ระดับความเสื่อมของไต…แปลยังไง…รู้กันไว้หน่อยละกัน

อ่าน: 3489

บันทึกนี้ชวนกลับไปที่อัตราเปลี่ยนของค่าครีอะตินินกันหน่อย  การเปลี่ยนแปลงอัตราของมันใช้ชี้บอกอัตรากรองของเสียที่ช้าลงของไต อัตราช้าลงไปเท่าไรหมายถึงไตเสื่อมมากขึ้นเท่านั้นค่ะ

ลองมาหาอัตรามันกันหน่อย ยกโจทย์จากเรื่องเล่าของน้องหนิงมาใช้ลองก็แล้วกัน

” ขณะนั้น ค่าครีอะตินินในเลือดมีค่าประมาณ 2 มก.% นิดๆ (คนปกติจะต่ำกว่า 1.2 มก.%)………………พบว่าค่าครีอะตินินในเลือดเป็น 4 มก.% กว่านิดๆ จากเดิมที่อยู่ที่ 2 มก.% กว่านิดๆ…….”

ครีอะตินินที่รู้ค่าและคุยกันอยู่นี้วัดจากเลือด อย่าลืมนะคะ

เคยเปรียบเทียบกับการจัดการขยะที่เคยเห็นและใช้ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ทำความเข้าใจจำนวนขยะเพื่ออธิบายวิธีเปรียบเทียบประสิทธิภาพการกรองครีอะตินีนของไต ปรากฎว่า พ่อครูบามาอ่านแล้วเข้าใจยาก จึงแก้ตัวใหม่ใช้เรื่องเล่าประกอบจะเข้าใจเรื่องยุ่งๆอย่างนี้ง่ายขึ้นกระมัง

เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องของคนเก็บขยะที่ขยันทำงานคนหนึ่ง ซึ่งทำงานตลอดวันตลอดคืนโดยไม่มีการพักงานเลย  ชายคนนี้จะลงมือเก็บขยะทิ้งเองทุกๆวัน มีขยะเท่าไรจะมากจะน้อยเขาไม่ว่าไม่บ่นขนไม่ยั่นเลย แค่ตั้งความหวังว่าขอเก็บขยะทิ้งให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  สัญญาเดียวที่ให้กับตัวเองไว้กับความสบายๆในการทำงานก็คือ เมื่อสิ้นวันถ้าเขาไม่สามารถเก็บขยะทิ้งทั้งหมดได้ ขอเพียงแค่ขยะค้างเก็บมีอยู่่ไม่เกิน 1.2 กก. เขาก็โอ..กับผลงานของตัวเองในวันนั้นแล้ว

อยู่มาวันหนึ่งมีคนมาสะกิดเขาและบอกว่า รู้สึกว่าฝีมือเก็บขยะของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เก่งเหมือนเคย เขารู้บ้างไหม  เขาโกรธมากเพราะรู้สึกว่าตัวเองเก็บขยะได้ตามเป้า่ทุกวัน แล้วทำไมจึงมีคนมาบอกว่าฝีมือเปลี่ยนไปแล้วกันเล่า  เมื่อหายโกรธเขาจึงกลับไปดูผลงานการเก็บขยะที่หน้างานของเขา ลองชั่งดู อ้าวแล้วกัน ขยะค้างเก็บเหลือ 2 กก. ไม่ใช่ 1.2 กก.อย่างที่ตั้งไว้  ซึ่งแปลว่าเขาทำงานตามที่หวังไว้กับตัวเองได้น้อยลงไปเกือบ 1 กก.โดยไม่รู้ตัว

ไม่เป็นไร เอาใหม่กับการเก็บขยะต่อไปตามความตั้งใจเดิมนี่แหละไม่เปลี่ยน เขาบอกกับตัวเอง แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดิมไปเรื่อยๆ จน 5 ปีผ่านไป วันหนึ่งก็มีคนมาสะกิดบอกอีกครั้งว่าเห็นตัวเขาทำงานแล้วผิดหวังจริงๆ ดูเขาทำงานได้ช้าลงไปกว่าเดิมนะ เป็นอะไรไปหรือเปล่า  ฟังแล้วเขาไม่เชื่อว่าเขาทำงานได้ช้าลง จึงขอปลีกตัวจากชายคนที่บอกแล้วกลับมาที่หน้างานเก็บขยะ ก็เห็นกองขยะที่กระจัดกระจายอยู่ เห็นแล้วเขาก็ตะลึงอะไรกันนี่ ไม่เชื่อตาตัวเองเลย แล้วเขาก็ลงมือรวบรวมขยะที่เห็นอยู่มาชั่งดู  อ้าว คราวนี้ น้ำหนักขยะค้างที่เห็นๆอยู่ 4 กก. เชียว โอ้โฮเฮะ มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน เขาร้องอุทานในใจ…….

