ไปประชุมที่กรุงเต๊บ(จบ)
อ่าน: 1340รุ่งขึ้นเป็นวันประชุมวันที่สอง ผมตื่นแต่เช้าและไปทานอาหารเช้าซึ่งก็เหมือนๆกับเมื่อวาน พยายามทานข้าวน้อยๆ นั่งคุยกับผู้อาวุโสทั้งหลาย แล้วเข้าห้องประชุม ซึ่งก็ว่ากันด้วยเรื่องประธาน อ.ก.ค.ศ.ที่พึงปรารถนาและไม่พึงปรารถนา โดยเป็นการอภิปรายของประธาน อ.ก.ค.ศ. ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ถึงการทำงานร่วมกัน การให้เกียรติกัน บารมีของประธาน อ.ก.ค.ศ. ซึ่งท่านเล่าให้ฟังว่าท่านสร้างบรรยากาศในการทำงานร่วมกัน โดยเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานด้วยการให้เงินอนุกรรมการไปทัศนศึกษาคนละหนึ่งหมื่นบาท เรียกเอาเสียงฮือฮากันทั้งห้องประชุม ซึ่งผมฟังแล้ว ผมคงทำเช่นนั้นไม่ได้ ฮ่าๆ
ช่วงต่อมาก็เป็นการบรรยายเรื่อง การให้มีและเลื่อนวิทยฐานะสำหรับตำแหน่งที่มีวิทยฐานะ ซึ่งเป็นเรื่องการเลื่อนวิทยะฐานชำนาญการและชำนาญการพิเศษ ซึ่งวิทยฐานะชำนาญการนั้นผู้อนุมัติคือ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา แต่วิทยฐานะชำนาญการพิเศษนั้นต้องเป็นการอนุมัติของ ก.ค.ศ. เท่านั้น ท่านก็ฝากว่าการจะอนุมัติอะไรต้องตรวจสอบก่อนว่าเรามีอำนาจมากน้อยเพียงใด และเกี่ยวกับเรื่องการทำผลงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจตรวจสอบเอกสารการประเมินก่อนพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติผลการประเมินได้
หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จก็เป็นเรื่อง “การบริหารงานบุคคลสำหรับบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา ๓๘ ค(๒)” ซึ่งคำว่าบุคลากรทางการศึกษาอื่นตาม มาตรา ๓๘ ค(๒) ก็คือข้าราชการพลเรือนที่โอนเข้ามาอยู่กับพวกเรานั่นเอง ซึ่งในส่วนนี้จะมีความสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับหนังสือเวียนของก.ค.ศ. ซึ่งมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมอีกจึงเกิดปัญหาในวิธีปฏิบัติ วิทยากรจึงให้เราดูว่าส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในช่วงระยะเวลาไหน ถ้าอยู่ในช่วงปลายปี ๒๕๕๑ ก็ให้ใช้หนังสือเวียนเก่า หากเป็นช่วงปัจจุบันต้องใช้หนังสือเวียนใหม่ ซึ่งการออกหนังสือเวียนใหม่ทำให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาเวียนหัวเหมือนกัน ฮ่าๆ
หัวข้อสุดท้ายของวันนี้ก็คือ “การตรวจสอบคำสั่ง ก.พ.๗ อิเล็คทรอนิคส์” ซึ่ง ก.ค.ศ.ได้ทำโครงการนำร่องไปหลายจังหวัด โดยเริ่มที่เชียงใหม่ ฟังประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เล่าให้ฟังถึงการทำงานของระบบอย่างน่าสนใจ ความจริงผมไปยืนดูนิทรรศการตั้งแต่วันแรกและซักถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว ถ้าถามว่าทำไมภูเก็ตไม่ทำ ตอบได้ว่าผมกับอนุกรรมการท่านหนึ่งได้พูดเรื่องนี้ในที่ประชุมไม่น้อยกว่าสองครั้งแต่ไม่มีการตอบสนองจากเขตพื้นที่การศึกษาเลย เราต้องการให้มีระบบตรวจสอบบุคลากรในเขตพื้นที่การศึกษา สามารถเรียกข้อมูลดูได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการวางแผนกำลังคน การโยกย้าย แต่งตั้ง การประเมินวิทยฐานะ การสอบขึ้นบัญชี สาขาวิชาเอกที่ว่าง เพื่อการวางแผนกำลังคนจะได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เขาเฉยๆกัน เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเราไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของเขตพื้นที่การศึกษา ทำได้เพียงกระตุ้นในที่ประชุมและเขาก็บอกว่าทำกันอยู่แล้ว ผมว่าบรรดาผู้อำนวยการเขตพื้นที่และผู้อำนวยการกลุ่มงานบุคคลที่ได้เข้าร่วมประชุมคงมองภาพที่ผมฝันออกแล้ว และก็คงไม่นานที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชุดนี้จะใช้ทั่วประเทศในงบประมาณปี ๒๕๕๔
