ลานบนเกาะ

การเลี้ยงลูกสมัยใหม่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ต่างกับสมัยก่อนที่ต้องเลี้ยงไปตามมีตามเกิด เลี้ยงไปตามที่คนโบราณเลี้ยงกันมา เมื่อถามว่าคนโบราณเลี้ยงผิดหรือเปล่า เอ..ไม่น่าจะใช่นะเพราะไม่งั้นคงหาคนรอดมาเป็นผู้ใหญ่ยาก..เรื่องนี้ปู่ว่าน่าสนใจนะ…

เรื่องแรก ทำไมคนโบราณให้คนท้องกินน้ำมะพร้าวอ่อนบ่อยๆ เขาเชื่อกันว่าจะทำให้ลูกคลอดออกมาแล้วสะอาดสะอ้าน และมะพร้าวมีลำต้นสูงกว่าจะได้ลูกมะพร้าวมีน้ำมะพร้าวมันมีการกลั่นกรองผ่านลำต้นสูง น้ำมะพร้าวจึงสะอาด และที่สำคัญปู่ลองไปค้นดูในเวบไซต์ต่างๆ ที่ www.healthcorner.com เขาบันทึกว่า “จากการสอบถาม นพ.อนันต์ โลหะพัฒนะบํารุง กุมารแพทย์ คุณหมอได้ให้ความเห็นในเรื่องน้ำมะพร้าวว่า “ในน้ำมะพร้าวมีกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันอิ่มตัวก็มี มีทั้งสองอย่าง ซึ่งเป็นข้อดี เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ดื่มน้ำมะพร้าว จะทําให้การสร้างไขตัวเด็กได้สีค่อนข้างขาว เลยอาจจะดูว่าเด็กออกมาตัวสะอาด คงไม่ใช่ออกมาแล้วเด็กไม่มีไข” นอกจากนี้ในhttp://horoscope.thaiza.com/ ก็ได้อธิบายถึงประเด็นดังกล่าวว่าได้มีการสัมภาษณ์ คุณคัทรินทร์ ปิยะวาทวงศ์ นักโภชนาการโรงพยาบาลพระรามเก้ากล่าวชี้แจงว่า “… ในเรื่องนี้นั้นยังไม่มีงานวิจัยออกมายืนยันอย่างชัดเจนค่ะว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไรแต่เคยมีงานวิจัยของเมืองนอกชิ้นหนึ่งออกมาว่า ในน้ำมะพร้าวมีสารชนิดหนึ่งซึ่งช่วยให้มดลูกบีบตัว ดังนั้นหากหญิงมีครรภ์ดื่มน้ำมะพร้าวเข้าไปสารตัวนี้ก็จะไปช่วยให้มดลูกบีบรัดรก ทำให้เกิดมีการคล้ายๆ ชะล้างเกิดขึ้น …เหมือนๆ กับที่มีข้อห้ามไม่ให้คนที่กำลังมีประจำเดือนดื่มน้ำมะพร้าวนั่นแหละค่ะ เพราะเกรงว่าจะไปบีบรัดมดลูก แต่ยังไม่มีงานวิจัยใดที่ออกมายืนยันว่าดื่มน้ำมะพร้าวแล้วผิวพรรณเด็กจะดีค่ะ…” อย่างไรก็ตามไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มน้ำมะพร้าวที่แสนอร่อย เย็นชื่นใจ … จริงไหมคะ”

ปู่เชื่อว่าการที่คนโบราณให้คนท้องดื่มน้ำมะพร้าวก็เกิดจากการสังเกตว่าคนท้องที่ดื่มน้ำมะพร้าวลูกอาจจะคลอดออกมาง่าย เนื้อตัวสะอาด ซึ่งทางการแพทย์สมัยใหม่ก็ยอมรับว่าคนท้องดื่มน้ำมะพร้าวได้มีประโยชน์ต่อร่างกายจริง

ทำไมคนโบราณให้คนที่เพิ่งคลอดใหม่ๆทานอาหารที่มีขิง พริกไทย หัวปลี ตับ แกงเลียง เพราะทำให้แม่มีน้ำนมให้ลูกดูดดื่มได้มาก แม่ที่น้ำนมไม่ไหลก็จะได้แกงเลียงนี่แหละทำให้น้ำนมไหล ซึ่งต่อมาได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าจริง

