กินมาก-กินน้อยดูยังไง
บันทึกก่อนฉันเอาเรื่องธงโภชนาการมาเล่า เพื่อให้ทำความรู้จักกับหมวดอาหาร ที่จะชวนให้ใช้ประโยชน์ในการคาดประมาณความพอเพียงของอาหารที่กินประจำวัน ถ้าดูรูปธงจะเห็นมันเป็นรูปสามเหลี่ยมหัวทิ่ม
การแบ่งธงไว้แบบบันได 4 ขั้น แบ่งไว้ใช้บอกปริมาณที่ควรกินต่อวันเปรียบเทียบระหว่างหมวด หมวดที่อยู่ในขั้นบนสุด คือ หมวดที่ควรบริโภคในปริมาณมากที่สุด หมวดที่อยู่ในขั้นล่างสุด คือ หมวดที่ควรบริโภคน้อยที่สุด
ตัวเลขปริมาณที่เป็นช่วง ในแต่ละขั้นบันไดที่มีหน่วยทัพพีบ้าง ช้อนกินข้าวบ้าง แก้วบ้าง ส่วนบ้าง แปลงมาแล้วจากความต้องการใช้พลังงานของคนวัยต่างๆและกิจกรรมประจำวัน เป็นตัวเลขบอกความพอในแง่มุมที่กินอาหารเข้าไปเพื่อให้พลังงานให้ยังชีพอยู่ได้ในแต่ะละวันของคนแต่ละกลุ่มค่ะ
ปริมาณตามค่าช่วงล่างสุดของทุกหมวด เป็นปริมาณสำหรับเด็กประถมที่อายุไม่เกิน 13 ปี ผู้หญิงที่ทำงานไม่ใช้แรงงานอายุ 25 ปีขึ้นไป และ ผู้สูงอายุทั้ง 2 เพศใช้ยังชีพในแต่ละวัน
ปริมาณตามค่าช่วงบนสุดของทุกหมวด เป็นปริมาณสำหรับเกษตรกร ผู้ใช้แรงงานและนักกีฬาใช้ยังชีพในแต่ละวัน
ปริมาณระหว่างค่าบนกับค่าล่างของทุกหมวด เป็นปริมาณสำหรับผู้มีอายุ 14 ปีขึ้นไปที่ไม่อยู่ใน 2 กลุ่มแรก และผู้ชายที่ทำงานไม่ใช้แรงงานใช้ยังชีพในแต่ละวัน
การให้อาหารแต่ละหมวดตามขั้นบันไดนี้ ไม่รวมถึงการใช้ในกลุ่มเด็กวัย 5 ขวบแรก ถ้าจะใช้คงต้องมีความรู้ลึกลงไปอีกในหลายมุมค่ะ แล้วนำทุกมุมมาพิจารณาร่วมกันค่ะ ทั้งเรื่องกิจกรรมการอยู่ การเล่นประจำวัน ข้อมูลการเจริญเติบโต ข้อมุลพัฒนาการตามอายุ และข้อมุลหมวดอาหาร เมนูอาหารแต่ละอย่างของเด็กค่ะ
เล่าสู่กันฟังมาถึงตรงนี้ ฉันขอพักไว้ก่อนเรื่องกินอาหารอ่ะค่ะ ขอชวนท่านยูเทิร์นกลับไปที่โหวงเฮ้งอีกครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนกันเรื่องดูโหงวเฮ้งตรงไหนที่จะบอกว่ากินเกินพอดี
พูดเรื่องพอดี ขอเล่าอีกนิด สำหรับพอดีเรื่องอาหาร ให้แบ่งคำ 2 คำนี้แยกกันไว้ ขอเป็น 2 คำเอาไว้ก่อน คือ ”กินพอ” และ “กินดี” แล้วค่อยเอามารวมกันเป็นคำว่า “กินพอดี”
“กินพอ” หมายถึง กินให้มีพลังงานพอเพียงเพื่อยังชีพประจำวันและทำงานการอาชีพนะค่ะ
“กินดี” หมายถึง กินให้สามารถอยู่ดี อยู่ได้ในทุกๆวันนะค่ะ
รวมคำเป็นคำว่า “กินพอดี” ก็จะมีความหมายว่า กินอาหารให้มีชีวิตรอด ทำการงานอาชีพได้ และให้สุขภาพที่ดี นะค่ะ
กินเกินพอดี ก็จะมีความหมายตรงข้ามกับ กินพอดี ไงละค่ะ ซึ่งหมายถึงได้ ทั้งกินน้อยไปและกินมากไปได้ทั้ง 2 เรื่องเลยนะค่ะ