สัมผัสไหมว่าเทียบความเจ๋งของการทำงานของชายคนนี้ตอนต้นกับลงท้าย 5 ปีผ่านไป ความเจ๋งในการทำงานของเขา้ลดลงไปมากมาย

เขาเหลือความสามารถเพียง 1/4 ของความสามารถที่เคยทำได้ที่ตั้งเป้าไว้ เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี

ถ้าชายเก็บขยะในเรื่องนี้แท้จริงคือไตของคน น้ำหนักขยะที่เหลือค้างแต่ละช่วงในเรื่องคือค่าครีอะตินินที่ยกมาจากบันทึกของน้องหนิง  ความสามารถในการเก็บขยะของชายเก็บขยะคือความสามารถในการกรองของไต  พอเข้าใจหรือยังว่าเขาใช้ค่าครีอะตินินบอกความสามารถของการกรองของไตที่เปลี่ยนไปอย่างไร

เมื่อเทียบค่ามาใช้ดูกันในทำนองนี้ ท่านเชื่อหรือยังว่าดูเองแล้ว การเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ช่วยให้เจ้าของเลือดตื่นตัวเร็วขึ้น ส่วนการแปลค่าว่าปกติหรือไม่ปกติอย่างที่ทำๆกันมาไม่ควรที่จะพอใจกับมันอยู่ตรงนั้น

คนที่เห็นทุกค่าของเลือดที่เคยตรวจกับตาครบถ้วนตลอดเวลามีคนเดียวที่มีโอกาสทำได้  คนๆนั้นคือเจ้าของเลือด จำไว้ๆให้ดี (ย้ำบ่อยๆเพื่อบอกว่าการมีส่วนร่วมสำคัญกับการดูแลตัวเองมากมาย)

ผลเลือดทุกครั้งที่เคยตระเวณตรวจ เมื่ออยู่ในมือพร้อมช่วยอะไรได้เห็นหรือยังถึงประโยชน์การใช้

ต่อนี้ไป ตรวจเลือดครั้งไหนๆอย่าลืมขอผลตรวจไว้กับตัวซะทุกครั้งนะคะ จะดีมากทีเดียวสำหรับการดูแลต่อเนื่องของปัญหาเฉพาะตน

โปรดอย่าปล่อยให้หมอ-พยาบาลดูแลข้อมูลเหล่านี้ให้กับท่านเท่านั้น

ก่อนจะจบขอตบท้ายด้วยค่าครีอะตินินที่ใช้กันอยู่ว่าปกติ  สำหรับคนวัยหนุ่มสาว ถือที่ค่าไม่เกิิน 1 มก.%  สำหรับคนสูงอายุ ถือที่ค่าไม่เกิน 1.5 มก.%

เมื่อไรเห็นครีอะตินินขยับขึ้นลง แต่ยังอยู่ในช่วงของปกติ นั่นบ่งถึง 2 เรื่องให้ค้นดู ก่อนจะบอกตัวเองว่า ไม่มีอะไรต้องปรับซะใหม่

เรื่องแรก บอกถึงการสลายของกล้ามเนื้อ จะเป็นการอักเสบหรือไม่ใช่ได้ทั้งนั้น

เรื่องที่ 2 บอกถึงกินอาหารที่มีโปรตีนเยอะขึ้นกว่าเดิม

« « Prev : ยูเรียในเลือด…รู้จักกันไว้หน่อย…ใช้งานกับเรื่องไตเสื่อมด้วยนะ

Next : จัดการการกินให้อ่อนเค็ม…ไม่ง่ายๆ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ธันวาคม 2009 เวลา 15:53 (เย็น)

    ยุ่งยากกว่าขยะหมอจอมป่วนอีก
    ต้องค่อยๆสังเกตและเรียนรู้ไปเรื่อยๆ  แคว๊กๆ

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ธันวาคม 2009 เวลา 19:31 (เย็น)

    อุ๊บบบบบ……ยากไปๆซะแล้วเนอะค่ะ…..ลองเรียบเรียงใหม่เป็นเรื่องเล่า น่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นแล้วนะคะ….หลักนั้นไม่ยาก..แค่เทียบบัญญัติไตรยางค์ค่ะ

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ธันวาคม 2009 เวลา 20:42 (เย็น)

    มาเรียนเรื่องสุขภาพที่จำเป็นสำหรับ สว.อย่างเรา  ขอบคุณครับ

  • #4 นักการหนิง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ธันวาคม 2009 เวลา 21:50 (เย็น)

