มารู้จักที่นอนลมกันดีกว่า
วันหนึ่งในช่วงหยุดยาวของเดือนเมษายนนี้ จู่ก็มีโทรศัพท์จากใครคนหนึ่งซึ่งบอกฉันว่าจะมาใต้ในช่วงนี้แหละ แล้วเขาคนนั้นก็เอ่ยปากออกมาในเรื่องที่ฉันไม่คาดว่าจะได้ยินแม้แต่น้อย เขาเล่าออกมาว่า ในขณะที่เขาโทรศัพท์มาหาฉันนั้น เขากำลังอยู่ที่บ้านของคนป่วยไข้ด้วยโรคอัมพาต คนป่วยไข้นี้เธอสูงอายุแล้วหละและนอนอยู่กับเตียงมาเป็นแรมปีแล้ว เธอเคยไปเมืองกรุงเพื่อให้คุณหมอท่านหนึ่งจับเส้นจัดกระดูกให้ และในวันนี้เธอก็ยังคงนอนอยู่กับเตียงไปไหนไม่ได้ต้องมีคนแบกหามไป อาการของเธอนั้นจะมากมายแค่ไหนฉันก็ไม่รู้หรอกนะด้วยว่าเขาไม่ได้เล่า
เรื่องที่ผู้โทรศัพท์มาหาเล่าต่อมานั้นคือว่า ขอปรึกษาหน่อยว่าจะแก้ปัญหาต่อไปนี้ได้อย่างไร ครือว่าตอนนี้บริเวณก้นของผู้เฒ่าท่านนี้มันมีร่องรอยของผิวหนังแดงๆอยู่รอบๆก้นกบ มันแดงอ่อนๆมาหลายวันแล้ว และดูเหมือนวันนี้มันแดงเพิ่มขึ้นจนเห็นชัด จะช่วยบอกได้ไหมว่าจะหายาอะไรมารักษารอยนี้ได้บ้าง
เมื่อได้รู้ว่าผู้เฒ่านั้นนอนเตียงอยู่นานแล้ว ก็เฉลียวในเรื่องของปัญหาที่ปรึกษามาว่ามีอยู่ 2 เรื่องที่ควรทำให้กระจ่างในการดูแลนะ
หนึ่งนั้นก็คือ ผู้เฒ่านั้นมีโรคอื่นอยู่ด้วยรึไม่
อีกหนึ่งนั้นคือ พึงแยกให้ออกว่ารอยแดงที่ว่านั้นเป็นร่องรอยเริ่มเป็นแผลรึเปล่า
ตำแหน่งที่มักเกิดแผลกดทับในคนป่วยไข้ที่ไม่ใคร่ได้ขยับตัว
ถามไปแล้วก็รู้ ผู้เฒ่าเธอมีโรคเบาหวานอยู่ด้วย แถมมีความดันสูงด้วย มิน่าเธอจึงนอนแช่อยู่กับเตียง ฟื้นตัวขึ้นยากนัก อายุผนวกต้นตอปัญหาถึง 3 เด้งนี่เอง
ใจนึกสงสัยว่าลูกหลานนั้นให้หมอที่ไหนมารักษาให้นะ ถามไปถามมาก็ได้ข้อมูลว่า มีพยาบาลมาเยี่ยมบ้านนะ ซึ่งเขาจะมาเยี่ยมกันเดือนละครั้งแค่นั้นเองหละ คราวก่อนที่มาเยี่ยมปัญหาผิวแดงนี้ไม่มีให้เห็นหรอกนะ เพิ่งมีเกิดมาเมื่อไม่นานนี่แหละ ช่วยหน่อยได้มั๊ย
ฉันจึงถามต่อว่าผู้เฒ่านั้นเคยมีแผลกดทับบ้างมั๊ย
คำตอบที่ได้เคยมีนะเคย แต่มันหายไปแล้ว และในขณะนี้ก็ให้ผู้เฒ่านอนเตียงลมอยู่นะ แถมพลิกตัวให้ด้วย ไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็พลิกตัวกันแล้ว พลิกไปมาอยู่นั่นแล้ว ไม่ลืมพลิกกันหรอก เจ้ารอยแดงนี่นะดูแลด้วยการเช็ดสำลีชุบน้ำเกลือที่ซื้อมาจากร้านให้อยู่ทุกวันๆ แล้วทายาซ้ำด้วยาครีมทาเชื้อราที่ได้มาก่อนหน้า วันนี้มันแดงขึ้นมากเลยไม่สบายใจว่ามันเป็นอะไร จะทายาให้ ไม่รู้ใช้ได้ไหม จะทำยังไงดี
หน้าตาของเตียงลมที่เล่าถึงไว้ในเรื่องราว
