น้ำลายกับหินปูนเกาะฟัน

อ่าน: 20439

เคยติดใจถามหมอฟันว่า สอนเรื่อง “การแปรงฟัน”  ทุกปีๆ แล้วทำไมคนจึงยังฟันผุ มีหินปูนมาให้ขูด  คำตอบก็มักจะเป็น “แปรงฟันผิดวิธี”  วันนี้ไปพบหมอฟันขอใช้บริการขูดหินปูน หมอฟันบอกว่ามีหินปูนนิดหน่อย ก็นึกถึงที่อาจารย์ทวิชบอกว่าจะไม่แปรงฟัน และตั้งคำถามเรื่อง “หินปูนทำไมไม่ละลายในน้ำลาย” ขึ้นมาได้ เลยยกเรื่องในช่องปากมาคุยต่อซะหน่อย

หินปูนในธรรมชาตินั้นเกิดจากมีเกลือที่เรียกว่า “คาร์บอเนต” ค้างเติ่งตกตะกอนอยู่ตามที่ต่างๆที่มีน้ำ เมื่อมีซากของสิ่งมีชีวิตเล็กๆหรือสารอนินทรีย์ขนาดเล็กๆมาเกาะติดนานอยู่สักหน่อย ก็จะมีการหลอมรวมตัวเป็นธาตุแคลเซียมเป็นหินปูน ด้วยวิธีเกิดเป็นอย่างนี้  นักธรณีวิทยาจึงเรียกมันว่า “หินตะกอน”

“น้ำกระด้าง” ตามธรรมชาติ คือตัวอย่างของหินปูนที่ละลายน้ำได้ดี น้ำที่มีหินปูนละลายอยู่คือน้ำด่างรูปแบบหนึ่ง

น้ำลายของเราก็คือน้ำกระด้างดีๆนี่เอง ที่ลื่นเพราะมีเมือกที่ร่างกายใช้ป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดอันตรายจากความกระด้างของน้ำลายและแฝงน้ำย่อยอาหารบางตัวกับตัวด่านต้านเชื้อโรคปนออกมา น้ำย่อยนี้ทำหน้าที่หลักย่อยน้ำตาล

น้ำด่างมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตบางชนิดทั้งพืชและสัตว์ ในปากมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆคือเชื้อโรคแอบแฝงมารอกินอาหารอยู่แล้ว น้ำลายเมื่อเป็นน้ำด่างด้วยก็เท่ากับช่วยขวางกั้นไม่ให้เชื้อโรคขยายพันธุ์อีกต่อ

( ขอบคุณภาพจากเว็บไซด์จัดฟันดอทคอม )

เหตุผลเดียวกันนี้แหละที่ทำให้โดนใครถ่มน้ำลายรดแล้วเผลอกลืนลงคอแล้วไม่ติดเชื้อเอชไอวี   น้ำย่อยในน้ำลายย่อยอาหารให้ได้น้ำตาลที่จะไปย่อยต่อง่าย  ที่พวกมันมารอในปากก็คิดถูกแล้วละเพราะมีน้ำตาลอุดมสมบูรณ์

ความเป็นน้ำกระด้างของน้ำลายทำให้ทำหน้าที่ชะล้างได้ดี จึงเป็นเหมือนน้ำราดพาตะกอนอาหารที่ติดตามซอกฟันให้หลุดไปพร้อมกับเวลากินอาหาร

น้ำลายเป็นน้ำกระด้างเพราะมีทั้ง “แคลเซียม” และ “คาร์บอเนต”  แขวนลอยอยู่ ที่น้ำลายมีรสไม่เฝื่อนก็เพราะ มี “คาร์บอเนต” นี่แหละความเป็นน้ำกระด้างทำให้เมื่อ ๒ สารนี้มาเจอกันแล้วจับตัวเป็นหินปูนแล้วไม่ตกตะกอน

