สืบต้นตอไข้หวัดใหญ่ดูหน่อยว่าจะมีงานอะไรอีก

โดย สาวตา เมื่อ 19 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:23 (เย็น) ในหมวดหมู่ การจัดการ, ชีวิต สุขภาพ, ดูแลสุขภาพ, สิ่งแวดล้อม, อาหารกับสุขภาพ #
อ่าน: 1967

ในบันทึกเพิ่มเติมเรื่องไข้หวัดใหญ่ได้เล่าไว้ว่าต้นตอไข้หวัดใหญ่ในคนเริ่มต้นมาจากการติดจากสัตว์  ก็เกิดคำถามขึ้นว่า หากใช้หลักวิชาอาชีวอนามัยเข้ามาผสมผสาน จะมีอาชีพอะไรนะที่สามารถติดไข้หวัดใหญ่จากสัตว์ได้ง่ายๆกว่าคนทั่วไป แล้วก็ปิ๊งว่า มีหลายอาชีพทีเดียวหละนะ

ในกลุ่มอาชีพของคนเมืองก็คงไม่พ้นคนที่ทำงานเกี่ยวกับสัตว์ที่เอื้อโอกาสเข้าใกล้คลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น คนขายเนื้อสัตว์ คนเลี้ยงสัตว์ขาย คนรักษาสัตว์ป่วย เป็นต้น

นึกไปๆก็เอ๊ะไปเรื่อย  ถ้านึกอย่างนี้แล้วว่าไปเรื่อยก็จะทำให้คนเกิดความแตกตื่นได้นะ ลองถอดบทเรียนจากความรู้ของผู้เชี่ยวชาญดูก่อนดีกว่ามั๊ย ลองค้นหาดูก่อนว่าก่อนที่จะบอกว่าอาชีพไหน ใครเสี่ยงจะติดเชื้อจากสัตว์ได้มากกว่าใคร

ที่กลับไปใช้ความรู้เดิมๆก็เพราะมันเป็นความรู้พื้นฐานที่มีอยู่ มันจึงมีประโยชน์ในการนำมาใช้ในยุคที่ข้อมูลสับสนไปหมดอย่างนี้ก่อนต่อยอดไปเป็นอย่างอื่นเพื่อใช้งาน

ไปเปิดดูที่หน้าเว็บของมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ดูก่อนละกัน

ได้คำตอบมาจากที่นี่ว่า สัตว์ที่ติดเชื้อแล้วเป็นต้นเหตุแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ให้สัตว์อื่นได้ มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ หมูน้อยธรรมดา และ นกน้ำทุกชนิด (ทุก subtype)  แถมเวลามันติดเชื้อ มันไม่มีอาการให้รู้ก็ได้ด้วยนะ

ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ของสัตว์ในโลกนี้ เคยพบใน หมูน้อยธรรมดา หมาน้อยธรรมดา นกน้ำ  ม้า ไ่ก่

ไข้หวัดใหญ่ที่พบในม้า มี 2 ลักษณะ คือ H3N8 และ H7N7

เมื่อศึกษาการติดเชื้อ พบว่า เชื้อที่พบในหมากับในม้าเหมือนกัน และหมาที่ติดเชื้อก็แพร่เชื้อให้หมาด้วยกันป่วยด้วย  เชื้อลักษณะที่พบในม้าและหมานี้ยังไม่เคยพบในคน ลักษณะของมันคือ  H3N8

ปรากฎการณ์ที่เชื้อของม้าไปติดหมา แล้วเชื้อที่ไปอยู่ในหมาก็ไปทำให้หมาตัวอื่นติดโรคแบบข้ามพวกได้นี้แหละ คือ องค์ความรู้หนึ่งที่สะกิดใจในความต้องการอยู่รอดของเชื้อไวรัสตัวนี้ที่เปลี่ยนแปลงตัวจนพาตัวข้ามไปอยู่กับสัตว์พวกใหม่ได้เองแล้วให้โทษกับสัตว์นั้นๆ

สำหรับในหมู ไข้หวัดใหญ่แพร่เชื้อได้ทั้งจากคนไปทำให้หมูป่วยและคนป่วยเพราะติดเชื้อจากหมู ลักษณะที่พบมี 3 แบบ ได้แก่  H1N1 H1N2 H3N2

ส่วนในสัตว์ปีก พบเชื้อที่มีลักษณะหลายแบบมาก ตั้งแต่ H1-H16 และ N1-N9

ลักษณะที่ต้องคอยเฝ้าระวัง คือ H5 และ H7 ทั้งๆที่ส่วนใหญ่เป็นเชื้อที่ไม่รุนแรง ที่ต้องคอยเฝ้าระวังเนื่องจากว่าลักษณะนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเชื้อที่รุนแรงได้ง่าย โดยติดต่อโดยตรงมาที่คนได้เลย ไม่ต้องผ่านสัตว์ตัวอื่นก่อน

