ใช้หน้ากากอย่างไรถูกวิธี
อันที่จริงภายใต้เหตุการณ์การตื่นตัวต่อการกลัวติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็มีมุมที่ท้าทายการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาใช้ในเรื่องหน้ากากอนามัยอยู่เหมือนกัน หลักๆ้พิจารณาเลือกใช้หน้ากากให้เกิดความพอเพียงที่ใช้ฐานของความมีเหตุมีผล ไปส่งผลให้เกิดมีภูมิคุ้มกัน(จิตใจ)ของผู้คนก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับหลักการนี้
หน้ากากที่มีการผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันสุขภาพผู้คนไม่ให้เกิดผลเสียจากสิ่งแวดล้อมนั้น ใช้หลักการกรองเข้ามากักสิ่งที่จะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพเอาไว้ก่อนที่มันจะผ่านเข้าไปในร่างกาย
ความรู้เรื่องการกรองจึงเป็นพื้นฐานที่นำมาสู่การเกิดรูปแบบต่างของแผ่นกรอง คำเรียกคุ้นหูของแผ่นกรองต่างๆก็จะมี ฟิลเตอร์(filter) หน้ากากที่ใช้ในทางการแพทย์ หน้ากากป้องกันมลพิษแบบต่างๆ แล้วก็ยังมีชื่อเรียกเฉพาะไปอีกตามแต่คุณสมบัติเฉพาะของการกรอง
คุณสมบัติหลักที่นำมาใช้พิจารณาแผ่นกรองทั้งหลายก็ไม่หนีในเรื่องของสิ่งเหล่านี้ : ความสามารถในการจับสิ่งสกปรกที่ต้องการ, การสลายตัวเป็นชิ้นเล็กๆ , การดูดกลืน , รูพรุนหรือช่องว่าง,ขนาดช่อง และการเจริญของเชื้อโรคในอากาศที่มาเกาะติด , การนำไปใช้ในการกรอง (กรองขั้นแรก หรือ กรองขั้นสุดท้าย) , การไหลขณะกรอง (ไหลผ่านตรงๆหรือไหลผ่านทำมุม)
หลักการที่ทางการแพทย์นำมาใช้ในการเลือกหน้ากากป้องกันผู้คนไม่ให้ป่วยจากสิ่งที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศที่ผู้คนหายใจเข้าไปอยู่ที่หลักการทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วเช่นกัน แต่หลักสำคัญที่สุดที่นำมาใช้จะอยู่ที่ขนาดรูพรุนหรือช่องว่างซึ่งมีหน่วยเรียกว่า ไมครอน และ การไหลของอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อโรคขณะกรอง
ขนาดของเชื้อไวรัสซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่กว่า 0.1 ไมครอน จึงเป็นหลักการหนึ่งที่นำมาใช้ในการเลือกใช้หน้ากากสำหรับป้องกันโรค
สำหรับหลักการไหลของอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ก็ใช้หลักการการปนเปื้อนของเชื้อโรคในอากาศเข้ามาผสมผสาน ซึ่งถ้าเป็นกรณีของการสูดเอาตัวเชื้อเข้าไปตรงๆ ขนาดของเชื้อโรคจะเป็นเรื่องสำคัญ
กรณีของไวรัสไข้หวัด ไม่ว่าหวัดใหญ่ หวัดเล็กก็ตาม การปนเปื้อนมันเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกคือ ปนอยู่ในเสมหะ น้ำลาย น้ำมูก แล้วชั้นที่ 2 คือ เสมหะ น้ำลาย น้ำมูกที่กระเด็นออกมาปนมาอยู่ในอากาศผ่านการไอ การจาม
การแพร่โรคที่เกิดจากเชื้อโรคถูกห่อหุ้มโดยสารคัดหลั่งไปแล้วหนึ่งชั้น ไปปนเปื้อนอยู่ในอากาศเป็นชั้นที่ 2 จึงทำให้เกิดโรคตามมา เรียกว่า “droplets transmission “
สารคัดหลั่งทำให้ขนาดของสิ่งที่จะกรองมีขนาดใหญ่ขึ้น
ความหนักของสารคัดหลั่งทำให้การปลิวของเชื้อโรคไปได้ไกลแค่ไหนขึ้นกับน้ำหนักและแรงพุ่งออกของสารคัดหลั่งนั้นๆ ( กลไกก็คล้ายกับการแผ่พุ่งของน้ำที่ฉีดให้เป็นละอองฝอยพ่นให้ปนในอากาศ)
ทั้งหมดนี้คือที่มาของการมีหน้ากากให้เลือกใช้สำหรับในวงการแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ 2 แบบ
หนึ่งแบบก็คือ หน้ากากอนามัย
อีกแบบหนึ่งก็คือ หน้ากากที่มีชื่อเรียกว่า N95
จะเลือกใช้หน้ากากแบบไหนก็ขอให้พิจารณาลำดับความสำคัญให้ครบทุกมุมก่อนการใช้ จะได้สมกับการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงและการบริหารปัญญาไง
ขอนำวิธีใส่หน้ากากอนามัยสำหรับป้องกันโรคติดเชื้อที่แพร่ทางเสมหะ น้ำลาย น้ำมูกมาให้ดูวิธีใส่ที่ถูกสักหน่อย ด้วยว่าใส่ผิดรอยพับจะเป็นที่เก็บกักเชื้อโรคไว้ให้เป็นเรื่องแทนการช่วยซะอีก
อย่าลืมล้างมือก่อนใส่หน้ากากด้วยนะ
งดการเกา แกะ ล้วงควัก สัมผัสใบหน้าภายใต้หน้ากาก โดยไม่ล้างมือก่อน
งดการจับต้องหน้ากากที่กำลังใส่โดยไม่ล้างมือก่อน
ไม่ทำอย่างนี้ ใส่หน้ากากก็ป้องกันโรคไม่ได้หรอก
« « Prev : ล้างมือวิธีใหม่ใช่รึเปล่า
Next : สืบต้นตอไข้หวัดใหญ่ดูหน่อยว่าจะมีงานอะไรอีก » »
1 ความคิดเห็น
เป็นความรู้ที่ทุกคนควรทราบและเอาไปปฏิบัติ เพราะนี่คือการป้องกัน..
ขอบคุณครับ