เมื่อรู้ว่าผู้เฒ่ามีเบาหวานอยู่กับตัวด้วย ฉันจึงขอร้องไปว่า อย่าให้หมอบอกเลยว่า จะใช้ยาอะไร อยากจะให้ช่วยผู้เฒ่าต่อด้วยการไปปรึกษาหมอที่อยู่ใกล้ตัวดีกว่า
ลูกสาวเธอบอกกลับมาว่า การพาตัวผู้เฒ่าออกไปจากบ้านลำบากมากเลยหละ ฉันจึงแนะนำว่า ลองติดต่อไปที่พยาบาลเยี่ยมบ้านดีกว่ามั๊ย ให้เขามาเป็นตาดูรอยโรคให้หมอ น่าจะดีกว่าให้ัฉันมองอากาศทำนายนะ แต่ว่าตอนนี้มันวันหยุดยาวด้วยซิจะทำยังไงดีเล่า จะติดต่อพยาบาลคงยากที่จะต่อได้เจอ แล้วอีกหลายวันจึงถึงวันเปิดทำงานอีกแหละนะ
คุยกันไปคุยกันมา ลูกสาวเธอหลุดปากมา หนูถ่ายรูปรอยตรงนี้ไปให้หมอดูดีกว่า ได้ยินแล้วเห็นว่าดี รูปมันเหมือนจริงได้ ฉันจึงบอกเธอไปว่า น่านแหละทำไปเลย
ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของการเลือกหมอว่าจะไปหาหมอคนไหน ถามไปถามมาสรปุได้ว่า มีหมออยู่ 2 คนที่ให้เลือกหาได้ หมอคนที่เธอสนิทสนมด้วยเป็นหมอที่ชำนาญเรื่องโรคหัวใจ เป็นหมอที่เธอไปหาและสนิทสนมพอที่จะปรึกษารายละเอียดได้ อีกคนเป็นหมอที่ดูแลโรคเบาหวานโดยตรง หากแต่ไม่ใคร่ได้ติดต่อจึงไม่สนิทใจที่จะไปปรึกษา
ฉันแนะนำไปว่า หมอหัวใจนะเขาดูแลเบาหวานได้แต่ไม่ชำนาญเท่าหมอเบาหวานหรอกนะ แต่ว่าถ้าสะดวกใจจะปรึกษาหมอคนไหน ไปหาหมอคนนั้นเถอะดีแล้ว เอารูปถ่ายไปให้ดูแล้วปรึกษาก็แล้วกันจะทำยังไงต่อไป ส่วนเรื่องหมอเบาหวานก็ให้ข้อมูลผ่านพยาบาลเยี่ยมบ้านได้อีกทางหนึ่ง ยังไงข้อมูล 2 ทางก็จะช่วยผู้เฒ่าได้ในเรื่องการวินิจฉัยโรค ซึ่งควรทำให้แม่นตรงก่อนให้ยาใดๆ นี่คือเรื่องสำคัญ
แล้วเรื่องราววันนี้ก็จบลงตรงที่ มีทางออกในการแก้ปัญหาซึ่งฉันรับรู้ว่าทุกฝ่ายได้ประโยชน์ในเรื่องการบริหารงาน บริหารใจ
ลูกสาวได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีของแม่ ในเรื่องการดูแลความปลอดภัยให้แม่ โดยเลือกตัดสินใจในสิ่งที่เหมาะควรให้แม่แล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูผ่านการตัดสินใจที่พึงเอาเยี่ยงอย่างให้มากๆไว้เลยค่ะ
หนุ่มที่โทรมาเล่าก็ได้ทำหน้าที่ลูกเขยที่ดีของแม่ยายในเรื่องของความห่วงใย แล้วได้สื่อสัมพันธ์มาหาเพื่อช่วยกันหาทางออกให้แม่ยาย
ฉันได้ทำหน้าที่ที่ควรทำ ไม่ทำเก่งรักษาโดยเดาเรื่องราวเอาตามที่ได้รับคำบอกมา เดาถูกก็ได้ความเก่งมาให้หลงลืมตัวได้ แต่เดาแล้วน่าห่วงกว่า คือ เสี่ยงดวงนั่นแหละหนา เสี่ยงดวง 2 เ้ด้งเลยแหละ ไม่ 2 เด้งได้ยังไง เดาผิดแล้วคนที่เละมีอีกคนใช่ฉันคนเดียวก็เปล่า คนๆนั้น คือ ผู้เฒ่าที่เป้นผู้ป่วยไข้อยู่นั่นยังไงเล่าที่จะเละกว่า
