เลี้ยง-เพาะกล้ามเนื้อสำคัญยังไง
คนเป็นสัตว์เลือดอุ่น ไม่ว่านอกกายจะหนาวเย็นหรือร้อนแค่ไหน อุณหภูมิกายคนก็คงที่และเป็นอิสระจากอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม ควบคุมและรักษาอุณหภูมิให้คงที่ตลอดเวลาได้ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็น้อยมาก
อัตราเมตาโบลิซึมของร่างกายสัตว์เลือดอุ่นจะแปรผกผันกับอุณหภูมิ อุณหภูมิโลกไม่คงที่ เพื่อการอยู่รอด ธรรมชาติจึงมอบกลไกการ set point ของอุณหภูมิกายมาให้เพื่อปรับเพิ่มเมื่อต่ำลง ปรับลดเมื่อสูงไป
สัญชาตญาณการหนีร้อนไปหาเย็น การหนีเย็นไปหาที่อุ่นกว่า เมื่อไม่มีอาหารก็ให้เผาผลาญไขมันที่สะสมมาใช้ล้วนเป็นกลไกที่ธรรมชาติมอบให้
กลไกนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ปรับลดพุงได้ และก็มีเรื่องที่ควรทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะอดอาหาร ไม่เกิดภาวะอ้วนเด้งกลับมาใหม่ ไม่ทำให้นาฬิกาชีวิตรวนจนได้เรื่องใหม่ให้ต้องแก้ อันเป็นผลด้านลบที่ไม่มีใครต้องการ
เคยเล่าไว้นานแล้วที่นี่ถึงหลักเผาผลาญอาหารที่ธรรมชาติมอบไว้ให้ ว่าร่างกายจะเผาผลาญน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสะอาดที่สุดก่อนอย่างอื่น ต่อมาจึงเผาผลาญไขมัน และสุดท้ายเป็นโปรตีน
แหล่งน้ำตาลมาจากอาหารที่กินเข้าไป ไม่ได้เอาแต่ใช้ แต่แบ่งเก็บเป็นเสบียงด้วย ตับและกล้ามเนื้อคือคลังน้ำตาลในร่างกาย เหลือเก็บก็แปรรูปไปใช้สอยในรูปไขมัน
ในภาวะจำศีลมีฮอร์โมน 4 ตัวสำคัญเกี่ยวข้อง เมื่อ set point อุณหภูมิกายส่งสัญญาณ ฮอร์โมนเหล่านี้ก็เข้าไปรับรู้สัญญาณด้วย รู้แล้วก็ลงมือจัดการหาแหล่งอาหารที่จะเผาผลาญให้ทันกาล
ที่มีการดึงไขมันมาเผาผลาญ ก็เป็นไปตามหลักการเผาผลาญที่เล่าให้ฟังข้างบน ดึงน้ำตาลมาใช้ก่อน ไม่พอก็ดึงไขมันมาเผาผลาญ
อาหารในเมนูประจำวันที่จัดขึ้นโดยไอเดียพ่อครูล้วนแต่ให้น้ำตาลน้อย เมื่อลงมือกินอยู่แบบฤาษี จึงต้องไปนำน้ำตาลในกล้ามเนื้อและตับมาใช้ ใช้ไม่พอจึงไปดึงไขมันมาเผาผลาญ เป็นไปตามหลักการธรรมชาติ
ผลขนาดพุงที่ลดวูบลงของพ่อครูภายในเร็ววัน จึงยืนยันว่า การกินอาหารแบบฤาษีช่วยลดพุงได้
ขณะเดียวกัน การลดได้ในเร็ววัน จากพุง size XXL มาเป็น L ภายในเดือน ก็สะท้อนว่า คลังที่มีไว้เก็บน้ำตาลมีขนาดเล็ก หรือเป็นคลังที่ไม่แข็งแรง
การปล่อยให้สภาพของคลังเก็บเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เป็นผลด้านบวกกับชีวิตในระยะยาว เมื่อไรเกิดเรื่องฉุกเฉินด้านสุขภาพขึ้นมาจะพาจน การสรรหาพลังงานมาใช้เพื่อรักษาอุณหภูมิกายให้คงที่จะเป็นภาระหนัก
หนทางปรับให้เลียนแบบคนโบราณ ที่ก่อนสงครามไม่ประมาท ลงมือเพิ่มความสามารถของคลังเก็บเสบียงซะก่อนเกิดสงคราม
การเพิ่มความสามารถของคลังเลือกได้ จะเพิ่มความแข็งแรง เพิ่มขนาด หรือเพิ่มจำนวน อยู่ที่ความต้องการ
จะปรับอะไรเป็นเรื่องของปัจเจก ผลตรวจเลือด ลักษณะกล้ามเนื้อที่ร่างกายเคยมีก่อนหน้า เป็นอะไรที่ต้องนำมาใช้ตัดสินใจ
การมีไขมันพอกตับ ทำให้เกิดการเป็นว่าที่เบาหวาน บอกอยู่แล้วว่าตับแข็งแรงแค่ไหน ตับเป็นคลังเก็บน้ำตาล ปรับมากินอาหารแบบฤาษี ลดขนาดพุงได้ ก็ลดความหนาของไขมันที่พอกตับลงได้ ถือว่าได้ซ่อมคลังนี้แล้ว
กล้ามเนื้อก็เป็นคลัง มัดใหญ่ๆ เก็บน้ำตาลได้เยอะ กินน้ำตาลเข้าไปน้อย ไม่พอก็ไปดึงจากกล้ามเนื้อมาใช้ เมนูฤาษีที่ให้น้ำตาลน้อยที่กินอยู่ จึงพาให้กล้ามเนื่อที่ยอบแยบอยู่แล้วแฟบลง
ความซูบของร่างกายที่เห็น ยืนยันว่า ขนาดของกล้ามเนื้อเล็กลง การเลี้ยง-เพาะกล้ามจึงสำคัญสำหรับพ่อครู
เรื่องของการเลี้ยง-เพาะกล้ามนี้ ใช่แต่สำคัญกับพ่อครู สำหรับทุกคนที่ต้องการความเป็นปกติของกายก็สำคัญ ด้วยเหตุฉะนี้แล
« « Prev : ตะคริว : ประสบการณ์ของพ่อครูสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
Next : รักสุขภาพ ก็ต้องดูแล กล้ามเนื้อ และ ตับ ให้ดี » »
ความคิดเห็นสำหรับ "เลี้ยง-เพาะกล้ามเนื้อสำคัญยังไง"