วันนี้เราเลิกเร็วเพราะมีงานเลี้ยงที่จะเซอร์ไพรซ์ท่านเลขาธิการ ก.ค.ศ.ซึ่งกำลังนับถอยหลังจะเกษียณอายุราชการ ท่านเป็นคนทำงานเก่ง ลูกน้องรัก เขาถึงแอบจัดงานกัน เพราะถ้าท่านทราบท่านก็จะสั่งระงับการจัดงานเลี้ยง ทราบว่าลูกน้องไปบอกท่านว่าน้องๆอยากเชิญท่านไปร่วมงานเลี้ยงเล็กประสาพี่น้อง ท่านก็เลยมาร่วมงาน ท่านบอกว่ามาถึงงานก็ตกใจ เพราะวงดนตรีที่มาเล่นในงานก็เป็นวงใหญ่ เป็นของโรงเรียนวัดอัมพวัน จ.สมุทรสงครามที่ได้แชมป์ออฟเดอะแชมป์ในรายการชิงช้าสวรรค์ และชนะเลิศการประกวดดนตรีลูกทุ่งของสยามกลการ เรียกว่าคุณภาพคับแก้ว และเวลาเริ่มแสดงก็สมคำร่ำลือจริงๆครับ เราแอบออกจากงานมาก่อนงานเลิกเล็กน้อยเพื่อมาหารือกันเรื่องปัญหาของเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต โดยมีท่านผู้อำนวยการเขตพื้นที่ ผม และผู้แทน ก.ค.ศ.ประจำเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต ซึ่งสรุปกันว่าเมื่อเรากลับไปอาทิตย์หน้าเราจะเรียกประชุมเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน กลับเข้าห้องนอนเมื่อตอนสี่ทุ่ม
เช้าวันสุดท้ายไปทานอาหารซึ่งมันก็คล้ายเดิมๆอีกนั่นแหละเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจากมะระต้มซี่โครงหมูเป็นปีกไก่ต้มจืด กินไปเหอะเพื่อมีชีวิตอยู่รอด และเตรียมไว้ไปทานอาหารมื้อเที่ยงกับพรรคพวกที่จะมาไปเลี้ยง เสร็จแล้วเข้าห้องเพื่อฟังการบรรยายเรื่องการพัฒนาและเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจว่าจะได้รับเงินเมื่อไหร่ จะได้ตามบัญชีไหน ทำไมไม่เหมือนของคนอื่น และการซักถามประเด็นปัญหา ผมเห็นปัญหาที่เขียนทิ้งไว้ในกล่องเกือบครึ่งกล่อง กระดาษเอสี่ ถ้า ก.ค.ศ.ตอบปัญหาทุกฉบับสงสัยต้องสัมนาต่อกันอีกสักวัน และก็ยังสงสัยว่าการหารือ ก.ค.ศ.เป็นลายลักษณ์อักษร ก.ค.ศ.ก็ไม่ตอบอ้างว่ามันเยอะมาก ถ้าอยากรู้อะไรให้โทรศัพท์สอบถาม ซึ่งผมเห็นว่าการตอบปัญหาทางโทรศัพท์โดยไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ฝ่ายผู้ที่เกิดปัญหาจะเอาอะไรไปยืนยันว่าเขาได้หารือ ก.ค.ศ.แล้ว หรือ ก.ค.ศ.ไม่กล้าตอบเพราะกลัวผูกมัดตัวเอง สี่ปีที่ผ่านมาผมได้เพิ่มประสบการณ์ชีวิตในการทำงานในฐานะประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา และได้พบสัจธรรมอย่างหนึ่งว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์ แม้มีความตั้งใจจะทำให้มันสมบูรณ์ก็ตาม และวิธีการแก้ปัญหาของ ก.ค.ศ.ที่ผ่านมาโดยการออกหนังสือเวียนวางหลักเกณฑ์การพิจารณาโยกย้าย การบรรจุแต่งตั้ง ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในตำแหน่งต่างๆ แต่พอออกหนังสือเวียนมาแล้วมันทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องจากการแก้ปัญหานั้นๆ แล้วเราจะบริหารงานกันอย่างไร
