กินแล้วรวยหรือเปล่า

อ่าน: 3200

เคล็ดที่ไม่ลับการกินให้มีใช้-มีออมมีหลักอยู่ที่ความเข้าใจในเรื่อง “กินเพื่ออะไร”

ปกติร่างกายคนมีการจัดการอาหารเหมือนกับการจัดการเงิน วัตถุประสงค์จึงเหมือนกันอยู่ที่ “มีใช้-มีออม”  ไม่เหมือนกันตรงจุด “ความพอดีของการออม”

สำหรับอาหารหากออมจนเกิดความรวยเมื่อไร เมื่อไรก็เมื่อนั้น มีผีร้ายแอบมาสิงสูบชีวิตให้ชีวาลดถอยลงเรื่อยไป กว่าที่เจ้าของร่างกายจะรู้สึกว่ามีผีร้ายมาสิง เพลานั้นก็ต้องมาฝึกเป็นหมอผีเองแล้ว หรือฝึกแล้วก็ยังต้องอาศัยคนอื่นมาช่วยไล่ผีเป็นหมอผีเองไม่ได้แล้ว

วิธีที่จะรู้ว่ามีผีสิงอยู่แล้วหรือไม่ ให้ใช้น้ำหนักตัวเป็นตัวตั้งการ์ดดูก่อน  วิธีนี้คงต้องขออภัยคนที่ไม่ถนัดคำนวณ อยากจะบอกเล่าว่าวิธีหา “กิน” ให้มีใช้พอ มีวิธีดูแลอย่างไรเท่านั้น

เริ่มจากสำรวจชีวิตของตัวเองว่าในแต่ละวันนั้นมีกิจกรรมในลักษณะใดบ้าง แบ่งออกเป็น 3 ประเภทเหมือนใช้เงิน : ไม่ใช้ ใช้น้อย และ ใช้มาก

ประเภทของ “ไม่ใช้”     หมายถึง ในแต่ละวัน นอน นั่ง ยืนเฉยๆ กี่ชั่วโมง

ประเภทของ “ใช้น้อย”  หมายถึง  ในแต่ละวัน เดินไปเดินมาในระยะใกล้ๆ  เดี๋ยวนั่ง เดี๋ยวลุก ไม่ใกล้ไม่ไกล เดินลงมาที่ต่ำำกว่ากี่ชั่วโมง

ประเภทของ “ใช้มาก” หมายถึง  ในแต่ละวัน เดินติดต่อกันไม่หยุดเลย เล่นกีฬาที่มีการวิ่งไป-มาไม่หยุด หรือ เิดินไกล เดินขึ้นที่สูงติดต่อกันไม่หยุด กี่ชั่วโมง

ได้ข้อมูลมาแล้วให้รวมดู ค่ารวมที่ได้คือค่าที่ควรหามาใส่ในกงสีจึงพอใช้  ให้คำนวณด้วยน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม

นำชั่วโมงของ “ไม่ใช้” คูณด้วยน้ำหนักตัวของตัวเอง  ( ถ้าได้จากเวลานอนรวดเดียวมา 6-8 ชั่วโมง เรียกว่าดีระดับหนึ่งแล้ว )

นำชั่วโมงที่ได้ของ “ใช้น้อย” คูณด้วย 2 เท่าของน้ำหนักตัวของตัวเอง

นำชั่วโมงที่ได้ของ “ใช้มาก” คูณด้วย 4 เท่าของน้ำหนักตัวของตัวเอง

จะมองเห็นสัดส่วนความต้องการใช้ว่าจำำนวน 24 ชั่วโมงใช้มากเท่าไร และจะนำไปปรับในตอนท้ายในเรื่องอะไร

ไปที่่เมนูอาหารที่กะว่่าวันนี้จะกินเข้าไปเพื่อเป็นกงสี ดูคร่าวๆจากรายการในเมนูโดยใช้หลักธงโภชนาการ

ลองดูกันจากเมนูตัวอย่างนี้ก้แล้วกัน  เริ่มจากดูหมวดอาหารกันซะก่อน

มื้อเช้า น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล ข้าวสวยครึ่งทัพพี ผัดมันฝรั่งผงกระหรี่ครึ่งถ้วยเล็ก กาแฟดำ
มื้อกลางวัน ข้าวสวยครึ่งทัพพี หมากค้อดอง กาแฟดำ กล้วยน้ำว้า ๑ ลูก
บ่าย นมถั่วเหลืองชนิดหวานน้อย ๑กล่อง
เย็น แกงผักกาดใส่ขิง ข้าวสวยสองช้อนโต๊ะ

ที่บันทึกนี้ ได้เล่าแล้วว่า ปริมาณช่วงล่างสุดที่ธงระบุไว้ เหมาะสำหรับใคร ขอใช้ตัวเลขนี้เป็นฐานเทียบเมนูตัวอย่างดูละกัน ว่าน้อยกว่าหรือพอดีกับธง