หินปูนในธรรมชาติเกิดขึ้นเพราะน้ำพาตะกอนคาร์บอเนตมาสะสม แล้วจับกับแคลเซียมเป็นหินปูนตรงที่ตะกอนเกาะติดอยู่  สังเกตธรรมชาติของตะกอนดูเหอะ ที่ไหนที่มีจุดผ่านของน้ำมีตะกอนแล้วเป็นหลุมร่อง ตรงนั้นตะกอนก็จะตกสะสม จะให้ตะกอนหลุดจากร่องก็ต้องไปตัก ไปแซะ ไปกวนไม่ให้ตะกอนตก ไปร่อนแรงๆ  ปล่อยให้เป็นไปตามมีตามเกิด ตะกอนก็สะสมจนล้นร่อง ล้นหลุม ยิ่งเยอะ ยิ่งนานก็ยิ่งเพิ่มขนาดและความแน่นหนา

หินปูนที่เกาะฟันอยู่หน้าตาเป็นอย่างนี้

(ขอบคุณภาพจากเว็บไซด์จัดฟันดอทคอม)

ในช่องปากมีร่องอยู่ตามซอกฟัน ร่องเหงือก เมื่อไรเศษอาหารตกลงไปติด น้ำลายลงไปขัง เศษอาหารที่น้ำลายชะล้างไม่หมดก็มีสิทธิกลายเป็นที่เกาะของหินปูนสะสม ยิ่งเหงือกแถวนั้นไม่ใคร่โดนขยับ ตรงนั้นก็ได้ใช้สิทธิกักตะกอนมากขึ้น

อะไรที่ทำให้เนื้อฟันเป็นคราบพอที่จะหน่วงเหนี่ยวน้ำลายให้้ค้างอยู่ตรงนั้นได้ คราบนั้นก็ทำให้เนื้อฟันตรงนั้นได้ใช้สิทธิกักตะกอนมากกว่าที่อื่นเช่นกัน

ยิ่งปล่อยให้เศษอาหารติดฟันหรือเปื้อนฟันแบบฝุ่นแป้งบ่อยๆหรือเหนียวติดฟันอยู่นาน เศษอาหารนั้นก็ได้ใช้สิทธิเป็นที่เกาะของหินปูนที่อยู่ในน้ำลายมากขึ้น นานวันเข้าก็เห็นด้วยตาและไปแทรกเนื้อเหงือกให้ปวด

อาหารที่เปื้อนฟันแบบทาแป้งฝุ่นหรือติดซอกเหงือกหรือติดฟันนานแล้วเอาออกให้หมดได้ยากที่สุดก็คือ อาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ขนมกรุบกรอบทั้งหลาย (ซึ่งมักทำจากพืชที่ให้แป้ง) ลูกอม ท๊อฟฟี่

คราบที่เกิดขึ้นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้ายังใช้ชีวิตอยู่กับมัน ทำให้หลุดไปก็ยาก  มี ชา กาแฟ บุหรี่

หินปูนที่แทรกอยู่ตรงร่องเหงือกและเกาะเนื้อฟันที่อยู่ใต้เหงือกเป็นอย่างนี้

(ขอบคุณภาพจากเว็บไซด์ศูนย์ทันตกรรม ฟ้าใส ฟันสวย)

เวลาอาหารพวกนี้อยู่ในปากนานๆก็ทำให้มีน้ำตาลอยู่ในปากนาน เชื้อโรคชอบก็รุมกันกิน กินน้ำตาลแล้วมันจะปล่อยกรดออกมา ก็พาให้ความเป็นด่างของน้ำลายลดลง

น้ำกระด้างในธรรมชาติเมื่อมีความเป็นด่างลดลง ก็จะมีตะกอนหินปูนตกผลึก น้ำลายที่มีความเป็นด่างลดลง หินปูนก็ตกผลึกเหมือนกัน

