สติสามารถเชื่อมโยงผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวตรงหน้าตรงจริง

ก่อนที่จะสรุปว่าเรียนรู้อะไรข้างต้นนั้น แวบหนึ่งมีความรู้สึกหนึ่งแทรกเข้ามาให้ฉันรับรู้ว่า “ไม่อยากให้สิ่งที่ได้เห็นในวันนี้เกิดขึ้นอีก ห่วงจังเลย”

สติทำให้ฉันเรียนรู้ตัวเองว่า

“วันนี้ฉันไม่ได้ตัดสินใคร……. สติได้เตือนให้ฉันรับรู้ตนว่าเมื่อไม่่รู้ว่าคนที่ตัดสินใจให้เกิดการลงมือกระทำอย่างที่ได้เห็นนั้นเขาคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไรต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไป……..การได้่เห็นด้วยตาแล้วคิดแทนคนอื่นเป็นเรื่องเชื่อใจตัวเองผิดๆ……..  ผลการตัดสินที่เกิดขึ้นว่าเขากำลังคิดไม่ดี คิดเอาแต่ประโยชน์นั้นเป็นความคิดด้านลบ…………. ในขณะที่ไม่รู้อะไร อย่างไรการตัดสินนั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรชะลอไว้ก่อน ยั้งใจรอหาคำตอบให้ได้ก่อนลงมือตัดสิิน”

แล้วก็มีความรู้บางอย่างลอยขึ้นมาบอกว่า

“การพัฒนาให้ผู้คนในสังคม รู้จักรับผิดชอบต่อสังคมได้อย่างยั่งยืน ยังมีงานต้องทำอีกมาก เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายและยังมีหนทางอีกยาวไกลเชียวแหละ”

“ภารกิจการดูแลสถานที่สาธารณะ เป็นเรื่องที่ตัดสินใจด้วยมุมมองเดียวไม่ได้ สิ่งที่มองเห็นอยู่มันยังเพิ่งจบลงเพียงบางเรื่อง ไม่ได้จบลงทั้งหมด”

จำได้หรือเปล่า่ว่าสถานที่ที่นำรูปมาให้ดูนี้เป็นที่ไหน

27 มิถุนายน 2552

« « Prev : มอง

Next : ชูธง..รอ….แล้วเรียนรู้ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.54778003692627 sec
Sidebar: 0.24415493011475 sec