หลักการไม่เหมาะสมเสมอไป
วันนี้มีการประชุมคณะที่ปรึกษาโครงการเพื่อเตรียมงาน Phase 2 ที่ประชุมกำหนดให้ผมเป็น Core team ในการยกร่างโครงการ
ในขณะเดียวกันก็จะมีการประชุมร่วมกับคณะ PSC (Project Steering Committee) ทุกสองเดือน เพื่อแจ้งความคืบหน้าโครงการให้ที่ประชุมทราบ โดยมีการเสนอว่าให้ทีมผู้เชี่ยวชาญส่วนกลางเท่านั้นที่เข้าร่วมประชุม ไม่จำเป็นต้องให้ผู้จัดการประจำจังหวัดเข้าร่วม
น่าจะมีสองเหตุผล คือ ไม่จำเป็นต้องยกขบวนมากันทุกคน และปล่อยให้เอาเวลาไปทำงานสนามจะมีประโยชน์กว่า โดยคิดว่าเฉพาะผู้เชี่ยวชาญส่วนกลางก็สามารถดำเนินการต่างๆได้ในที่ประชุม PSC และนี่คือหลักการ
ผมคิดว่า เหตุผลก็น่าฟัง แต่หากพิจารณาลึกลงไปแล้ว ต่อกรณีโครงการแบบนี้ ลักษณะการประชุมที่เอาผลงานมาบรรยายให้คณะกรรมการฟังนั้น ผมคิดว่าผู้บริหารเสี่ยงเกินไปที่จะเชื่อมั่นเฉพาะผู้เชี่ยวชาญส่วนกลาง เหตุผลคือ
ผู้เชี่ยวชาญส่วนกลางเป็นคนใหม่ของโครงการ และรับผิดชอบเฉพาะด้าน ส่วนผู้จัดการประจำจังหวัดและทีมงานที่จังหวัดทำงานกิจกรรมต่างๆมากับมือย่อมรู้ตื้นลึกหนาบางของงานที่ทำทั้งหมด หากในกรณีที่คณะกรรมการ PSC ซักถามรายละเอียดลึกๆ การดิ้นไปตามจินตนาการนั้นเสี่ยงต่อความผิดพลาด แต่หากผู้ทำกิจกรรมเป็นผู้ตอบย่อมมีเหตุมีผล หรือมีน้ำหนักมากกว่าการใช้ตรรกเท่านั้น
ในกรณีนี้เห็นว่าผู้จัดการประจำจังหวัดที่เป็นคนเดิมสมควรเข้าร่วมการประชุมด้วย เพราะเมื่อมีคำถามเนื้อหางานเชิงลึกก็สามารถอธิบายข้อเท็จจริงได้จากประสบการณ์การทำงานจริงๆในสนาม..
ในกรณีนี้ เห็นว่าหลักการนั้นไม่เหมาะสมเสมอไป
8 ความคิดเห็น
เห็นด้วยค่ะ พี่บางทราย
หลักการดี แต่วิธีการไม่เหมาะ…ผลก็อาจบิดเบี้ยว
แต่ก็เห็นมักจะทำกันเยอะนะคะ
หลักการแค่เป็นกรอบหลวมๆ เป็นแนวทางที่ใช้ในการทำงาน แต่ละพื้นที่มีความเหมือนและความต่างกันเป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว ผู้มีประสบการณ์ในการทำงานในพื้นที่จริง ย่อมมีความเข้าทั้งข้อจำกัดทางกายภาพและทางสังคม เป้าหมายที่แท้จริงคือผล (ผลลัพฑ์)ต่างหากที่ควรชัดเจน ส่วนวิธีการในรายละเอียดควรเป็นอะไรที่ปรับได้ เพื่อบบรรลุเป้าหมาย(ผล)ที่ต้องการ คิดแบบเดิมทำแบบเดิม ผลก็ออกมาเหมือนเดิม ไม่น่าจะมีพัฒนาการ(เปลี่ยแปลง)เกิดขึ้นนะค่ะ
น้องสร้อยครับ บังเอิญมาพบซึ่งหน้าเมือวานที่เข้าประชุมที่กรุงเทพฯ เราก็เห็นใจนักบริหาร(มือใหม่) บางทีนั่งบริหารนั้นมองไม่เห็นสาระสำคัญ ข้อเท็จจริง พยายามยึดหลักการเป็นสำคัญ เพราะอย่างไรก็ฟังดูดีไว้ก่อน แต่เราในฐานะที่รู้เรื่องดีจึงเห็นว่าการตัดสินใจเช่นนั้น ไม่ได้ประโยชน์สูงสุด และอาจจะเสียรังวัดด้วย.. ไม่ง่ายนักที่จะสะท้อนความเห็นให้เขาเข้าใจและยอมรับครับ
พยายามย้อนมองตัวเองด้วยเหมือนกัน อิอิ
เห็นด้วยกับพี่หลินครับ หากนักบริหาร(มือใหม่) ฉลาดควรที่จะมองรายละเอียดของสาระนั้นๆพร้อมกับหลักการ เมื่อเห็นประเด็นก็ควรผสมผสานหลักการกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ หากดันทุรังอะไรก็หลักการ นั่นคือความอ่อนด้อยทางศิลปการบริหารงาน และจะทำให้ไม่ได้ผลเต็มที่ตรงข้ามอาจจะเสียหานมากกว่าด้วย เพราะในที่ประชุม มีผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังด้วย ซึ่งท่านดูแลเงินกู้ของรัฐบาลทั้งหมด หากอธิบายคำถามได้ไม่ดีเพียงพอก็จะเสียหายต่อโครงการ นี่จะขอขยายระยะที่สองหากเกิดปัญหาก็ไม่อนุมัติขยายโครงการก็เป็นเรื่องหละ
ขอบคุณครับพี่ครับ
อิอิ….กำลังใจ
เป็นอย่างไรบ้าง เธอ ชาวสวน ว่างๆก็มาเยี่ยมกันบ้างนะ
ขอบคุณ ครับ
จ๊ากส์
ผอ ออ หนี้สาทาละนะ(ยะ) คนเก่านั้นอีกหรือครับพี่
คนเดิมแหละ….
เลขาคนใหม่นี้ ดูดี แหละเตือนให้ทำเอกสารด่วนจี๋ เพราะเวลามีน้อย หากต้องการ phase2 ขืนช้าอย่างนี้ อาการน่าเป็นห่วง ท่านว่างั้น