ผู้เฒ่าคือคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการตัดสินใจของทุกคนในครั้งนี้เลยนะ หนึ่งไม่เจอลำบากกับการถูกหอบหิ้วออกจากบ้านไปให้หมอดูตัว สองไม่เจอเสี่ยงดวงให้ได้เด้งซ้ำสองจากเหตุแทรกซ้อนที่เกิดได้จากการรักษาด้วยการเดา สามได้ทำประโยชน์ของแม่ที่ให้ลูกได้ทำหน้าที่ดูแลและแสดงความกตัญญู
เป็นของขวัญอีกชิ้นที่ปีใหม่ไทยปีนี้ มอบมาให้ฉันโดยไม่คาดฝันเลยหนา
เล่าเรื่องนี้ให้ฟังด้วยเชื่อว่า มีมุมให้เรียนอยู่หลากหลายทีเดียวสำำหรับผู้เข้ามาอ่าน เก็บความรู้เอาเองนะท่าน ขอเล่าไว้แค่นี้เองแหละค่ะ
มีเรื่องแถมไว้เรียนรู้อยู่ 2-3 เรื่องที่อยากให้รู้เพื่อไว้ช่วยคนให้มีความสุขขึ้นได้บ้างค่ะ
1. ทำอย่างไรได้บ้างหากว่าเตียงลมที่ใช้อยู่เกิดปัญหาชำรุด
2. วิธีปรับตัวไม่ให้เกิดแผลกดทับด้วยการลงมือด้วยตัวเอง
3. ปรับสิ่งรอบตัวอย่างไรให้ผู้ทุพพลภาพสามารถทำงานได้บ้าง
ก่อนจบเรื่องราวก็ขอนำเอาเตียงลมที่ทำโดยฝีมือคนไทยมาให้ได้รู้จักหน้าตาทั้งเตียงและคนคิดค้นกันค่ะ
และนี่คือที่นอนระนาดที่อาจจะมาประยุกต์ใช้ป้องกันแผลกดทับแบบบ้านๆได้นะ ถ้าเข้าใจหลักการเกิดแผลข้างบนนะ
« « Prev : ผักที่คนโรคไตวายกินได้ คนเบาหวานควรระวังอะไรมั๊ย
Next : เล่าเรื่องไข้หวัดใหญ่ » »
5 ความคิดเห็น
พี่สาวตา หมอเจ๊คะ
เรืองนี้สำคัญจริงๆค่ะ เห็นด้วยเลยว่าการดูแลคนสูงวัยที่นอนกับที่และมีหลายโรคต้องการคนปรึกษาเพื่อช่วยเรียงลำดับความคิดและความสำคัญของปัญหาเป็นอย่างมากๆ Telecounselling แบบที่พี่ทำเยี่ยมมากเลยค่ะ เข้าแบบ Remote assess ที่ขอชื่นชมและดูแบบเลยค่ะ..
ดร. ลัพณา ที่เป็นเพื่อนที่อยู่ มอ. ทำนวัตกรรมใช้เสื่อกระจูดของปักษ์ใต้สำหรับปูนอนกันแผลกดทับได้ผลดี เผื่อพี่ตาสนใจนะคะ งานวิจัยของเธออยู่ในวารสารพยาบาล ถ้าหาฉบับเต็มได้จะส่งให้เผื่อเป็นอีกทางสำหรับช่วยประหยัดเงินคนไข้ได้ค่ะ
ผมกำลังติดตามอยู่ครับ อุ้ยตามเรื่องที่นอนให้ด้วยครับ
เฮียเหลียงคะ ขอโทษค่ะ ลืมมาตอบ
ต่อสายให้พี่สาวตาได้คุยกับคนทำวิจัยแล้วค่ะ ลักษณะอย่างไงไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าใช้เสื่อกระจูดของปักษ์ใต้รองนอนทำให้ไม่มีแผลกดทับ
น้องก็สนใจวิจัยนี้ ที่นอนนี้ เลยลืมหาอ่านต่อ วันนี้เห็นเม้นท์อาจารย์สร้อย เลยตามอ่านได้ตรงนี้ค่ะ
ขออภัยนะคะ ลืมลบ http ใหม่ค่ะแล้วน้องจะลองค้นบทความหอสมุดฉบับเต็มด้วย