กลไกการเกิดหินปูนอย่างที่เล่านี้ อธิบายว่าการใช้ยาสีฟันเพื่อจัดการเรื่องหินปูนนั้นเป็นการใช้ตามหลังหินปูนเกิดแล้ว  การแปรงฟันก็ไม่ใช่วิธีเบ็ดเสร็จสำหรับจัดการกับตะกอนหินปูนในเชิงป้องกันเช่นกัน

จะให้เบ็ดเสร็จในเชิงป้องกัน ก็ต้องกลับมาวิเคราะห์ตัวเอง เรื่องการใช้ฟันเคี้ยวอาหาร ใช้ทุกซี่เพื่อให้เคลื่อนไหว เพื่อสลัดตะกอนที่ติดค้างในร่องเหงือก ซอกฟันทุกครั้งที่กินอาหารหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ปรับวิธีใช้ฟันบดเคี้ยวซะ

วิเคราะห์ชนิดของอาหารที่กินว่า ทำให้เกิดคราบเหนียวติดฟัน ซอกฟัน ซอกเหงือกอยู่นานแค่ไหน ละเอียดชนิดมีโอกาสติดในร่อง ติดซอก เอาไม่ออกมากน้อยอย่างไร ถ้าใช่ก็เปลี่ยนนิสัยการกินของตัวเองซะใหม่ ดูแลตัวเองเพิ่มซะหน่อย

อ้าปากดูฟันตัวเองว่ามีร่อง หลุม ซอกตรงไหนบ้าง ที่จะเป็นที่กักตะกอนน้ำลาย เศษอาหารได้ ก็ดูแลเป็นพิเศษซะหน่อย จัดการชะล้างคราบ เศษอาหารที่มาติดทิ้งซะทุกมื้อที่กินอาหาร

สมัยหนึ่งเคยไปเยี่ยมกราบพระอาจารย์ฝั้น ฐานะจาโร ก็เห็นท่านใช้อะไรสักอย่างที่ไม่ใช่แปรงสีฟันแบบปัจจุบันจัดการช่องปากของท่าน ถ้าใช้เป็นและเข้าใจหลักข้างบน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แปรงฟันและยาสีฟันหรอก

พระอาจารย์ฝั้น ฐานะจาโร เป็นพระธุดงค์ชื่อดังของทางอีสาน ใครไม่เคยเห็นแปรงสีฟันของท่านไปดูได้ที่นี่ค่ะ

« « Prev : มาตรวัดแผ่นดินไหวใช้แบบไหนเตือนภัยดีกว่า

Next : กฏหมายที่เกี่ยวกับแผ่นดินไหว » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

7 ความคิดเห็น

  • #1 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กุมภาพันธ 2011 เวลา 19:09 (เย็น)

    แล้วทำไม แมวเหมียวมันมีฟันที่ค้าวขาว วาววับ ทั้งที่ไม่เคยแปรงฟันเลย (ยกเว้นแมวไอ้กัน มีการไปขูดหินปูนด้วยนะ) กลิ่นปากก็ไม่มี (ผมจับแมวแหกปากดูฟัน เหงือกมันบ่อยๆ ..หยอกมันเล่นด้วย ทุกตัวฟันสวยเหมือนกันหมด) ถ้าแมวเขี้ยวหักเมื่อไรแสดงว่ามันใกล้จะตายแล้ว

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กุมภาพันธ 2011 เวลา 20:38 (เย็น)

    ไม่เคยเลี้ยงแมวค่ะอาจารย์ เคยเลี้ยงแต่หมา
    เคยแหกปากมันดู ตรงที่มันไม่ใคร่เคี้ยวอะไร มันก็มีหินปูนเกาะ ตรงไหนที่เคี้ยวก็ฟันขาวเชียว
    อืม มันเหมือนที่อาจารย์เล่าตรงที่ปากไม่เหม็นค่ะ