เรื่องที่ขอชวนยูเทิร์นกลับเพื่อไปทดสอบสีมือดูโหงวเฮ้งนั้น จะชวนไปดูกินเกินพอเพื่อนำศาสตร์การกินที่คุยกันอยู่นี้ไปช่วยแก้ไขปัญหาการกินเกินพอได้ต่อไปค่ะ
โหงวเฮ้งที่ใช้ทายกินเกินพอได้ง่ายๆที่ความรู้ชั้นประถมทำได้ คือ “การแปลค่ารอบเอว” นะท่านนะ วัดเอวที่ระดับขอบสะดือล่าง วนรอบตัวที่แนวระดับเดียวกันทั้งหน้า-หลังค่ะ เอวพอดีหรือเอวงามใช้หน่วย “เซนติเมตร (ซม.) “ หรือใช้นิ้วก็ได้ นิยมใช้ ซม. เพราะละเอียดกว่าค่ะ
เอวชายงามว่ากันที่ 90 ซม.ไม่เกิน เอวนางงามนั้นว่ากันที่ 80 ซม.ไม่เกินค่ะ
ถ้าใครวัดเอวตัวเองแล้วไม่งาม พึงใส่เกียร์ถอยได้เลยค่ะ เพราะมันแปลว่าท่านเริ่มเป็นมือวางที่ได้รับคัดตัวเพื่อคัดไปแข่งกีฬาโรคแล้วอ่ะค่ะ ส่วนจะได้เป็นตัวสำรองหรือตัวจริง ยังต้องส่งเข้าค่ายคัดตัวด้วยการวัดค่าความดันลหิต และเจาะเลือดตรวจโรคค่ะ
ส่วนใครที่เอวงามแล้วยังต้องคัดหุ่นกันต่อถึงจะหลุดในการปลดจากมือวาง วิธีคัดหุ่นยากสักหน่อย เพราะต้องคำนวณด้วยการหาร หุ่นงามคำนวณได้จากตัวเลขส่วนสูงและน้ำหนักตัวค่ะ น้ำหนักตัวกี่กิโลกรัมตั้งไว้ แล้วใช้ความสูงเป็นเมตรมาหาร แล้วหารครั้งเดียวไม่พอ ผลลัพธ์การหารครั้งแรกได้เท่าไรเอาค่าความสูงเดิมนั่นแหละมาหารต่อ คราวนี้ผลลัพธ์เป็นเท่าไรนั้นคือค่าที่ใช้แปลหุ่นค่ะ
เดี๋ยวนี้กระทรวงสาธารณสุข ใช้ค่า 19-22.9 สำหรับตัดสินหุ่นงามค่ะ
ใครที่เอวงาม แต่หุ่นไม่งาม ยังมีสิทธิเป็นมือวางนะค่ะ ยังต้องส่งเข้าค่ายคัดตัวด้วยการวัดค่าความดันโลหิตและเจาะเลือดตรวจโรคเช่นกันค่ะ
ถ้าเป็นคนหุ่นขนาดนี้ วัดเอวแบบเอวกางเกง เอวกระโปรงก็ได้ แต่ถ้าดูเหมือนเอวจะงาม ให้วัดอย่างที่เล่าให้ฟังข้างต้นนะค่ะ
ทีนี้มาศึกษาโหงวเฮ้งชองหนุ่มน้อยใจบุญกันดูเป็นไร รอบเอว(พุง) 36 นิ้ว ก็คือ เอว 90 ซม. ซิน่ะ เอวชายงามพอดีเลยค่ะนี่
ความสูง 168 ซม. น้ำหนักตัว 74 กก. คำนวณได้ 26 ฝ่าๆ หุ่นไม่งาม คัดเป็นมือวางเข้าค่ายไปคัดตัวซะ ผลการคัดต่อความดันโลหิตมันสูง ใช่เลยเขานั้นถูกคัดให้เป็นนักกีฬาโรคตัวจริงซะแล้ว ไม่อยากเป็นก็ต้องเป็นก็มันเจ๋งมันชัดอย่างนี้ นี่คือที่มาที่ไปที่ทำให้เขามาอยู่ในสังเวียนกีฬาโรคชนิดนี้ค่ะ
เมื่อครั้งยังไม่รู้ว่า เขาเป็นนักกีฬาโรคตัวจริงมากี่ปีแล้ว ฉันเคยแนะนำเขาไปว่า มีทางเอาตัวออกห่างแบบไม่เบี้ยวโค๊ชได้นะ ดูเหมือนเขาดีใจค่ะว่าจะมีทางปลดตัวเองออกไปเป็นแค่ตัวสำรองได้ แต่พอฉันคำนวณเวลาที่เขาวนเวียนในสังเวียนกีฬานี้ให้แน่นอนจริงๆ ดูเหมือนพรรษาและความเชี่ยวชาญของเขามันจะมากจนโค๊ชเสียดายตัวนะนี่
