จากปู่ถึงหลาน(๓)
อ่าน: 1624เมื่อหลานปู่คลอด ปู่กับย่าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เมื่อหลานจะออกจากโรงพยาบาลปู่แนะนำพ่อเนติ์แม่หนอมให้พาลูกไปอยู่ที่บ้านปู่ย่ากันก่อนเพราะอากาศดีกว่า แต่หลานรู้ไหมว่านั่นเป็นการเพิ่มภาระให้กับปู่ย่า แต่ปู่กับย่าเต็มใจที่จะทำให้หลานและพ่อเนติ์แม่หนอม
ทุกเช้าย่าจะต้องทำข้าวต้มให้แม่หนอม ทำกับข้าวไว้ให้ด้วยหรือปู่กับย่าออกไปทานข้างนอกบ้านก็จะซื้อมาให้พ่อเนติ์แม่หนอมทุกวันไม่เคยขาด พอถึงมื้อเที่ยงเป็นหน้าที่ของย่าที่จะต้องหุงข้าวเผื่อทุกคนในบ้านและทำกับข้าวให้แม่หนอมเป็นพิเศษ(รวมทั้งพวกเราทุกคนที่ต้องทานอาหารเรียกน้ำนม ด้วย ฮ่าๆ ปู่ล้อเล่นไม่ใช่กับข้าวเรียกน้ำนมทั้งหมดหรอก)
ปู่เห็นกับข้าวที่ย่าทำให้แม่หนอม นึกถึงย่าทวดยายทวดของหลาน ตอนพ่อเนติ์คลอด ปู่กับย่าแยกมามีครอบครัวที่ตะกั่วป่า ปู่ทวดกับย่าทวดต้องเดินทางประมาณ ๖๐ กิโล มาเยี่ยมพ่อเนติ์หลังวันคลอดแล้วไม่ค่อยได้มาเพราะปู่ทวดให้รถเก๋งปู่มาใช้ไม่สะดวกที่จะเดินทางมาเยี่ยมพ่อเนติ์บ่อยๆ ครบเดือนปู่จึงพาพ่อเนติ์ไปหาปู่ทวดและย่าทวดที่พังงา(เพราะพ่อเนติ์ยังเล็กเกินไปที่จะให้เดินทาง) คนที่ส่งกับข้าวเรียกน้ำนมคือยายทวด ย่ากินได้บ้างไม่ได้บ้างคนที่ทำหน้าที่กินให้หมดก็คือปู่ ฮ่าๆๆ จะเรียกว่าเป็นหน้าที่ของยายทวดที่จะต้องทำกับข้าวให้ย่าหรือไม่ ปู่ว่าไม่ใช่เพราะเราแบกครอบครัวมาแล้วและย่าทวดยายทวดก็สั่งปู่ย่าว่าหลังคลอดให้กินอาหารที่มีพริกไทยมีขิงใส่น้ำมันงา แกงพริก ซึ่งปู่ก็สามารถทำกับข้าวได้หรือออกไปซื้อมาให้ย่าได้ แต่ยายทวดทำมาให้เพราะความเอื้ออาทรที่มีต่อลูกหลานต่างหาก
ย่าทำแกงเลียงหัวปลี ซื้อแกงพริกมาให้แม่หนอม ซื้อหมี่สั่วต้มกระดูกหมูใส่ตับหมูใส่พริกขิงเยอะๆมาให้ ผัดหมูพริกขิง ปลาสำลีราดพริกขิง ต้มขาหมูกับถั่วลิสง พร้อมกับให้หลานดูดนมแม่หนอมกระตุ้นน้ำนม ตอนนี้พ่อเนติ์โพสต์ขึ้น FB ว่าเมื่อคืนหลานดูดนมแม่ข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งนมหยดด้วย นี่ถือว่าการกระตุ้นน้ำนมเป็นผลสำเร็จสมบูรณ์แล้ว
การที่หลานมาอยู่บ้านปู่มีข้อดีหลายข้อก็คือการช่วยเหลือให้คำแนะนำการเลี้ยงหลานกรณีเกิดปัญหา เช่นลิ้นเป็นฝ้า การอุ้มให้เรอ การให้หลานได้รับวิตามินD แม้จะมีการสอนจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ตามแต่จากประสบการณ์ตรงก็มีส่วนช่วยได้มาก ข้อดีต่อมาคือหลานจะได้รับความอบอุ่นจากคนในครอบครัวอย่างเต็มที่ ครอบครัวของปู่ย่าถือความสุขของคนในครอบครัวเป็นเรื่องหลัก ครอบครัวต้องมาก่อนปู่ย่าแทบจะไม่แยกจากกันเลย มีห่างกันเพียงสองช่วง คือช่วงแรกที่ปู่รับราชการอัยการใหม่ๆ ย่าทำงานอยู่โรงพยาบาล ปู่ต้องขึ้นไปอบรมที่กรุงเทพมหานคร