ดอกส้มสีทอง(๒)
เรามาคุยกันถึงข้อกฎหมายในละครเรื่องนี้กันนะครับ เรื่องของครอบครัวท่านเคยทราบไหมครับว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มีอยู่ทั้งหมด ๖ บรรพ บรรพ ๑ ว่าด้วยเรื่องทั่วไป บรรพ ๒ ว่าด้วยเรื่องหนี้ บรรพ ๓ ว่าด้วยเรื่องเอกเทศสัญญา บรรพ ๔ ว่าด้วยเรื่องทรัพย์สิน บรรพ ๕ ว่าด้วยเรื่องครอบครัว บรรพ ๖ ว่าด้วยเรื่องมรดก การกำหนดเรื่องของครอบครัวไว้เป็นเรื่องหลักในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยเฉพาะ แสดงว่าเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าไปแล้วสมัยโบราณก็มีกฎหมายลักษณะผัวเมีย กฎหมายเกี่ยวกับครอบครัวเปลี่ยนไปตามสภาพสังคมในยุคนั้นๆ เช่น สมัยก่อนผู้ชายไทยมีภรรยาหลายคนได้โดยไม่ผิดกฎหมาย หรือกรณีไม่พอใจที่จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาเพียงแค่ลงจากบ้านเอามีดพร้ามาฟันเสาเรือนก็ถือว่าเลิกจากการเป็นภรรยา เพื่อนผมฟังผมบรรยายเรื่องนี้เขาบอกว่านี่ดีนะที่บ้านเขาไม่ได้ยกใต้ถุนสูงเลยไม่มีเสา ไม่งั้นฟันไปนานแล้ว ฮ่าๆๆ นอกจากนี้เมื่อสามีตาย กฎหมายก็กำหนดสัดส่วนการได้รับมรดกของเมียน้อยเมียหลวงไว้ด้วย แสดงว่าในอดีตการที่ผู้ชายมีเมียหลายคนเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมในยุคสมัยโน้น…
มาถึงยุคที่เราคบค้ากับฝรั่งมากขึ้น เรารับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากขึ้น เราเรียนรู้ว่าฝรั่งเขาอยู่กันแบบผัวเดียวเมียเดียว เรามีประมวลกฎหมายใช้บังคับตามแบบฝรั่ง เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน เป็นต้น คนไทยก็เลยถูกบังคับโดยกฎหมายให้มีเมียเพียงคนเดียว แต่ก็ยังให้สิทธิผู้ชายมากกว่า หญิงชายแต่งงานกันกฎหมายบังคับให้ใช้นามสกุลของสามี เวลามีปัญหาในครอบครัวถ้าผู้ชายไปมีเมียน้อย กฎหมายใช้คำว่า “อุปการะเลี้ยงดูยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา” คือหมายถึงว่าไปดูแลเอาใจใส่เหมือนเมียอีกคนหนึ่ง อย่างนี้ภรรยาฟ้องหย่าได้ แต่ถ้าไปได้เสียกับผู้หญิงโดยไม่ยกย่องเลี้ยงดูแบบเมียอีกคนหนึ่ง หรือเพิ่งได้เสียกันครั้งเดียว อย่างนี้ภรรยาฟ้องหย่าได้แต่แพ้…อิอิ แต่พอเวลาผู้หญิงไปมีมั่งกฎหมายกลับใช้คำว่า “ภรรยามีชู้” หมายความว่าถ้าภรรยาไปนอนกับชายชู้เพียงครั้งเดียวสามีก็ฟ้องหย่าได้ มาถึงยุคสมัยนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ มีการแก้ไขกฎหมายครอบครัวในเรื่องเหตุแห่งการฟ้องหย่าเสียใหม่ คราวนี้เป็นไปตามยุคสมัยมากขึ้น เขาแก้เป็นอย่างนี้ครับ
มาตรา ๑๕๑๖ เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(๑)สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(๒)สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ
ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(๓) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(๔) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปีอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(๔/๑) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยา
กันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควรอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(๔/๒) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปีหรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(๕) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(๖) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(๗) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(๘) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(๙) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(๑๐) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกาย ทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุแห่งการฟ้องหย่า เพราะถ้ามีเหตุใดเหตุหนึ่งดังที่อ้างไว้ข้างบนครอบครัวก็ไม่มีความสุขแล้วใช่ไหมครับ ที่ยกมานี่ก็เพื่อจะบอกว่าเมื่อเด่นจันทร์จับได้ว่าสินธรไปอุปการะเลี้ยงดูเรยา ไปร่วมประเวณีกับเรยาเป็นอาจิณ ถ้าเด่นจันทร์แก้ปัญหาง่ายๆด้วยการเลิกกัน หย่ากัน ถ้าสินธรยอมหย่าง่ายๆก็จบ ถือว่าเลิกกันตามกฎหมาย เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐๑ บอกว่า
“การสมรสย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอน”
มาตรา ๑๕๑๔ วรรคแรกบอกว่า
“การหย่านั้นจะทำได้แต่โดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายหรือโดยคำพิพากษาของศาล”
แต่การหย่าให้มีผลตามกฎหมายก็ต้องไปจดทะเบียนหย่าครับ เหตุผลก็เพราะการสมรสนั้นตอนแต่งงานกันกฎหมายบังคับให้จดทะเบียนสมรส เมื่อจบชีวิตคู่ก็ต้องไปจดทะเบียนหย่ากันให้ถูกต้อง แต่ถ้าสินธรไม่ยอมหย่าล่ะ เด่นจันทร์ก็มีทางเลือกสองทาง คือ ต้องมีการตายเกิดขึ้น จ๊าก…รุนแรง โหดร้าย…อิอิ กับอีกทางหนึ่งคือ ต้องฟ้องหย่าก็อาศัยเหตุตามกฎหมายข้างต้นนั่นแหละครับ คุณดี๋หรือณฤดีก็เช่นกันเมื่อจับได้ว่าคุณใหญ่ไปอุปการะเลี้ยงดูเรยาเอาเงินปันผลของบริษัทไปซื้อคอนโดให้เรยา จะทำให้การสมรสสิ้นสุดก็มีเหตุเดียวกันคือคู่สมรสคนใดคนหนึ่งต้องตาย ไปจดทะเบียนหย่า หรือฟ้องศาลให้ศาลมีคำพิพากษาให้หย่า ซึ่งก็ฟ้องหย่าได้ด้วยเหตุเดียวกัน ผมเคยเอากลอนต่อไปนี้มาเล่นครั้งหนึ่งแล้วแต่ก็ขอเอามาเล่นอีก เพราะเหมาะกับเด่นจันทร์มาก
คนเดียวที่กูกลัวก็คือผัวของกูเอง คนเดียวที่กูเกรงผัวกูเองไม่ใช่ใคร
วันไหนถ้ากูรู้ว่าผัวกูมีเมียใหม่ วันนั้นจงจำไว้ถ้าไม่ตายไม่ใช่กู…
ความจริงแล้วในละครเรื่องมงกุฎดอกส้มและดอกส้มสีทอง มีกฎหมายที่เราจะมาพูดคุยกันได้หลายเรื่องนะครับเราค่อยว่ากันทีละเรื่อง ไม่งั้นเดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน อ้อ…ใครที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้ต้องอายุ 18+ ด้วยชิมิ ชิมิ…
9 ความคิดเห็น
