องค์กรอย่างนี้เรียกอย่างไรดี

โดย สาวตา เมื่อ 16 ธันวาคม 2008 เวลา 20:00 ในหมวดหมู่ เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1233

รอกอดตั้งปุจฉาว่า เฮฮาศาสตร์เป็นองค์กรอย่างไร  เลยมาลองถอดดูว่า กระจกส่องที่มองเห็นอยู่มันบอกอะไรให้เห็นจากความรู้สึกของตัวเองบ้าง  ก่อนอื่นคงขอถอดเรื่องความเป็นตัวตนของสมาชิกตระกูลเฮ ดูสักหน่อยเพื่อบันทึกไว้ว่า ณ วันนี้มีดวงตาที่เห็นภาพของผองเพื่อนและพี่ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง

บทเรียนรู้ที่ถอดออกมามีอยู่ดังนี้ค่ะ คนในหมู่เฮที่เห็นและสัมผัสเป็นคนที่เคารพตนเองนะค่ะ ผสมกับความเคารพที่มีต่อผู้อื่นไปด้วย ยืดหยุ่นและรับผิดชอบต่อการกระทำของตนอย่างยิ่ง

มีความตระหนักใจว่ามีกฎอยู่ระหว่างกันและกัน และมีการฝ่าฝืนกฎนั้นไปบ้างโดยเลือกกระทำให้เหมาะสมกับกาล เมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่ปล่อยให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องที่เป็นเรื่องเล็กน้อยให้เสีย ไม่ยอมให้เกิดผลต่อมาที่ทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อกัน เมื่อผิดก็ไม่รอช้าที่จะแก้ไข กล่าวคำชี้แจงให้รู้ จนถูกตาถูกใจต่อกัน

มีบางเวลาที่พวกปลีกตัวอยู่ลำพังเพียงผู้เดียวอยู่บ้าง ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิด อ้าแขนรับมันมาเป็นพวกเพื่อคงคุณค่าที่เคยมีมา ไม่ปฏิเสธมันด้วยกลัวตัวเสียที บางครั้งก็ใช้ความเงียบช่วยให้คำตอบดีที่สุดออกมา หวนคิดไปในคราใดล้วนแต่ชื่นชมสุขใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปด้วยกัน

บรรยากาศที่อยู่ร่วมกันเป็นบรรยากาศแห่งญาติมิตรทั้งสิ้น แม้ว่าจะไม่ได้มีจุดกำเนิดมาจากครอบครัวเดียวกัน มีความอบอุ่นเป็นพื้นฐานสำคัญของวิถีที่อยู่ร่วมกัน มีเกิดขัดใจกันไปบ้างระหว่างคนที่รักอย่างยิ่ง ก็ทำต่อด้วยการหยุด ละ เลิก มีบ้างที่มีการขุดคุ้ยขึ้นมาคุยล้อให้ละโกรธละเคือง ประเทืองใจที่มีเกิดขึ้น มันจึงคงอยู่ยั่งยืนด้วยคิดบวกกับโลกที่ได้เจอเสมอ

มีความสุภาพอ่อนน้อม น้อมนำข้อคิดมาใช้ ปรับตัวปรับใจของกัน แบ่งปันความรู้ที่มี เน้นไปที่เรื่องของเรื่องการฝึกฝนตัวตนให้มั่น รักษาความดีที่มีอยู่ก่อนให้งอกเงยเป็นร่มพักพิงได้ ความรักที่มีต่อกันใช้น้ำอารมณ์ขันเติมให้งอกงาม

ปีหนึ่งชวนกันท่องเที่ยว ไปตามแนวที่ต่างๆทั้งที่เคยไปและไม่เคย เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างกัน ร่วมกันสร้างสรรค์ความสำเร็จรวมทั้งเสียสละปล่อยวางเพื่อให้เข้าใกล้และรักกันมั่นคงต่อยาวออกไปให้เนิ่นนาน ไม่รั้นตามใจปรารถนา รั้งรอปรึกษากันก่อน ตัวโชคมักจะพาตัวมันเข้ามาพบพานกลุ่มด้วยหนา

ไม่รู้เหมือนกันนะว่า องค์กรที่มีสมาชิกอย่างนี้ ควรเรียกตัวเองอย่างไรจึงจะเหมาะจะควรและพอดี

จุดอ่อนคนอื่นมองมาก็คงจะมีหรอกหนา หากว่าเขาให้คุณค่าองค์กรลักษณะนี้ในมุมต่างไป หากแต่ที่ท้วงคือว่าควรใช้เวลาเรียนรู้คุณค่าของกลุ่มต่อไป จะรีบสรุปเร็วไปไย ไม่สรุปก็ไม่เห็นจะเป็นไรมิใช่หรือ

« « Prev : เรื่องราวเสี้ยวหนึ่งในทริปเจียงฮาย

Next : เจ้ามีที่มาอย่างไร(13) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 ธันวาคม 2008 เวลา 20:07

    What’s in a name ?