ดูเมนูแล้วจะพบว่าูกิน “น้อยกว่า” ที่ธงกำหนดมากมาย

ซึ่งแปลว่า เมนูนี้ให้อาหาร “ไม่พอดี” กับผู้กินที่มีขนาดตัวอยู่กลางๆ แม้ว่าจะเป็นคนที่เนื้อตัวหวานอยู่แล้วก็ยังเป็นเมนูที่ฟันธงว่าทำให้ “ขาดสารอาหาร” หรือ “จน” หามาใส่กงสีไม่พอใช้ค่ะ

สถานการณ์อย่างนี้จะทำให้่ร่างกายมีกรดเต็มไปหมด ไม่ดีต่อการทำงานของไต 2 เด้ง หนึ่งคือเกิดความต้องการไขมันไปช่วยเคลือบเซลเพื่อป้องกันเซลอยู่เรื่อยๆ ส่งผลให้ไขมันในเลือดยังคงสูง ส่งผลต่อให้กับการเสื่อมลงของเส้นเลือดเล็กในไต (ดูในเมนูจะเห็นว่า่กินไขมันเข้าไปไม่มากเลย แต่ในเลือดยังสูงได้อยู่นะคะ)  อีกเด้งหนึ่งคือ การทำงานหนักขึ้นเพื่อคุมสมดุลของภาวะกรด-ด่างให้ร่างกายค่ะ

วิถีของคนเป็นเบาหวานมีความยากต่อการปรับวิถีชีวิตให้ลงตัว  แต่ถ้ามีรายละเอียดเพียงพอที่ได้คลี่ออกมาดู การปรับวิถีให้ง่ายๆทำได้ไม่ยากเลย

ลองสำรวจตัวเองดูต่อหน่อยนะคะ ดูว่าในร่างกายเป็นกรดอยู่มากแค่ไหน ใช้กระดาษลิสมัสนี่แหละได้ หรือว่าแถบตรวจ urine sugar ที่มีอยู่ หากว่าตรวจฉี่แล้วพบ pH มีค่าต่ำกว่า 6  ก็ขอให้ตั้งใจปรับเรื่องการเพิ่มกินผัก ผักอะไรก็ได้ที่ใช้เป็นอาหารได้และไม่แสลง จำไว้ๆลดน้ำตาลในเครื่องดื่มและใส่ปรุงในอาหารด้วยค่ะ เพื่อดูแลสุขภาพของไต

ค่า pH เป็นวิธีที่บอกได้ง่ายๆว่าไตของเรานะยังทำงานรับได้อยู่หรือเปล่า

ค่าปกติของ urine pH อยู่ที่ 6 ค่ะ ค่า pH เกิดขึ้นจากการปรับสมดุลของไฮโดรเจนไอออนในร่างกาย ส่วนที่เกินใช้มีไตทำงานขับทิ้งออกจากร่างกายค่ะ

ผักและผลไม้เป็นอะไรที่ช่วยเพิ่มด่างให้ร่างกาย ซึ่งช่วยทำให้ภาวะกรดในร่างกายเปลี่ยนไปค่ะ   ส่วนน้ำตาลเพิ่มกรดในร่างกายค่ะ

สิ่งที่อยากจะให้ปรับเพิ่มสำหรับเมนูอย่างนี้  คือ อาหารโปรตีนที่มีไขมันน้อย

ลดชั่วโมงของการ “ไม่ใช้” ของกลางวันลง โยกเวลามาให้ “ใช้น้อย” และ “ใช้มาก” แทน

ส่วนเวลาของ “ใช้มาก” ให้เพิ่ม การออกแรงในรูปแบบของการยกของที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะให้คุณกับคุณภาพการทำงานของอินซูลินในร่างกาย ทำให้ลดระดับน้ำตาลได้ง่ายขึ้น

ส่วนแอโรบิกถ้าอยากจะทำต่อไปก็ขอให้ใช้แรงปานกลาง เพราะให้ประโยชน์กับการป้องกันโรคหัวใจ

แต่อยากให้เลือกนำเดินเร็วๆ เร็วขึ้นๆครึ่ง-หนึ่งชั่วโมงมากกว่า ซึ่งจะให้คุณกับการจัดการระดับน้ำตาลในเลือดให้ลดลงง่ายๆได้เช่นกัน แล้วยังแถมการป้องกันเข่าเสื่อมจากการได้รับแรงกระแทกมากกว่าธรรมดาที่เกิดจากท่าในแอโรบิกด้วยค่ะ

ส่วนการปรับเรื่องการกินผลไม้ ซึ่งมีแต่กล้วยให้เลือก ขอไปใคร่ครวญดูก่อน ว่าจะทำให้ง่ายได้อย่างไรค่ะ

« « Prev : สลับเมนู สลับมื้อ ช่วยเรื่องคุมหวานได้บ้างไหม

Next : อาหารนี้กินน้อยไตจะสบายๆตลอดนะ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "กินแล้วรวยหรือเปล่า"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.43271398544312 sec
Sidebar: 0.54244899749756 sec