    สว.นี่ประสิทธิภาพของไตก็ลดลงตามอายุนะคะ ระวังหน่อยก็ดี 

    รอบนี้พี่หมอเจ๊เปรียบเทียบเห็นได้ชัด  แต่พ่อครูบาของเราและคนที่ยังไม่เป็นโรคนี้หรือมีคนใกล้ตัวเป็นโรคนี้อาจจะยังเข้าใจได้ยากนิดหน่อย  ลองทบทวนอีกสักรอบสองรอบก็จะช่วยได้ค่ะ  ก็ลองอ่านประกอบกับที่หนิงเขียนด้วยก็จะเห็นภาพชัดขึ้นนะคะ..  เราจะเข้าใจอะไรได้ง่ายถ้าหากสิ่งนั้นมันเกี่ยวข้องกับตัวเรา …เบื้องต้นคืออยากรู้ก่อน   ก่อนหน้านี้กว่าหนิงจะเข้าใจก็ ทั้งงง  เง็ง แล้วก็เซ็ง  ทำไมมันยากหยั่งงี้วุ้ย  แต่พอจับทางได้ เริ่มเข้าใจก็เข้าใจเพิ่มขึ้น

    แต่จริงๆ โภชนาการสำหรับคนปกติ คือ  สะอาด  มีชูรสน้อยๆ  ทานผักมากๆ  พยายามทานผักที่ปลอดสารพิษ  และที่สำคัญคือทานอาหารไม่เค็ม จะช่วยไ้ด้มากทีเีดียวค่ะ 

    บางเรื่องที่หนิงถ่ายทอดอาจแรงไป แต่เป็นความจริงของโภชนาการของคนไทย  ที่ภาครัฐมองข้าม

    นี่ก็มีอะไรที่เพี๊ยนๆ ไป คือ ถ้าทานเค็มจากเกลือ (โซเีดียม) ไม่ได้  ก็ให้ทานเค็มจากโปรตัสเซียมแทน  อันนี้ก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่สำหรับคนเป็นไตเสื่อม ไตวายค่ะ 

    พูดไปพูดมาหนิงเองก็เพี้ยนค่ะ เห็นคุณสามีเธอทานเค็มไม่ได้ ก็ทานอาหารตามเขา ผลปรากฎว่าที่เป็นความดันต่ำ ก็เลยต่ำหนักไปอีก  ก็ต้องปรับให้เป็นปกติค่ะ …  เี่ีราขาดความรู้ด้านโภชนาการไปเยอะเหมือนกันค่ะ… จึงต้องแบ่งปัน เล่่าสู่้กันฟัง เหมือนที่พี่หมอเจ๊กับหนิงทำกันอยู่  ประโยชน์ไม่มีมากก็มีน้อยล่ะค่ะ

  • #5 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ธันวาคม 2009 เวลา 23:02 (เย็น)

    #4 นี่ก็มีอะไรที่เพี๊ยนๆไป คือ ถ้าทานเค็มจากเกลือ (โซเีดียม)ไม่ได้  ก็ให้ทานเค็มจากโปตัสเซียมแทน?????

    อยากรู้จริง ใครกำลังทำอยู่กันบ้างหรือน้อง บอกกันหน่อย

  • #6 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ธันวาคม 2009 เวลา 23:18 (เย็น)

    #3 มีเรื่องอีกเยอะที่นำมาเล่าให้ฟังได้อีกค่ะพี่ 

    คนในลานแบ่งกลุ่มแล้วมีทั้งเสี่ยง ว่าที่ ตัวจริงที่ยังละอ่อน และ ตัวจริงที่เจนสนาม อยู่มากมาย

    บางเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ยากและลึกไปสำหรับ 3 กลุ่มแรกก็เยอะค่ะ

    จะลองย่อยให้เข้าใจง่ายแล้วนำมาเล่าต่อให้ฟังเมื่่อเกี่ยวเนื่องค่ะ

    ที่น้องหนิงบอกว่า ประสิทธิภาพไตของสว.ลดลงตามอายุนั้นใช่เลยค่ะ  กำลังหาว่ามีอะไรที่เตือนได้ไวกว่าค่าครีอะตินินมาบอกเล่ากัน  ตกผลึกในเรื่องของความรู้ที่ใช้ง่ายแบบชาวบ้านเมื่อไร จะนำมาเล่าให้ฟังค่ะ

    เป็นหมอเด็ก ไม่ง่ายกับการเรียนรู้เรื่องราวของผู้ใหญ่เท่าไรหรอกค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.048707962036133 sec
Sidebar: 0.099936008453369 sec