ท่องอีสานดูการจัดการน้ำ..แก่งละว้า 4

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 สิงหาคม 2009 เวลา 12:22 ในหมวดหมู่ ชุมชนชนบท #
อ่าน: 2526

คณะต้องเดินทางต่อตามกำหนดการ เรื่องราวแก่งละว้าก็เลยค้างเติ่ง ปล่อยให้ผู้สนใจหาทางต่อกันเอง

ขอเก็บตกและสรุปประเด็นดังนี้


  • ทรัพยากรท้องถิ่นหากจัดระบบดีดีก็อยู่ร่วมกันได้… สาระที่ไม่ได้ post ตอนหนึ่งก็คือ มีผู้นำชุมชนชื่อหลวงคลัง หรือบ้ง ศรีโห นำชุมชนรอบแก่งละว้าพัฒนาและทำข้อตกลงการใช้ประโยชน์กัน โดยท่านเป็นตัวตั้งตัวตีในการรวบรวมคนรอบแก่งแล้วทำความเข้าใจกัน เมื่อท่านสิ้น ชุมชนก็สร้างอนุสาวรีย์ให้ท่าน
  • ราชการเข้ามาใช้ประโยชน์ โดยไม่จัดการทรัพยากรอย่างเป็นธรรม กรณีเอาน้ำไปทำประปาที่บ้านไผ่ แล้วตั้งกฎระเบียบเอาเอง แล้วเอากฎระเบียบนั้นมาประกาศใช้กับชุมชนรอบๆแก่ง สร้างความขัดแย้งมาจนปัจจุบัน นี่คือกรณีตัวอย่างอีกแห่งของความขัดแย้งระหว่างรัฐ(การปกครองส่วนท้องถิ่น) กับชุมชน
  • กรมชลประทานหวังดี แต่ผลออกมาเป็นการสร้างปัญหาทับถมลงไปอีก แม้จะมีการพยายามจัดประชาคม และบทสรุปของชุมชนคือทุบคันดินออก แต่ก็ยังทำไม่ได้ คาราคาซังเช่นนั้น..จะอีกนานเท่าไหร่หนอ..
  • จากข้อมูลแหล่งข่าวที่เคยมาทำงานที่นี่กล่าวว่า ปัญหาที่ใหญ่ตามมาก็คือ เมื่อน้ำไม่ไหลเข้าแก่ง หรือไหลเข้าน้อย ปัญหาที่พบปัจจุบันคือ เกิดความเค็มขึ้น และเพิ่มขึ้นทุกปี หลับตาดูอนาคตซิว่า ชาวบ้านรอบแก่งจะทำอย่างไร รัฐยังไม่ฟังชาวบ้าน อ้างแต่กฎระเบียบ กฎหมาย.. การถมทับปัญหาที่กระทบต่อวิถีชาวบ้านจะเป็นการสะสมความคั่งแค้น…ปัญหาเล็กไม่รีบแก้ รอให้เป็นปัญหาใหญ่ นักการเมืองนักการแมงที่อ้างจะเข้ามาเป็นปากเสียงชาวบ้านก็หลบลี้หนีหายไปซุกตูดใครก็ไม่รู้ อิอิ
  • นอกจากน้ำในแก่งจะทวีความเค็มแล้ว แหล่งข้อมูลยังกล่าวว่า ลำน้ำที่ไหลเข้าก็เอาความเค็มเข้ามาด้วย….โถ..ประเทศไทย ระเบิดอยู่ข้างหน้าอีกหลายลูก..


  • น้องโอ๋ สาวเหล็ก ลูกหลานหลวงคลัง ตั้งกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำชี เกาะติดปัญหานี้และรวมตัวชาวบ้านมาช่วยกันคิดอ่าน แก้ปัญหากันเอง รัฐไม่ก้าวเข้ามา มีแต่ปกป้องตัวเอง และหาทางแก้ปัญหาในมุมของราชการ ไม่ฟังเสียงชาวบ้าน
  • ทราบว่าเกาะกลางแก่งละว้า ได้ถูกจัดให้เป็นอุทยานอะไรสักอย่างเพื่อถวายแด่พระราชวงศ์ หากพระองค์ท่านทราบเรื่อง ทราบปัญหาท่านคงทรงมีเมตตาแก่ประชาชน แต่เรื่องราวนี้ไปไม่ถึง..
  • ผมลองใช้ Google earth ศึกษาพื้นที่ใกล้เคียงกัน พบว่ามีแก่ง อ่าง บึง หนอง ฯลฯ อีกหลายแห่งที่มีเงื่อนไขคล้ายๆแก่งละว้า และที่น่าตกใจคือ ถูกก่อสร้างคันดินล้อมรอบหมดเกือบทุกแห่ง เหมือนแก่งละว้า…??