  • #2 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 ธันวาคม 2008 เวลา 20:35

    เฮ = มาด้วยกันไปด้วยกัน ฮา = ผลของกิริยาที่มีความสุข ศาสตร์ = วิชาความรู้ที่ใช้จัดการ

    เฮฮาศาสตร์ = วิชาความรู้ที่ใช้ลงมือจัดการการไปด้วยกันมาด้วยกันแล้วลงเอยด้วยความสุขของทุกผู้คนที่ไปด้วยกันมาด้วยกันหรือเข้ามาเกี่ยวข้อง

    องค์กรนี้ชื่อว่า เฮฮาศาสตร์ แปลเอาเองว่าเป็นองค์กรอย่างไร

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 ธันวาคม 2008 เวลา 21:22

    น่าสนใจภาพที่สรุปมาให้เห็น

    เรากำลังอ่าน เฮฮาศาสตร์ และมองไปข้างหน้า จะไปไหน อย่างไร

    ช่วยกันคิด ช่วยกันแสดงความเห็นทิ้งไว้โดยยังไม่จำเป็นต้องสรุป ทุบกำปั้น
    ปล่อยให้เวลามาช่วยให้กลุ่มนี้ขยับตัวไปสักพัก การ Formation อาจใช้เวลาสักหน่อย ไม่รู้เมื่อไหร่

    เมื่อถึงเวลานั้น Form อาจจะแปลกพิสดารไปจากปกติที่เคยเห็นเคยมีก็ได้ เพราะการเกิดมันแปลก

    อาจเหมือน แมลงชนิดหนึ่งก็ได้ที่เริ่มจาก lava(เป็นหนอนเล็กๆ)–>pupa(เป็นหนอนใหญ่)—> adult(กลายเป็นผีเสื้อไปเลย)

    แต่เราไม่ควรนิ่งเฉย คิดกันไป แลกเปลี่ยนกันไป เพราะมันจะมีส่วนในการ Form ตัวขององค์กรที่ไม่เหมือนใครนี้ก็ได้

  • #4 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 ธันวาคม 2008 เวลา 0:08

    สังเกตไหมครับ พวกเรามักจะเป็นคนที่ชอบเรียนรู้นอกตำรามาตั้งแต่ยังเล็ก พวกเราชอบคิดไม่เหมือนชาวบ้าน พวกเรามีอารมณ์ขันร้ายกาจ พวกเราชอบทำเรื่องเครียดให้เป็นเรื่องสนุก มันจึงทำให้เข้ากันได้ง่าย เมื่อเข้ากันง่ายแล้วก็เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เกิดความรักแบบพี่น้อง เกิดความห่วงใย และเกิดอยากให้ครอบครัวเราขยายออกไป ไปช่วยกันสร้างความสุขให้กับสังคม ให้สังคมมีอารมณ์เฮฮา องค์กรนี้จึงเป็นองค์กรมหาชน…แต่ไม่ต้องจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อิอิ

  • #5 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ธันวาคม 2008 เวลา 23:49

    คนที่มีคลื่นในตัวบางอย่างในช่วงความถี่เดียวกันนั้นนะ พี่ว่ามันคือเหตุผลที่ทำให้คนเข้ามาคบหากันไปได้ดี พี่ว่าพวกเรามีคลื่นของตัวทั้งในส่วนของฐานคิด ฐานใจที่อยู่ในช่วงความถี่เดียวกันค่ะ ส่วนของฐานกายนั้น มีเรื่องดึงดูดกันอยู่ด้วยคลื่นบางความถี่เช่นกัน เป็นคลื่นที่ดูดให้เข้ามาหากันและกันเพื่อหนุนช่วยกันค่ะ

    สังคมที่มีคนรู้จักกันไม่นาน แล้วรักกันแบบพี่น้อง ห่วงใยกันแบบคนครอบครัวเดียวกันนะ หายากยิ่งนะค่ะ จึงควรช่วยกันรักษาให้มันอยู่เพื่อเป้นตัวอย่างใครๆว่า สังคมแบบนี้สร้างได้โดยไม่จำเป็นต้องหาทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ต้องตั้งตัวเองเป็นองค์กรมหาชนให้เป็นเปลือก ไม่จำเป็นต้องหาเปลือกในสังคมมาหุ้มให้หนา มีเปลือกบ้างเพียงแค่เพื่อสร้างความอบอุ่นให้เนื้อในที่ควรทะนุถนอมไว้แค่นั้นพอ

    เรียนรู้นอกตำรานะดีออก ตั้งโจทย์ได้ตามใจเรา และสนุกกับการหาคำตอบแบบเราๆ ทำให้คนงงดีด้วยนะ นี่แหละคือความฮาแบบเราๆ

    ใครจะไปนึกบ้างเล่า ว่าอีแค่เรื่องฮา ไม่ตลกก็ฮาไปก่อนได้ แล้วค่อยมาใส่ใจศึกษาว่าที่คนอื่นที่เขาฮานะมันฮาเรื่องอะไร เคล็ดลับนี้ได้มาจากป้าจุ๋มคนสวย ตอนไปเชียงรายค่ะ ทำเอาพี่งง… งง… งง…และงง…ว่าอย่างนี้ก็มีด้วย…สนุ๊กสนุกค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.042018890380859 sec
Sidebar: 0.1465151309967 sec