    ไม่รู้เหมือนกันว่า น้ำลายแมวกับคนนี่มีอะไรเหมือนกันบ้าง

  • #3 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 กุมภาพันธ 2011 เวลา 21:33 (เย็น)

    ปากเหม็นเกี่ยวกับอาหารไม่ย่อยด้วยหรือเปล่าคะพี่
    เคยเห็นเสือถูกขูดหินปูนด้วยค่ะ

    ส่วนแมวที่บ้าน ชอบเคี้ยวก้างปลาคงไปช่วยขัดฟันนะคะ
    แต่ไม่เคยดมปากแมวค่ะ เพิ่งรู้ว่าไม่เหม็น

  • #4 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 กุมภาพันธ 2011 เวลา 1:12 (เช้า)

    หมาน่ะ ปากอาจไม่เหม็น แต่ตัวมันเหม็นนะครับ นัยว่าผิวหนังมันมีต่อมอะไรที่ปล่อยกลิ่นเพื่ออะไรสักอย่าง แต่แมวนั้นตัวมันก็ไม่มีกลิ่นอีกด้วย บางตัวแมวพันธุ์ดีกลิ่นหอมโดยธรรมชาติเสียอีก ..ผมเลี้ยงทั้งแมวและหมาแหละครับ เคยคิดอยากเลี้ยงไก่แจ้ แต่คงไม่รอดเพราะหมาแมวแถวบ้านมันเยอะ คงถูกเจี๊ยะหมด ว่าแต่ว่าหินปูนเนี่ยนอกจากโทษแล้ว มันมีประโยชน์อะไรบ้างไหมครับ (นอกจากช่วยทำรายได้ให้หมอฟัน)

  • #5 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 กุมภาพันธ 2011 เวลา 8:01 (เช้า)

    มีอย่างหนึ่งที่แมวมีและใช้ไม่หมือนคน คนมีกิริยาใช้ลิ้นเลียฟัน ดุนฟันเล่นยามเผลอ แมวชอบเลียขนตัวเอง ไม่รู้ว่าใช้ลิ้นกับในช่องปากตัวเองยังไงนะคะ ถ้าเขาใช้ลิ้นเลียในปากด้วย ก็เป็นไปได้ที่จะช่วยให้หินปูนหลุดออกมาได้บ่อยๆ ที่จริงคนก็ใช้ลิ้นลูบฟันบ่อยเหมือนกันทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ แต่ถ้าใช้แบบตั้งใจดุนเศษอาหารที่ติดแน่นซอกฟันบ่อย ต่อมรับรสจะอักเสบจนทำให้ไม่รับรู้รสอีกเลยได้ หรือใช้บ่อยๆก็เมือยลิ้น

    แปรงฟันน่าจะเกิดมาจากความขี้เกียจใช้ลิ้นของคนคิดค้นหรือไปปิ๊งกับลิ้นแมวที่มีลักษณะคล้ายแปรงฟันมังค่ะ

    ถ้าดูจากธรรมชาตินะคะ หินปูนก็มีประโยชน์กับร่างกายคะ แต่ต้องอยู่ถูกที่ อย่างที่ฟันถ้าไปอยู่ในร่องเหงือกนานๆ มันไม่ดีเพราะไปทำให้เหงือกร่น เหงือกร่นฟันก็เอียงทางโน้นทีทางนี้ทีเวลาเคี้ยว ทำให้ฟันคลอน เปิดทางให้เชื้อโรคชอนไชเข้าไปตรงตำแหน่งสำคัญของมันคือรากฟันซึ่งมีเส้นประสาท ทำให้อักเสบ เนื้อฟันตาย ฟันก็เหมือนต้นไม้ที่เรามาใช้ทำเสาค่ะอาจารย์ ต้นไม้ยืนเป็นเสาอยู่ได้เพราะมีดินยึด ฟันก็มีเหงือกคอยยึดให้อยู่แน่น รากฟันก็คือปลายเสาที่อยู่ใต้ดิน เมื่อไรดินถูกเซาะ เสาก็ง่อนแง่น รากผุพังได้

