อยู่ห้องแอร์ ใช้พัดลม…กับเรื่องกินเค็ม

อ่าน: 2588

ทุกๆวันที่ดำรงอยู่ได้ตามรู้และแปลกใจกับบางขณะของธรรมชาติในตัวเองที่ไม่เหมือนใคร  ไม่รู้ว่าท่านเคยลองตามรู้และเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นบ้างไหม  ถ้าไม่เคยก็ขอชวนให้ลองดูค่ะ

มีเรื่องในบางเช้าที่ฉันรู้สึกตัวว่ามีเหงื่อรินไหลทั้งๆที่อากาศไม่ร้อน เคยเอะใจถามลูกน้องว่าร้อนไหม แล้วเอ๋อกับคำตอบที่พบว่าตัวเองแปลกกว่าใครในวันนั้นๆให้บ่อยไป

การเล่าเรื่องแก้มลิงใ้ห้ข้อสะกิดใจกับเรื่องเหงื่อแล้วก็เกิดคำถาม จึงมา้ใคร่ครวญและสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของอาหารที่ได้กินในช่วงไม่กี่วันนี้  พบว่าในบางเช้าที่ร้อนจนเหงื่อชุ่มเป็นเวลาที่ตามหลังมื้ออาหารที่ไปกินจากนอกบ้านของวันก่อนหน้าทุกทีไป

นึกได้เรื่องของเหงื่อว่ามีความไม่ชอบในสังคมเข้ามาเกี่ยว ผันเปลี่ยนค่านิยมจนบัดเดี๋ยวนี้ใครปล่อยให้มีเหงื่อคนนั้นเชย

ไปทวนตำราที่เคยเรียนซะหน่อย ได้ความมาว่าเหงื่อที่ชุ่มตัวของนักกีฬาขับเกลือแกงได้มากถึง 5 กรัมต่อวันได้เลย เหงื่อยังแถมหน้าที่นำโปตัสเซียมที่สามารถทำให้หัวใจเต้นจังหวะช่าช่าช่าออกมาทิ้งได้ด้วยในจำนวนถึง 20 กรัมต่อวัน ความรู้นี้มีความหมายให้สนใจแล้วเอ๊ะ อืม ดูเหมือนจะลืมไปเลยว่าเหงื่อมันก็มีรสเค็มด้วยเหมือนกัน

งั้นการปล่อยให้เหงื่อออกชุ่มๆในแต่ละวันแต่ละเวลา ก็เป็นกลไกของการลดเค็มที่ีธรรมชาติให้มา่ในตัวที่ดีเนอะ ไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากแค่ปล่อยให้มันมีก็โอแล้วสำหรับความสบายๆภายในที่ได้แลกคืนมา

ชักน่าสนใจแล้วซิ  หันมาสังเกตคนสมัยนี้ เอ๊ะเวลามีเหงื่อจะร้องหา พัดลม-แอร์มีไหมอยู่ร่ำไป หรือไม่ก็บ่น ร้อนๆๆๆๆๆ บ่นแล้วก็พาตัวออกไปเที่ยวห้างเดินห้างให้เย็น เหงื่อแห้งแล้วแทนที่จะกลับบ้านก็เฉไฉร่ำไรหาความสบายต่อ  คนเดี๋ยวนี้เลยไม่มีเหงื่อเพราะคุ้นชินกับการไม่ยอมให้เหงื่อมาเป็นเพื่อนเอาซะเลยนี่ี

เมื่อไม่ยอมให้มีเหงื่อ กลไกธรรมชาติในตัวก็บิดเบี้ยวไป กลายเป็นดองเค็มเนื้อในร่างกายแบบดองปลาเค็มไปเลยนะนี่  นึกภาพออกแล้ว เข้าใจแล้วๆ  อือ การปรับพฤติกรรมตามสมัยทำให้เกิดพิษภัยหลายอย่างเลยเชียว ไม่น่าเชื่อเลย

รักสบายแล้วป่วยกายและจะตามมาด้วยป่วยใจได้นี่สมควรใคร่ครวญใหม่ซะแล้วนะท่านนะ  ฉันดีใจกับตัวเองที่ไม่พัฒนาตามสมัย ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมก็สามารถดำรงตนอยู่ได้สบายๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าโชคดีที่ความเชยได้ช่วยเอาไว้มากมาย

บ่อยครั้งเมื่อนั่งทำงานในบ้าน บางวันทำงานสบายแบบเบิร์ดๆ บางวันก็ระ่เบิดกับยุงกวน  อย่างนี้แปลได้ว่า่ยุงที่มากวนนั้นเป็นเพราะกลิ่นตัวก็เป็นได้เนอะ

ตำราเขาบอกว่ากินหวาน กินมัน เค็ม ทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นมาแน่นอนๆ  อากาศที่ปล่อยออกมาหลังจากมีการเผาผลาญและใช้งานก็ให้คาร์บอนไดออกไซด์  ยุงชอบคาร์บอนไดออกไซด์จึงบินมาหาเสื้อผ้าด้วยกลิ่นที่มันว่าหอม  จึงฝากสิ่งที่ตำราบอกให้สังเกตการตามรู้ตัวเองกันต่อไป เผื่อใครจะมีเคล็ดลับป้องกันยุงที่ได้มาจากการฝึกตนเรื่องอาหารการกินที่เปลี่ยนกลิ่นตัวไว้ช่วยคน