เล่ามาถึงตรงนี้ฉันอยากบอกน้องว่า ฉันเชื่อว่าในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่คนทำไม่ได้ ถ้าหากคนนั้นมุ่งมั่น ถ้าน้องชายผู้ใจบุญเข้ามาอ่าน วานบอกข้อมูลเพิ่มมาให้ เพื่อจะได้ช่วย ได้ลุ้น ได้หามาบอก กลศึกที่ทำให้โค๊ชระอาจนอนุญาตให้ปลดระวางไปเป็นตัวสำรองได้
ฉันอยากจะบอกน้องว่า ขอเป็นกำลังใจให้ และยินดีให้คำปรึกษาทุกเรื่อง ที่ฉันสามารถช่วยได้ค่ะ ขอเพียงแต่ส่งเสียงมาพร้อมข้อมูลสำหรับวิเคราะห์และพิเคราะห์ก่อนให้คำแนะนำค่ะ
บันทึกเรื่องราวในวันนี้ บอกวิธีประเมินการกินเข้า รวมผลจากการกินเข้าให้ทราบไปแล้วนะค่ะน้องจ๋า ลุ้นให้น้องลองนำไปประเมินตัวเองดูว่า กินเกินพอดีอย่างไร แล้วส่งเสียงบอกมาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันต่อค่ะ
« « Prev : รู้มั๊ยการกินอาหารก็มีศาสตร์ให้เรียนรู้
Next : ดูโหงวเฮ้งหุ่นงามโดยใช้ความรู้ระดับประถม » »
9 ความคิดเห็น
แวะมาเรียนรู้ต่อค่ะ ตอนนี้ดูจากตัวเลขที่เคยคำนวณคร่าวๆ เอวยังต่ำกว่า 80 (เกือบไปๆ ฮ่าๆๆๆ) ส่วนหุ่นงานนั้นเกือบติดขอบบน ตอนนี้เช็คสุขภาพทุกปี ตัวเลขยังดีอยู่ทุกตัว คลอเลสเตอรอลไม่สูง น้ำตาลไม่สูง รู้สึกว่าถ้าจำไม่ผิดจะมี HDL ที่ลดลงเรื่อยๆ แต่ยังไม่ต่ำมากนัก คิดว่าคงเป็นเพราะออกกำลังน้อยลงกว่าเมื่อหลายปีก่อนมาก เดานะคะ
ส่วนเรื่องกินพอดี คิดว่าน่าจะพอโอเคค่ะ ออกแนวน้อยกว่าทีกำหนดไว้ในธง และไม่ได้ทานนมเลย ทานแต่โยเกิร์ตบ้างค่ะ
จอมป่วนสูง 168 เหมือนกัน น้ำหนักก็ 70 กก. BMI เกิน 25 หน่อยนึง แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า กล้ามเนื้อมันใหญ่ อิอิ
ต้องหัดกินให้พอดีแล้วหละ แต่ไอ้ความดันทุรัง รักษาไม่หาย อิอิ
#1 เอวงาม หุ่นงาม ยังไม่พอ ต้องเนื้องาม ใจงามด้วยนะอาจารย์ สถานะจึงจะถอยออกห่างการเป็นมือวางที่บอกไว้
ตัว HDL ที่ต่ำบอกอะไรได้หลายมุมค่ะ ค่าในเลือดที่เจอแต่ละครั้งมันบอกความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมหลายมุมค่ะ ไม่ตรงไปตรงมาทีเดียวนักอย่างที่เราบวกลบเลขในวิชาคณิตศาสตร์ค่ะ
#2 คุณพี่ขาที่ทำอยู่แล้ว ดีแล้วละค่ะคุณพี่ ด้วยต้นทุนที่คุณพี่เคยมี มันเยอะๆๆๆจนจุก หุ่นงามขึ้นกว่าแต่ก่อน จนสาวเขาอ้อนออเซาะฉอเลาะให้สบายใจ น่าพอใจแล้วละค่ะพี่ขา คุณพี่กำลังจะบอกว่า หุ่นงามนั้นยังไม่มา หุ่นแมนมาหาซะก่อนเหรอค่ะ หุ่นแมนนั้นมีคุณค่าในอีกมุมหนึ่งนะค่ะพี่
สวัสดีค่ะ