ทำไมห้ามกินขนมจีน ฟักทอง ปู เข้าใจว่าขนมจีนเป็นแป้งหมักจะส่งผลให้ลูกน้อยท้องอืด ฟักทองไม่น่าจะเกี่ยวแต่ยายทวดห้ามย่าแล้ว ย่าไม่เชื่อขอลองดูหน่อยปรากฏว่าพ่อเนติ์ท้องอืดร้องไห้งอแง ส่วนปูไม่ทราบว่าจะทำให้ท้องอืดหรือไม่อย่างไรเพราะไม่ได้ทดลอง มันคงไม่สนุกนักหรอกที่แม่จะลองดูว่าลูกท้องอืดหรือไม่จากการกินอาหารเหล่านี้ เพราะทดลองไป ๑ อย่างแล้วมันจริง เราจะไปหาเรื่องอีกทำไม ส่วนของหลานวันที่แม่หนอมทานขนมจีน วันนั้นหลานท้องอืดเคาะท้องดังโป๊ะๆ…ร้องไห้งอแง ได้ดื่มไกรป์วอเตอร์จึงตดออกมาและยิ้มออก…แฮ่ะๆ

คนโบราณมีข้อห้ามข้อปฏิบัติจากประสบการณ์การเลี้ยงลูกหลาน จากการสังเกตกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว จากการพบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อนบ้านเอามารวบรวมประสบการณ์สั่งสอนกันมา ไม่เชื่ออย่าลบหลู่…

ตอนนี้หลานปู่ดูดนมจากเต้าแม่หนอมด้วย จากขวดที่ใส่นมแม่ที่เก็บไว้ด้วยเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเมื่อแม่หนอมต้องไปทำงาน เช้าขึ้นมาหลานได้ดูดนมแม่หนอมก่อน หลังจากนั้นให้แม่หนอมออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ไปดูแลร้านคอมพิวเตอร์ ไปทำความสะอาดร้าน ทำงานบ้าน ให้หลานอยู่กับย่า จนค่ำแม่หนอมกลับมาหลานจึงจะได้ดูดนมแม่อยู่กับแม่ทั้งคืน ตอนนี้ย่าติดต่อย่าเป้าให้มาช่วยเลี้ยงหลานเวลาแม่หนอมไปทำงานจริงๆ นี่อีกไม่กี่วันเราจะลองให้พ่อเนติ์แม่หนอมพาหลานกลับไปนอนที่ร้าน เช้าขึ้นก็พามาที่บ้านปู่ย่า ได้เวลาแม่หนอมเลิกงานแล้วค่อยมารับกลับเพื่อจะได้ปรับเวลาในการทำกิจกรรมในแต่ละวัน

ทุกวัน หลานจะคุยกับปู่หยอกกันสนุกทุกวัน ปู่ฟังไม่รู้เรื่องหรอกว่าหลานพูดอะไรบ้าง แต่หลานจะอ้อแอ้กับปู่ตลอดเวลา ยิ้มง่าย อารมณ์ดี เสาร์อาทิตย์ปู่กับย่าไม่ได้ออกไปไหนกันเลย เล่นกับหลาน ถ่ายรูปบ้าง ถ่ายวีดีโอบ้าง ออกไปถ่ายนกข้างบ้านบ้างตอนหลานหลับ สังเกตได้ง่ายๆว่าถ้าหลานร้อง ๑.อึหรือฉี่ ๒.หิว ๓.ท้องอืด ๔.อยากดูดนมแม่(มักเป็นเวลาใกล้ค่ำ) ปู่กับย่าสังเกตว่าเวลาเล่นกันอยู่ดีๆ ถ้าหลานเริ่มคิ้วขมวดก็ต้องรีบเอาขวดนมหรือขวดน้ำให้ดูด ถ้าถูกต้องหลานก็จะดูดนมหรือน้ำนั้น ถ้ายังร้องต้องดูผ้าอ้อมเปียกฉี่หรือมีอึหรือเปล่า ถ้าใช่พอเปลี่ยนผ้าก็จะยิ้มเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ถูกจังหวะจะร้องข่มเหงก่อน อารมณ์ของหลานจะเปลี่ยนเร็ว แต่ส่วนใหญ่จะอารมณ์ดี ไม่ค่อยงอแง

ตอนนี้พาหลานอุ้มออกไปนอกบ้านบ้าง ดูต้นไม้ ดูโน่นนี่ เอาใส่รถเข็นบ้างเปิดเพลงเด็กให้ฟังบ้าง เปิดเพลงลูกกรุงบ้าง สุนทราภรณ์บ้าง สังเกตดูฟังเพลงพวกนี้ เบาๆเย็น มีความสุขทั้งหลานทั้งย่า…อีกหน่อยพอหลานรู้เรื่องจะฟังแต่เพลงสตริง ย่าจะฟังกะเขารู้เรื่องไหม…แฮ่ๆ

« « Prev : ดอกส้มสีทอง(ตอนจบ)การแก้ไขปัญหาครอบครัว

Next : จากปู่ถึงหลาน(๕) » »