พ่อเนติ์ยังเล็กอานิวก็เพิ่งเกิดไม่กี่เดือน แยกกันอยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่ ปู่ตัดสินใจให้ย่าลาออกจากงานที่โรงพยาบาลเพื่อมาเลี้ยงพ่อเนติ์อานิว เพื่อให้พ่อเนติ์อานิวเกิดความอบอุ่นในครอบครัวอย่างเต็มที่ กับอีกครั้งที่ปู่เข้าโรงเรียนอัยการจังหวัด ๔ เดือน นั่นทำให้ย่าเหงามากตอนนั้นพ่อเนติ์อยู่หาดใหญ่ อานิวก็ไปเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นอกนั้นอาจมีบ้างที่ปู่ไปประชุมต่างจังหวัดครั้งละไม่เกินสามวัน
ครอบครัวเราคิดถึงความรู้สึกของคนในครอบครัวเป็นหลักจึงทำให้ครอบครัวเราอบอุ่นมาก เราไม่คิดถึงความสะดวกสบายส่วนตัว อย่างครอบครัวปู่ทวดย่าทวดมีลูก ๕ คน พี่น้องห้าคนรักกันแม้มีบางครั้งอาจไม่พอใจกันบ้างตามธรรมชาติในเรื่องอารมณ์ของมนุษย์แต่เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ทุกคนมีความรู้สึกเดียวกันคือช่างเถอะ ยกให้ไม่ถือโทษเพราะเขาเป็นอย่างนั้นแหละ ปู่ทวดย่าทวดจึงสบายใจที่ลูกๆไม่ทะเลาะกันไม่แย่งทรัพย์สมบัติกันมีแต่จะเสียสละให้แก่กันและกัน หลานจึงโชคดีที่เกิดมาในตระกูลของพวกเราเพราะหลานจะได้รับความรักจากทุกคนในครอบครัวแบบนี้เหมือนกัน
ตอนที่ปู่ยังเป็นทนายความ ย่ายังทำงานเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลเมื่อย่าคลอดพ่อเนติ์ เราต้องเลี้ยงพ่อเนติ์กันเองเพราะเราแยกครอบครัวมาแล้ว บทพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ต้องมี ปู่ย่าก็ต้องหาวิธีเลี้ยงพ่อเนติ์ ก่อนย่าไปทำงานก็บีบน้ำนมใส่ขวดไว้ ปู่ไปว่าความที่ศาล เราหาพี่เลี้ยงมาช่วยแต่เราไม่ได้จ้างแรงงานต่างด้าว เราเลือกเฟ้นพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้ ดูลีลาของเขาในการดูแลพ่อเนติ์ ปู่เสร็จงานก็รีบกลับสำนักงานซึ่งเป็นบ้านพักในตัว มาดูพ่อเนติ์ เที่ยงแม่กลับมาที่บ้านให้นมลูกและทานข้าวเที่ยง แล้วกลับไปทำงานต่อ ถามว่าเอาไปส่งไว้ที่บ้านยายทวดได้ไหม คำตอบก็คือได้ แต่ทำไมปู่ย่าไม่ทำ ก็เพราะปู่ย่าถือว่าการเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของคนเป็นพ่อแม่ไง ปู่ย่าเห็นว่าเด็กรุ่นใหม่ที่มีปัญหาเพราะพ่อแม่ไม่ค่อยได้เลี้ยงไม่ค่อยได้ให้ความอบอุ่นจากอ้อมอกพ่อกับแม่ด้วยตัวเอง เด็กเติบโตมาในอ้อมอกคนอื่น พ่อแม่พูดจึงไม่ค่อยเชื่อฟัง ปู่ย่าถือเรื่องเหล่านี้มาก
คนที่มาเห็นพ่อเนติ์เลี้ยงหลาน เขาจะชมกันทุกคนว่าพ่อเนติ์ทำคล่อง ไม่ว่าชงนมทั้งกลางวันกลางคืน เปลี่ยนผ้าอ้อม ซักผ้าอ้อม เช็ดอึหลาน อุ้มหลาน ป้อนนมขวดให้หลาน แต่ถ้าเขามาเห็นปู่เลี้ยงพ่อเนติ์เขาจะรู้ว่าผู้ชายบ้านนี้เลี้ยงลูกเก่งเพราะปู่ก็เลี้ยงพ่อเนติ์แบบนี้ การที่ผู้ชายละเอียดอ่อนในเรื่องอย่างนี้แสดงว่าเขารักครอบครัว หาผู้ชายแบบนี้ยากนะหลาน ปู่ขอบอก….