พี่กินอยู่อย่างพอดีค่ะ จะมีเกินๆบ้างก็ นานๆครั้ง เพราะพี่จะอึดอัด ร่างกายไม่ชอบ แต่ก็ไม่ค่อยท้องอืด จะไม่อยากอาหารมื้อต่อไปเอง ถ้ากินมาก
ปกติ กินไม่มาก แต่มีอาหารว่างค่ะ เพราะย่อยเร็ว และระวังอาหารพอควร ไม่หวาน ไม่มัน ไม่เค็ม ไม่รสจัด
พี่ว่า ถ้าเรากินเข้าไปพอดีๆ ไม่เหลือเป็นไขมันนัก ก็น่าใช้ได้นะคะ
พี่กินอาหารธรรมชาติเป็นหลักค่ะ และไม่ชอบกินของค้างหลายวันด้วย กลัวราขึ้นค่ะ บ้านพี่ไม่ตุนของกินนานๆค่ะ
เอาแล้วซิเราไปใช้ lanpanya.com comment ที่นั่นเกือบทุกบันทึก หมอเจ้เห็นหรือเปล่าหนอ
เห็นทีต้อง ย้ายมาไว้ใน .net ไม่งั้นหานหมดถ้าเทพเขาอัพเดทลานฯว้ายอกอีแป้นจะแตก
* #1 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 สิงหาคม 2008 เวลา 10:51 (เช้า)
โดนใจจริงๆๆๆๆๆ หมอเจ็จ๋าขอกอด และหอมแก้มสองข้างฟอดใหญ่ๆ เอ้าหนูจ๋าอยู่ไหนช่วยทำแทนป้าที่นะลูก เอาให้ดังแค่ป้าได้ยินก็พอแล้ว 555555
ชัดเจนมากธงสามเหลี่ยมโภชนการหัวทิ่ม ภาพหนึ่งภาพอธิบายได้หลากหลายมาก เชิญแกะลายแทงธงโภชนาการให้เหมาะกับตัวเองนะค่ะ อย่าลืม กินพอ + กินดี = กินพอดี
ไม่มีใครทำร้ายตัวเราเองได้มากกว่าตัวเรานะค่ะ แหมๆ หมอเจ้จะมาเปลี่ยนอาชีพสว(ย) เสียแล้วไหมล่า
เอาเถอะ เพื่อทำให้หมอเจ้สบายใจขึ้นมาบ้างเอ้ายอมก็ได้ แต่ต้องสอนตลอดนะห้ามหนี55555
แสดงความคิดเห็น
ท่านเข้าระบบเป็น Lin Hui — ออกจากระบบ
ความคิดเห็นของท่าน
#6 #7 ไม่ได้ไปใช้เลยค่ะ ที่ lanpanya.com อ่ะค่ะ จะตามไปอ่านค่ะ เผื่อมีอะไรมาบอกคนสว(ย)ได้อีกอ่ะค่ะ
เรื่องกินนี่ต้องสอนให้ แน่นอนเลยค่ะ ไม่สอนได้ไง กินแทนกันไม่ได้ มันคนละท้องนะป้าขา
ยังมีอีกเยอะค่ะป้า ไม่อยากให้คนสว(ย)เหนื่อยกับการเรียน ก็จะค่อยๆละเลียดเขียนให้อ่านนะค่ะพี่ขา แล้วจะเข้าใจว่าทำไมบังคับให้เรียน…..อิอิ
ก่อนจะเอามาเขียนเล่าได้นี่อ่ะ หมอเจ๊ยังต้องเรียนจากคนอื่นเลยค่ะ ไอ้ที่ต้องเรียน ไม่ใช่เพราะอาชีพหมออ่ะค่ะ แต่ที่เรียนนะเพราะตัวเองอยากได้สุขภาพดีๆในขณะที่ไม่ใคร่มีเวลานี่แหละค่ะ เรียนแล้วเลยรู้ว่ายังมีคนอีกมากที่ควรเรียนมันอ่ะค่ะ
#5 พี่ศศิค่ะ หมอที่จะบอกได้ว่าตัวเองกินพอดีมั๊ยคือตัวเอง อย่างที่พี่ศศิบอกนั่นแหละค่ะ
บันทึกนี้หมอเจ๊จึงวางพลอตให้ทุกคนเรียนเป็นหมอรักษาตัวเองค่ะ จะฝึกให้เป็นหมอที่ตรวจตราตัวเองได้แล้วใช้อาหารและอื่นๆเป็นยารักษาสุขภาพตัวเองค่ะ หมอเจ๊ว่าทุกคนทำได้โดยไม่ต้องพึ่งหมอที่จบพบ.อย่างหมอเจ๊ค่ะ
ขอเพียงแต่สนใจลงมือฝึกค่ะ พี่ลองตามอ่านและฝึกดูนะค่ะ จะได้ไว้ใช้ดูแลลูกหลานแทนอาจารย์หมอได้ค่ะ