ปรากฎการณ์ที่ยืนยันความเข้าใจนี้ ได้จากเรื่องของไข้หวัดนก H5N1 ที่ไม่ต้องผ่านหมูก็มาถึงคนได้เลย  นี่ก็เป็นสะกิดใจซ้ำอีกละลอกเรื่องของความสามารถในการปรับตัวเพื่ออยู่รอดของเชื้อตัวนี้ที่ให้โทษกับคน

เมื่อนำความรู้จากความเดิมนี้มาใช้ สิ่งที่ควรห่วงในเรื่องของคนที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสัตว์น่าจะไม่ใช่แค่การติดเชื้อแล้วป่วยแล้วแพร่เชื้อให้คนอย่างเดียวซะแล้วละ การที่คนปล่อยเชื้อให้หมูติดได้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ส่งผลให้หมูป่วยด้วยที่เป็นไปได้มาแล้ว มันก็ไม่เกี่ยวกับอาชีวอนามัยเลยในแง่นี้แต่ไปเกี่ยวในแง่ของเศรษฐกิจในครอบครัวของผู้คน  ดังนั้นการป้องกันไม่ให้หมูป่วยก็น่่าจะมีมาตรการขอความร่วมมือให้ลงมือดูแลตัวเองไปด้วยรึเปล่า

ถ้ามองในมุมเพื่อช่วยเหลือผู้คนไม่ให้แย่ลงๆในด้านจิตใจเป็นสองสามเด้งมันก็น่าทำอยู่นะในเรื่องเผยแพร่ความรู้ออกไปให้ได้ระวัง แต่ในอีกมุมมันก็สุ่มเสี่ยงกับการทำให้ยิ่งตื่นตระหนกก็ได้นะ ยิ่งคนไทยเราขี้ตื่นและชอบสร้างข่าวลือจากการเสพความรู้โดยไม่ย่อยความรู้ให้ตัวเองรู้จริงด้วยแล้วยิ่งพึงระวังผลกระทบให้มากไว้

ว่าแล้วก็ชวนไปเรียนรู้อาการหมูป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ วิธีป้องกันไม่ให้หมูป่วยที่มีคนเขา็บอกเอาไว้ให้แล้ว เผื่อใครจะนำไปใช้ดูแลตัวเองเกี่ยวกับเรื่องหมูต่อไป

ค้นมาถึงตรงนี้ก็พอจะรู้แล้วว่าอาชีพอะไรที่เสี่ยงกับการติดไข้หวัดใหญ่ง่ายกว่าคนอื่นบ้าง ก็เลยขอจบความอยากรู้เอาไว้ดื้อๆแค่นี้ก่อนละกัน ก่อนจบขอสรุปความรู้เอาไปไว้ใช้งานซะหน่อย

เรียนรู้อะไรมาใช้บ้าง :

-ใครก็ได้ที่คลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ปีก มีสิทธิติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จากสัตว์พวกนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าคนเมืองหรือคนบ้านๆที่มีอาชีพทำมาหากินเกี่ยวกับสัตว์ที่ติดเชื้อได้

- ใครก็ได้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ สามารถแพร่เชื้อให้หมูติดเชื้อได้

-ปัจจัยภายนอกหลายเรื่องส่งผลกระทบและบ่งปัญหาว่า่ระบบการดูแลผู้คนในเรื่องการป่วยควรเตรียมพร้อมรับเรื่องของการเจ็บป่วยทางใจให้มากขึ้นกว่านี้อีกหลายๆเท่า  คาดว่าปัญหานี้น่าจะใหญ่กว่าตอนสึนามิและยุคฟองสบู่แตกซะอีก

- การทำให้คนทุกคนมีจิตสำนึกเรื่องการล้างมือเป็นนิสัยสำคัญพอๆกับการทำให้คนป่วยทุกคนใส่หน้ากากอนามัย

- ป้องกันก่อนเกิดเรื่อง ยังมีเวลาทำได้ คือ ชวนให้คนลงมือดูแลตัวเองให้แข็งแรงซะตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งการออกกำลังกาย การพักผ่อนนอนหลับ การกินอาหารสุก น้ำสุก อะไรที่มีประโยชน์ต่อความแข็งแรงโดยรวมของร่างกายสำคัญทั้งหมดเลย

รู้สึกอย่างไร : ตอบได้ว่าหนักใจในการจัดการเพื่อลดปัญหา  ไม่ท้อและไม่กลัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

« « Prev : ใช้หน้ากากอย่างไรถูกวิธี

Next : ชวนมาเรียนรู้เรื่องเค็มๆกันหน่อย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "สืบต้นตอไข้หวัดใหญ่ดูหน่อยว่าจะมีงานอะไรอีก"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.028440952301025 sec
Sidebar: 0.098415851593018 sec