เมื่อวานนี้ ตอนพ่อเนติ์แม่หนอมทานข้าว ปู่ช่วยดูหลานให้ หลานฉี่ใส่ปู่ อึ๊และจาม สะดือของหลานหลุดออกมาแล้วเป็นก้อนนิดเดียว ความจริงมันจะหลุดตั้งแต่ตอนเช้าแล้วพ่อเนติ์เอาแอลกอฮอล์เช็ดแล้วมันทำท่าจะหลุดแต่ไม่หลุด ย่าก็เลยไปเอาสะดือพ่อเนติ์ที่ย่าเก็บใส่ตลับไว้อย่างดีมาให้พ่อเนติ์ดูแลรักษาเอาเองเพราะถือว่าวันนี้พ่อเนติ์เป็นพ่อคนอย่างเต็มตัวและย่าถือว่าหมดหน้าที่ของย่าที่จะเก็บรักษาสะดือพ่อเนติ์และเป็นหน้าที่ของพ่อเนติ์ที่จะเก็บดูแลสะดือของหลานต่อ สะดือพ่อเนติ์ยาวกว่าและมีเชือกผูกอยู่ด้วยเป็นเทคนิคที่โรงพยาบาลตะกั่วป่าใช้เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว กับก้อนเล็กๆข้างซ้ายเป็นสะดือของหลานที่โรงพยาบาลมิชชั่นใช้ที่หนีบสะดือและสือเหลือแค่นี้…ความจริงเรื่องสะดือเขาเอาไปฝัง จะมีใครเก็บไว้บ้างปู่ไม่รู้หรอกแต่ปู่ถือว่าสะดือเป็นตัวแทนความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก เพราะนี่คือสายใยชีวิตที่เชื่อมต่อระหว่างชีวิตของมนุษย์ที่มีส่วนผสมของมนุษย์ผู้ชายและผู้หญิงอันเกิดจากความรัก การเก็บรักษาสะดือเอาไว้ ปู่ย่าจึงถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการรักหวงแหนชีวิตน้อยๆของลูกด้วยดวงใจ….ขอให้หลานเติบโตอย่างมีความสุขท่ามกลางความรักของคนในครอบครัวของเรานะ..นางฟ้าของปู่…
7 ความคิดเห็น
เขาเล่าว่า น้ำเต้าแกงเลียงก็ดีเท่ากับหัวปลีนะคะร๊าบบบบ แถมทำกินได้หลายเมนู อิ
ขอบคุณนะครับจะได้เปลี่ยนกับข้าวให้หลากหลายครับ
>< ชอบอ่านข้อความบนลานแห่งนี้จังคะ
อ่านแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นดีจัง
จะเข้ามาติดตามบ่อยๆนะคะ
ดีใจที่คุณพระจันทร์ชอบครับ ลองย้อนไปอ่านบทความเก่าๆเกี่ยวกับความรักครอบครัว เช่น บันทึกถึงลูกชาย บันทึกถึงลูกสาว เรื่องผ้าปูที่นอนวันแต่งงาน ฯลฯ อาจจะชอบกว่าเดิมครับ อิอิ
ดีใจด้วยนะค่ะ ได้เป็นคุณปู่ คุณย่าแล้วค่ะ
ขอบคุณครับ
Dude, right on there brrteho.