ตอนที่นั่งเขียนบันทึกนี้่อยู่ยุงบินมาเกาะตัวอยู่เหมือนกัน ก่อนหน้าที่ยุงจะมาหามีเหงื่อชุ่มตัวอยู่พักใหญ่แล้ว เหงื่อซึมและเหงื่อแห้ง สลับกันไปอยู่เรื่อยๆ แล้วมื้อเที่ยงวันนี้ก็ไปกินอาหารนอกบ้านมาอีกแล้ว มื้อใหญ่ซะด้วย อย่างนี้ก็ใช้บอกได้นะซิเนอะว่าใครที่ยุงชอบเกาะกินเลือดมากกว่าคนอื่นเป็นคนที่ยังกินหวาน มัน เค็มมากเกินไป  หากใครจะนำการโดนยุงตอมไปใช้เป็นสัญญาณเตือนว่ามื้อก่อนกินอาหารเค็ม หวาน มันมากไป แล้วเปลี่ยนแปลงปรับปรุงมื้ออาหารในมื้อต่อมาซะ ก็ไม่ว่ากันนะคะ ใช้ไปได้เลย

เหงื่อช่วยขับเกลือ งั้นก็ดีนะซิสำหรับคนกินเค็มโดยไม่สามารถควบคุมความเค็มในอาหารได้อย่างที่ตั้งใจ  ปล่อยตัวให้เหงื่อออกโดยไม่ต้องเล่นกีฬาจะดีกว่ามั๊ย ยิ่งถ้าออกกำลังจนได้เหงื่อด้วยยิ่งช่วยขับเกลือออกได้มากขึ้นยิ่งดีใหญ่ซิน่า

รู้ว่าไม่ใช้แอร์ ไม่ใช้พัดลมช่วยให้สุขภาพดีได้กันแล้ว จึงถือโอกาสชวนให้ละเลิกลดการใช้แอร์-พัดลมเพื่อปรับธรรมชาติของตัวซะใหม่เพื่อดูแลสุขภาพตนให้ปลอดภัยจากเรื่องอาหารเค็มนอกบ้านที่ชีวิตสมัยใหม่ชักนำไป เริ่มกันเลยดีมั๊ยค่ะ

สังเกตดูว่าเมื่อไรที่ดื่มน้ำน้อยหรือดื่มไม่พอหลังการกินเค็ม เมื่อนั้นจะร้อนและเหงื่อมาก ความรู้นี้นำมาใช้ในกรณีมีข้อจำกัดของการดื่มน้ำหรือการเข้าห้องน้ำเพื่อปลดปล่อยได้ เลือกขับเหงื่อแทนการดื่มน้ำสลับไปบ้างก็็ใช้ได้อยู่ค่ะ

สังเกตว่าเมื่อไรที่ดื่มน้ำมาก ปากคอจมูกจะไวกับรสเค็ม เมื่อไรที่ดื่มน้ำน้อย ปากคอจมูกแห้งและไม่ใคร่รู้สึกเรื่องเค็ม เมื่อไรที่ปากคอจมูกแห้งเหงื่อก็ปรากฎกายมาให้รู้สึกแทน แต่ก่อนก็เอะใจที่เป็นคนขี้ร้อนไปได้โดยไม่มีเหตุอะไรให้ร้อนสักหน่อย เมื่อเข้าใจเรื่องเค็มกับเหงื่อ เดี๋ยวนี้ดีใจที่เป็นคนมีเหงื่อทุกวัน รู้สึกเย็นสบายทุกครั้งหลังเหงื่อแห้งหายไป จนคุ้นชินมันแล้ว

เหงื่อช่วยให้สุขภาพดี วันดีขึ้นวันใหม่ของปีใหม่อีกวันอย่างนี้ ขอชวนท่านหันมาให้ความรักเหงื่อของตัวเองกันหน่อย คุ้นชินและทำได้แล้ว ก็ขอให้ช่วยกันเปลี่ยนวัฒนธรรมทันสมัยซะใหม่ ชี้ชวนให้เด็กๆหันไปซูฮกใครที่ไม่ใช้แอร์ ไม่ใช้พัดลมเป็นฮีโร่ด้วยเถิด เด็กๆจะได้เกิดโลกทัศน์ใหม่ที่ไม่ติดความทันสมัยที่พาตัวไปจนตรอกกับโรคภัยที่วิทยาศาสตร์สร้างให้โดยไม่ได้เจตนา

« « Prev : ความเค็มของอาหาร….เกี่ยวอะไรกับอากาศหายใจ

Next : รวบยอดไว้หน่อย….กินยังไงให้ห่างไกลเก๊าท์ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 มกราคม 2010 เวลา 3:55 (เช้า)

    โรคร้อนขึ้นทุกวัน คนก็หันไปใช้แอร์ พัดลม
    ไม่มีก็ถามหา ถ้าอยู่ทะเลทรายจะชินความร้อน
    แต่คนเราไม่ยอมให้ตัวเองร้อน จึงใช้แอร์-พัดลม มากขึ้นๆ
    บางทีไม่ใช้ก็ไม่ได้ ฝุ่น ไอเสีย ในถนนมากเหลือเกิน
    เว้นแต่จะพากันออกมาอยูป่า บ่มีแอร์ก็ยังพอไหว อิอิ

  • #2 นักการหนิง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 มกราคม 2010 เวลา 21:15 (เย็น)

    คริ ๆ ได้อีกสูตรหนึ่งไปบอกคุณฝาละมี

    สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่หมอเจ๊  หนิงขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิในสากลโลก ดลบันดาลให้พี่สาวคนนี้ สุขภาพแข็งแรง ทั้งกายและจิต  คิดสิ่งใดให้สมปรารถนาทุกประการและมีความสุขอย่างมากมายค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.33972597122192 sec
Sidebar: 0.24505090713501 sec