ข้อเสนอแนะ

  • เมื่อภาครัฐมีข้ออ้างทางกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ ก็น่าที่จะหาคณะกรรมการกลางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งท้องถิ่น น่าจะประกอบด้วย ผู้นำชุมชน สถาบันการศึกษาท้องถิ่นที่มีวิชาความรู้ทางด้านนี้ มีนักวิชาการที่เข้าใจชุมชน มีข้าราชการท้องถิ่น มีนักการเมืองท้องถิ่น มีหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ และฯลฯ มาเป็นคณะศึกษาและหาทางออกร่วมกัน อย่าปล่อยให้ชาวบ้านดิ้นไปแต่ฝ่ายเดียว
  • สถาบันการศึกษาท้องถิ่นต้องลงมาใช้วิชาการความรู้เข้ามาศึกษารายละเอียดให้มากๆ เช่น คณะวิศวะเข้ามาศึกษาด้านโครงสร้าง ฯ คณะเกษตรเข้ามาศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงการทำการเกษตรและอื่นๆ คณะธรณีวิทยาเข้ามาศึกษาเรื่องดิน การเปลี่ยนแปลงเรื่องของธรณี คณะศึกษาศาสตร์เข้ามาตั้งชมรมส่งต่อความรู้แก่งละว้าจากอดีตสู่ปัจจุบันไปสู่อนาคต คณะสื่อสารมวลชนเข้ามาทำข่าวภาคประชาชน คณะพัฒนาสังคมเข้ามาศึกษาชาวบ้าน จัดทำระบบข้อมูล ฯ คณะแพทย์ศาสตร์ เข้ามาศึกษาระบบอนามัยชุมชนที่มีวิถีชีวิตกับแก่งละว้า ฯลฯ อบต. อบจ.เข้ามาสนับสนุน ท้องถิ่น ให้ทุนทำวิจัยเรื่องต่างๆ จัดทำแผนงานพัฒนา แก้ไขปัญหาแบบมีส่วนร่วม ฯลฯ
  • การที่คนท้องถิ่นรวมตัวกัน จับกลุ่มกันมองหาทางออกนั้นเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว ภาคเอกชนต่างๆควรเข้ามาสนับสนุนเพื่อให้กลุ่มคนท้องถิ่นมีศักยภาพในการทำงานต่อไป
  • เรื่องแก่งละว้าไม่ใช่ปัญหาเฉพาะชาวบ้านรอบแก่งละว้า ความเกี่ยวเนื่อง สัมพันธ์นั้นกว้างขวางออกไปถึงระบบนิเวศกายภาพ ระบบนิเวศวัฒนธรรม ที่กินพื้นที่กว้างไปข้ามอำเภอ ข้ามจังหวัด ต้องศึกษาภาพรวมด้วยอย่างละเอียด เพื่อต่อภาพทั้งหมดให้เห็นความเกี่ยวเนื่องกัน


ชาวบ้านเอาไหลบัวในแก่งละว้ามาตำส้มตำกินมื้อกลางวัน อร่อยมากครับ

สังคมนี้ต้องการประสานความร่วมมือ

ต้องการระดมความรู้ใหม่ ประสบการณ์เดิม มาร่วมกันมอง คิดอ่านพัฒนาพื้นที่

สังคมนี้ต้องการความจริงใจในการแก้ปัญหามิใช่รวมตัวกันมาแสวงหาผลประโยชน์ที่อิงแอบบนปัญหาของประชาชน

ฝันมากไปไหมครับ..


ท่องอีสานดูการจัดการน้ำ..แก่งละว้า 3

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 สิงหาคม 2009 เวลา 10:58 ในหมวดหมู่ ชุมชนฅนฟื้นฟู #
อ่าน: 5918

ความอุดมสมบูรณ์ของแก่งละว้าทำให้ทุกสารทิศมุ่งมาปักหลักที่นี่ ถึง 40 หมู่บ้านรอบแก่ง วิถีชีวิตนอกจากนาข้าวแล้วก็จับปลา จนน้องโอ๋ สาวรักท้องถิ่นบอกว่า เมื่อเอาชาวบ้านไปขึ้นภูเพื่อหาหน่อไม้และอาหารอื่นๆ ชาวบ้านบอกเขาทำอะไรไม่เป็นเลย เพราะชีวิตอยู่กับแก่งมาตลอดจนเป็นความถนัด ความเคยชิน เป็นวิถีไปแล้ว ให้ไปทำอย่างอื่นทำไม่ได้ หรือทำได้ไม่ดี หรือต้องใช้เวลาในการปรับตัวกันนานพอสมควร

