วิธีลดการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาล
วิธีรลดการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาล
ปีใหม่สงกรานต์แต่ละปี การจราจรบนถนนมิตรภาพ จากสระบุรีสู่โคราช ขอนแก่น บุรีรัมภ์ ก็ติดขนัด ผู้คนหงุดหงิดอารมณ์เสีย บางคนด่ารัฐบาลว่าเอาเงินภาษีราษฎรไปทำอะไรหมด
ผมได้สำรวจพบว่าสาเหตุสำคัญประการหนึ่งคือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตำรวจไทย ที่ไปเพิ่มพื้นผิวการจราจร เช่นถนนมี 4 เลน เขาก็คิดกันได้ว่าให้เพิ่มเลนวิ่งทางหนึ่งเป็น 3 เลน ส่วนอีกทางหนึ่งรถมีน้อยก็ลดให้เหลือ 1 เลน
ตรรกะของตำรวจไทยก็คือถ้าเราเพิ่มผิวการจราจรให้มากขึ้นมันก็น่าจะทำให้การจราจรไหลลื่นได้มากขึ้น แต่ผิดถนัดครับ ยิ่งเพิ่มผิวจราจร จาก 2 เลน เป็น 3 เลน ยิ่งทำให้รถติดหนักมากขึ้น 10 เท่า 10 เท่านะครับไม่ใช้เท่าเดียว
เหตุผลคือ คุณไม่ได้เพิ่มผิวการจราจรอย่างต่อเนื่องตลอดสาย แต่เพิ่มเป็นบางช่วงเท่านั้น เช่น ช่วงสีคิ้วลำตะคอง ประมาณ 10 กม. จากนั้นก็บีบจาก 3 ให้เหลือ 2 เหมือนเดิม
ไอ้ช่วงบีบกลับนี่แหละครับที่คือสาเหตุสำคัญของการติดขัด เพราะรถจากเลนที่สามต้องชะลอตัวลง แล้วเบียดเข้ามาในเลนที่สอง ทำให้รถในเลน 2 เบรคตัว แล้วตีออกไปเลนที่ 1 ทำให้เลน 1 เบรค และหยุดตัวไปหมดทั้งระบบในที่สุด
ถ้าปริมาณจราจรไม่มากนักผลเสียก็ไม่เท่าไร แต่ถ้าปริมาณรถมากเกินระดับหนึ่ง มันจะส่งผลให้รถติดยาวหลายกิโลเมตรในที่สุด เพราะรถที่ตามมาจะเบรคและหยุดต่อกันเป็นหางยาว พอต้นขบวนออกตัว กว่าที่ท้ายขบวนจะออกตัวได้ก็กินเวลาเป็นชั่วโมง เพราะเสียเวลาในการออกตัวเป็นระลอก หลักการนี้ไม่ต่างอะไรกับการติดไฟแดง พอไฟเขียวมาทำไมรถคันท้ายๆออกตัวไม่ได้ทันที บางทียังไม่ทันออกตัวไฟแดงมาอีกแล้วก็มี
ผมเคยเผชิญปรากฎการณ์นี้มาด้วยตนเองครั้งหนึ่ง บริเวณลำตะคองที่ตำรวจขยายช่องการจราจรให้ ระยะทาง 10 กิโลใช้เวลาประมาณ 1 ชม. พอพ้นตรงนี้ ถนนเล็กลง เหลือเพียงสองเลน การจราจรก็พุ่งตัวเป็นปกติ วิ่งได้ 100 กม. ต่อชม.สบายๆ
และก็เหตุผลเดียวกันนี้แหละ ที่ทำให้ถนนวงแหวนมอเตอร์เวย์ชลบุรีบางช่วงที่เคยราบรื่นดีพอสมควร ต้องติดหนักในบางครั้ง เพราะดันไปเพิ่มผิวการจราจรให้เป็น 3 เลน ใน “บางช่วง ” ถ้าทำต้องทำตลาดสายอย่าทำเพียงบางช่วง มันจะยิ่งร้ายกว่าเดิมเสียอีก
ผลพวงอีกประการของการนี้ก็คือ มันทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการเบียดตัวตัดหน้ากันเพิ่มขึ้น และพอชนกัน ก็หยุดมาทะเลาะกัน รถก็ยิ่งติดหนึบมากขึ้นอีก 10 เท่า
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รถติดคือช่วงขึ้นเขา แล้วรถหนักเช่น รถบรรทุก และ รถโดยสารซึ่งวิ่งได้ช้ามาก ไปวิ่งปิดเลนถนนหมดทุกเลน เช่น บริเวณแก่งคอย ในช่วงประมาณ 10 นาทีนี้รถจะมาออต่อหางกันยาวหลายกิโล ดังนั้นตำรวจต้องไปกำกับดูแลเป็นพิเศษในการบังคับให้รถหนักวิ่งเลนซ้ายเท่านั้น ในช่วงขึ้นเขา ห้ามแซงเด็ดขาด
อีกเหตุผลคือ การเอาเปรียบกันด้วยการลงไปวิ่งไหล่ถนน ลักษณะเหมือนกับขยายเลนจาก 2 เป็น 3 เลนทุกประการ เพราะพอถึงคอสะพานวิ่งไปไม่ได้ก็ต้องตีเข้า แล้วมาเบียดให้รถบนถนนหลักต้องชะลอตัว ดังนั้นตำรวจควรไปรออยู่ตรงคอสะพานแล้วจับปรับไอ้พวกนี้ให้หนัก (คงได้เงินหลาย เอาเข้าหลวงสักครึ่งนึงเด๊อ)
…ทวิช จิตรสมบูรณ์ (ช่วงสงกรานต์ ๒๕๔๘)
« « Prev : สังคมเศรษฐกิจฐานปัญญา (วึสเดิ้มเบสด์อึเคอะน่ะมิ่)
Next : ลดพื้นที่ทำนา..หันมาทำอุตสาหกรรมป่าไม้กันดีกว่า » »
3 ความคิดเห็น
น่าสนใจครับ ใครมี simulation ลองจำลองแบบจราจรนี้ออกมาหน่อยซิครับ
ท่าน bangsai ครับ ผมเคยคิดจะทำ simulation อยู่ แต่มันยากมากทีเดียว อาจลองให้นศ. ลองทำดูสักวันครับ ในสรอ. มันเคยมีคนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปถ่ายรูปถนนที่รถติด ซึ่งมี 6 เลน ปรากฎว่าสาเหตุมาจากการที่มีรถวิ่งช้าอยู่คันหนึ่งในเลนหนึ่ง ทำให้รถที่ตามหลังมาต้องตีออกไปเล่นอื่น ก็เกิดการสะดุด แพร่กระจายออกไปทุกเลนในที่สุด และถ้าปริมาณการจราจารหนาแน่นถึงระดับวิกฤต การจราจรจะ “หยุด” นิ่งทั้ง 6 เลนเลย เมืองไทยเราก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ ครับ ผมเคยเจอกับต้วเองหลายครั้ง
ทวิช
เป็นมุมที่น่าสนใจค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของผิวจราจรที่กระบ่อนกระแบ่นร่วมด้วยหรือเปล่าคะ