ก.ค.ศ.เองก็บอกว่าการตั้ง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาขึ้นมาก็เพื่อให้เกิดการกระจายอำนาจ แต่ปรากฏว่ามันไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เพราะเหมือนกับว่า อ.ก.ค.ศ.ไม่กล้าตัดสินใจ ผมฟังแล้วไม่อยากให้เกิดการโทษกันไปโทษกันมา เพราะถ้าผมกล่าวในฐานะประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาบ้างว่า ก็เพราะระเบียบกฎเกณท์ของ ก.ค.ศ.เองนั่นแหละที่ไม่ชัดเจน หรือไม่ก็มิได้คำนึงถึงวิธีปฏิบัติ หรือไม่ได้คิดวางภาพล่วงหน้าว่าถ้ามันเกิดอย่างนั้นอย่างนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร
ผมยกตัวอย่างที่ ก.ค.ศ.แก้ปัญหาการที่ผู้บริหารยื่นคำขอโยกย้ายโดยไม่ได้ระบุชื่อโรงเรียนให้คลุมเอาไว้ หรือไม่ได้ยื่นคำขอย้ายเพราะไม่คิดว่าจะมีโรงเรียนที่มีตำแหน่งว่าง เช่น ผู้บริหารเขียนขอย้ายไปเป็นผู้บริหารโรงเรียนเล็กระดับมัธยม เอาไว้ จู่ๆผู้บริหารโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ขอลาออกก่อนกำหนด ทำให้โรงเรียนแห่งนั้นมีตำแหน่งผู้บริหารว่าง หากพิจารณาแต่งตั้งคนที่เขียนขอย้ายไปอยู่โรงเรียนเล็กและเขียนคลุมไว้ว่า หากไม่ได้ตามขอก็ขอเป็นผู้บริหารโรงเรียนใดก็ได้ในจังหวัดภูเก็ต หากไม่มีใครเขียนขอย้ายในช่วงนั้น บุคคลผู้นั้นจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดใหญ่ทันที ในขณะที่ผู้บริหารโรงเรียนอื่นก็อยากมาลงโรงเรียนที่มีตำแหน่งว่างแต่ระยะเวลาที่ให้เขียนคำขอโรงเรียนนั้นยังไม่ว่าง ทำให้เขาเสียโอกาส ก.ค.ศ.จึงกำหนดหลักเกณฑ์ว่าเมื่อมีตำแหน่งว่างเช่นนี้ให้ประกาศว่ามีตำแหน่ง ณ โรงเรียนใดใน ๓๐ วันเพื่อให้ผู้บริหารเขียนคำขอได้ แต่กลับกลายเป็นว่าพอประกาศตำแหน่งว่างแล้ว มีผู้บริหารอีกโรงเรียนหนึ่งได้รับการพิจารณาให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ว่างนั้น โรงเรียนที่ตนบริหารอยู่เดิมก็ว่างอีก คราวนี้ก็ต้องประกาศอีก ๓๐ วันอีก โดยจะประกาศว่างต่อเนื่องไม่ได้ ถาม ก.ค.ศ.ไปแล้ว ก.ค.ศ.ตอบว่าต้องประกาศ ๓๐ วันต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งมันเกิดปัญหาว่าถ้าเป็นอย่างนี้เมื่อไหร่จะจบกระบวนการแต่งตั้งผู้บริหารสักทีล่ะ นี่ได้ข่าวแว่วๆว่าจะแก้ไขหลักเกณฑ์อีกแล้วเพื่อแก้ปัญหานี้อีก อิอิ
ผมไม่ทราบว่าวันนี้มีการตอบคำถามได้มากน้อยขนาดไหนเพราะอยู่ฟังไม่จบ เพราะไม่รู้เขาจัดห้องประชุมกันอย่างไร ทั้งๆที่จัดมาแล้วสองวันที่นั่งก็พอ แต่พอมาวันนี้ตอนเช้าผมก็ดูทะแม่งๆ เพราะขนาดมีคนกลับไปก่อนบ้างแล้ว เก้าอี้นั่งกลับไม่พอ อย่าให้พูดมากเลยเดี๋ยวหาว่าผมปากเสีย มีแต่วิพากษ์วิจารณ์การจัดงานที่ไม่ค่อยประทับใจ เว้นแต่วงดนตรีลูกทุ่งเมื่อคืน สะใจคอลูกทุ่งอย่างผม ฮ่าๆ
ผมทราบมาว่ากฎหมายที่มีการแบ่งการบริหารสายประถมและสายมัธยมกำลังจะประกาศใช้ และ อ.ก.ค.ศ.ชุดที่ผมทำงานอยู่นี้ก็จะให้เป็น อ.ก.ค.ศ.สายประถม โดยให้กรรมการที่มาจากสายมัธยมออกไป และจะมีกรรมการสายมัธยมชุดใหม่ ผมไม่รู้ว่าการแก้ปัญหาการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการจะถูกหรือผิด แต่บอกได้คำเดียวว่าที่ผ่านมาการแก้ปัญหาเหมือนวัวพันหลัก แก้ตรงนี้ก็ไปเจอปัญหาตรงโน้น ผมกำลังใคร่ครวญอยู่ว่าผมจะทำยังไงดีกับตำแหน่งที่สวมหัวโขนอยู่ในฐานะประธาน อ.ก.ค.ศ. คิดไปคิดมาผมว่าน่าจะให้คนในเขาแก้กันเองดีกว่ามั๊ง….อิอิ
« « Prev : ไปประชุมที่กรุงเต๊บ(๒)
Next : วันแม่ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ไปประชุมที่กรุงเต๊บ(จบ)"