ทำให้ผมนึกถึงพี่น้องดงหลวงที่มีวิถีพึ่งพิงป่า มีวัฒนธรรมการกินอาหารจากป่า เมื่อเอาวิถีสมัยใหม่เข้าไปเช่นระบบ Contract farming จึงไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร…


ท่านอาจารย์ศรีศักดิ์ นำคณะพูดคุยกับผู้นำชุมชนแล้วเราก็ทราบเรื่องราวของแก่งละว้าในอดีต ที่ความอุดมสมบูรณ์ได้หล่อเลี้ยงพี่น้องรอบแก่งมาแสนนาน

..อาจารย์ครับ สมัยก่อนนั้นปลามากมาย ชาวบ้านแค่ทำ “เรือผีหลอก” ก็ได้ปลามามากเพียงพอทำปลาร้า..

..อาจารย์ครับ พวกเราได้กินปลาบึกกันนะครับ ..มันมาจากแม่โขง เข้ามาตามลำมูล เข้ามาลำชี ว่ายทวนน้ำจนมาถึงแก่งละว้านี้ มาออกลูกออกหลานด้วย..

..อาจารย์ครับ ที่นี่มีจระเข้ มีมากด้วยครับ ตัวใหญ่ยาวก็มี..

นั่นคือคำบอกเล่าส่วนหนึ่งของผู้นำ ที่คุยกันก่อนอาหารมื้อเที่ยงวันนั้น


เสียงใครสอดแทรกมาว่า มีคนจับจระเข้บ้างไหม… พ่อสายตา จันทร์เต็ม ผู้นำที่นั่งคุยกับคณะตอบขึ้นมาว่า …พ่อผมเป็นพรานน้ำจับจระเข้มามากต่อมากแล้ว… พวกเราสนใจกันใหญ่ว่าจับจระเข้แบบไหน เหมือนชาละวัน พิจิตรไหม… อยากรู้หรือ เดี๋ยวผมไปเอาเครื่องมือจับจระเข้มาให้ดู ว่าแล้วพ่อสายตาก็ขับมอเตอร์ไซด์กลับบ้านไปเอาเครื่องมือมา..


พ่อสายตากลับมาพร้อมกับเครื่องมือจับจระเข้ เป็นเบ็ดยักษ์ครับ พร้อมกับหัวหอก พ่อสายตาเล่าว่า พ่อผมออกจับจระเข้ทีไรผมก็ติดตามไปด้วย ได้ดูได้เห็นอย่างใกล้ชิด ก็เอาเหยื่อคือปลาใหญ่ๆเกี่ยวเบ็ดแล้วก็เอาไปหย่อนตรงสถานที่ที่อยู่ของพวกจระเข้พอมันกินก็ดึงยื้อกัน แล้วเอาหอกแทง แล่เอาหนังไปขาย..

พ่อสายตากล่าวว่าเมื่อปี พ.ศ. 2521 น้ำท่วมใหญ่มากสุด ได้พัดพาเอาวัชพืชต่างๆเข้ามาในแก่ง และพัดพาออกไปตามเส้นทาง ได้พัดพาสัตว์น้อยใหญ่หายไปหมดสิ้นด้วย …ไปค้นข้อมูลพบว่าพายุใหญ่ครั้งนั้นเกิดขึ้นเกือบทั่วประเทศที่มีชื่อว่า”เบส” และ “คิท” ก่อให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ …



พ่อสายตา ชาวบ้านผู้รักอาชีพประมง และวิถีชีวิตกับแก่งละว้ามาค่อนคนแล้ว บุคลิกของท่านบ่งบอกถึงความจัดเจนในอาชีพและความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ ดังที่ท่านอาจารย์ศรีศักดิ์ได้ชี้ให้พิจารณา

มีอะไรมากมายในแต่ละท้องถิ่น “เพียงเราให้เวลารับฟังสิ่งที่ชาวบ้านอยากจะพูด มากกว่าซักถามสิ่งที่เราอยากรู้”

เราก็จะเรียนรู้ความจริงแห่งวิถีชีวิตมากมาย



Main: 0.53521108627319 sec
Sidebar: 0.35444283485413 sec