    โดยปกติถ้าเหงือกไม่เป็นไร ฟันไม่มีรอยแตก ฟันก็จะไม่ผุ เมื่อเข้าใจกันตรงนี้ ในงานป้องกันโรคด้านสาธารณสุขก็เลยนำมันมาใช้ในการป้องกันฟันผุ เพื่อไม่ให้คนเสียฟันก่อนวัย

    แต่ก่อนฟันผุก็ไม่สามารถทำอะไรให้ไม่ต้องเสียฟันได้ จนรู้วิธีอุด เข้าใจเรื่องหินปูนที่มีผลกับเหงือก ก็เลยสามารถช่วยประคองอายุฟันให้มีใช้ไปจนหมดอายุฟันนั้นได้ ที่ป้องกันก็เพื่อลดการต้องใส่ฟันปลอม ชะลออายุที่ต้องใส่ฟันปลอมให้เจ้าของค่ะ

    เสียเงินให้หมอฟันค่าขูดหินปูนบ่อยๆ แล้วไม่ต้องสูญเสียฟัน ไม่ต้องไปเสียค่าอุดฟัน ค่าทำฟันปลอม อย่างไหนจะเหมาะกว่า แต่ละคนก็มีเงื่อนไขแตกต่างกันไป

    ใส่ฟันปลอมแล้วกินอาหารไม่อร่อยค่ะอาจารย์ เวลากินปลาก็ไม่รู้ว่าส่วนไหนก้างส่วนไหนเนื้อ เพราะมันส่งผ่านความรู้สึกให้รับรู้ผ่านเหงือกไม่ได้ เป็นภาระให้ลูกหลานมาคอยป้อนน้ำป้อนปลาเปล่าๆ

  • #6 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 กุมภาพันธ 2011 เวลา 16:45 (เย็น)

    เรื่องหินปูนนี่เรื่องใหญ่ ผมเคยคิดว่าแปลก ทำไมไม่มีใครคิดน้ำยาบ้วนปากที่ทำหน้าที่หลักในการชะล้างหินปูนออกไป บ้วนวันละครั้ง รับรองว่าไม่มีหินปูนเด็ดขาด ผมว่ามันไม่เหลือวิสัย ขนาดไปดวงจันทร์กันแล้วแค่นี้ทำไม่ได้ให้มันรู้ไป

    ผมเคยให้เด็กป.ตรีทำโครงงานทำแปรสีฟันแบบใหม่ คือ ไม่มีขนแปรง แต่เป็นเครื่องดูดขี้ฟัน ก็แบบเครื่องดูดฝุ่นแหละครับ แต่เด็กฝีมือมันไม่ถึงก็เลยทำไม่สำเร็จ ผมว่ามันจะสะอาดกว่าแปรงฟัน เพราะสามารถดูดเอาสิ่งสกปรกใต้เหงือกออกมาได้ด้วย ใครเอาไปทำสำเร็จออกมาขายน่าจะรวยนะครับ เผลอๆ หินปูนก็จะหายไปด้วย

    เรื่องแมวเอาลิ้นเลียฟัน มันเป็นไปได้ครับ โดยเฉพาะลิ้นมันสากมาก ขนาดเลียเนื้อสัตว์เนื้อสัตว์ยังขาดออกได้ ถ้าเอมาเลียฟัน ฟันมันคงสะอาดอย่างว่า แหมน่าศึกษาจัง แล้วศึกษาให้ลึกๆ แล้วเอามาเลียนแบบทำแปรงสีฟัน เอ้า..รวยอีกแล้ว

  • #7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 กุมภาพันธ 2011 เวลา 8:23 (เช้า)

    เครื่องดูดขี้ฟัน จ๊าบส์จริงๆ คิดได้ไง อิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.55910396575928 sec
Sidebar: 0.22591495513916 sec