อ่านข้อฟ้องหย่าได้ๆๆๆๆๆ …กฎหมาย ช่างใจดำเหลือเกิน ไร้น้ำใจ อิอิ
อิอิ ๑๐ ข้อยังไม่พอ แถมข้อย่อยอีก อิอิ
สวัสดีค่ะ ได้ดูเหมือนกัน นั่งดูคนเดียว ดูไปก็ดูเจตนาที่เค้าเขียนบทละคร
คุณเด่นจันทร์ อยากให้พ่อเอาลูกน้องไปซ้อมสามี แต่พ่อบอกว่าเดี๋ยวก็เหมือนเดิม แต่สงสารหลานเกรงขาดพ่อ ให้ตัดเงินสินธร ส่วนคุณดี๋บอกว่าวันใหนรู้แน่ชัดว่าสามีมีคนอื่น จะเดินจากไปเงียบ แม่พระ อิอิ อย่างไรก็หย่าไม่ได้ เพราะอาเตี่ยกับอาม้า กลัวท่านทูตพ่อคุณดี๋ถอนงอก ชมพู่บอกว่าละครนี้ น้ำดีค่ะ อิอิ
ยังนั่งวิเคราะห์อยู่นี่ว่า ดีไม่ดีละครเรื่องนี้อาจกลายเป็นละครสร้างสรรค์สังคมก็ได้ เป็นการเตือนให้สังคมตระหนักถึงความมักง่าย ตระหนักถึงความอยากมีอยากเป็นอยากได้ของมนุษย์ในสังคมปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่มีอย่างละคร ละครที่ีไม่ใช่แนวแฟนตาซีมันของจริงนั่นแหละ เพียงแต่กล้าหยิบมาพูดมาทำกันหรือเปล่า ผู้หญิงอย่างเรยามีมากมาย บางทีเราเห็นแต่เราไม่อยากพูดเพราะธุระไม่ใช่…
ผมว่าผู้ชายดูก็ดีนะ…จะได้รู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี…ฮ่าๆ
เป็นเด็กกะเหรี่ยงไม่ได้ดูละครเรื่องนี้ค่ะ แต่มีน้องคนหนึ่งเขียนจั่วหัวเอ็มเอสเอ็มไว้ว่า “เรยาว่าแรงแล้ว ชั้นจะแรงกว่าเรยาให้ดู” เอ้อ ดังนั้นละครเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า คนในสังคมใช่จะคิดจะมองในมุมเดียวกันเสียทั้งหมด มันคงจะเปรียบเหมือนดาบสองคมกระมังคะ แต่ที่แน่ๆ เห็นด้วยกับท่านอัยการชาวเกาะค่ะว่า “ผู้ชายอย่ามักง่ายๆๆๆ” คิคิ
ท่านอัยการก็ระวังสึนามิด้วยนะคะ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ปีนขึ้นยอดมะพร้าวก่อนเลย จะได้ปลอดภัยค่ะ
ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ
ละครเรื่องนี้ถ้าดูแบบคิดวิเคราะห์ไปด้วย หามุมมองแง่คิดดีๆในการครองเรือน การป้องกันปัญหา การเอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกัน ผมว่าก็อาจจะทำให้การใช้ชีวิตคู่อบอุ่น และสำหรับคนที่ไม่อยากให้เกิดปัญหาครอบครัวโดยเฉพาะผู้ชายก็คงจะต้องรู้จักการวางตัว การให้เกียรติคนในครอบครัว สำหรับผู้คิดแย่งของคนอื่นอาจจะต้องทบทวนว่าที่สุดแล้วเมื่อแย่งของคนอื่นได้ก็ถูกแย่งได้เหมือนกันและจมอยู่ในกองทุกข์ไปเรื่อยๆ
อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเยอะเชียวคะ อ่านสนุกด้วย อิอิ เป็นการอ่านกฎหมายที่ไม่น่าเบื่อและอยู่ในกระแสนะเนี่ย
ขอบคุณมากสำหรับคำชม อิอิ
Its like you read my mind! You appear to know so much about this, like you wrote the book in it or something. I think that you could do with a few pics to drive the message home a little bit, but instead of that, this is excellent blog. A fantastic read. I’ll definitely be back.
Uggs Outlet Online Coach Purse Outlet Cheap Uggs On Sale Cheap Ugg Boots Wholesale.