จากปู่ถึงหลาน(๒)
อ่าน: 1643เมื่อวานปู่กับย่าไปรับหลานกับพ่อเนติ์แม่หนอมให้มาพักที่บ้านปู่ย่ากันก่อน เพราะอากาศที่นี่สบายดีกว่า ออกซิเจนมากกว่า มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าและไม่ค่อยร้อน หลานร้องกินเก่งมาก กินเสร็จเรอมั่ง แหวะมั่ง ตดมั่ง อึมั่งสารพัด พอได้อิ่มก็จะเงียบไม่โยเยไม่กวนหลับสบาย แต่เท้าเตะหมอนข้างหล่นประจำ อิอิ
ปู่ย่าเฝ้ามองดูพ่อเนติ์แม่หนอมชุลมุนชุลเกกับหลาน ย่าทนไม่ได้เข้าช่วยบ้างบางครั้ง แต่พยายามให้ทำกันเองเพราะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูก ต้องอดทนอดกลั้นต้องยอมทุกอย่างให้กับลูกเพื่อให้ลูกเติบโตมาอย่างมีความสุข อยู่อย่างสมบูรณ์และอบอุ่น แต่พ่อกับแม่ต้องยอมเหนื่อย..ล้า…อดหลับอดนอน แต่นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับคนเป็นพ่อแม่ที่จะได้ทบทวนบทบาทตัวเองในฐานะพ่อแม่กับในฐานะลูก
“ถ้าเราเป็นลูกที่ไม่ดี เราจะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้อย่างไร” ปู่ทวดย่าทวดสอนปู่มาอย่างนี้ ปู่ก็ต้องสอนพ่อเนติ์แม่หนอมต่อไป และเป็นหน้าที่ของพ่อเนติ์แม่หนอมที่จะต้องสอนหลานต่อไปอีกเป็นทอดๆ
ปู่รู้สึกว่าหลานกินจุ เอ…แล้วเราจะตัดสินการเลี้ยงลูกของคนโบราณกับวิชาการของคนรุ่นใหม่อย่างไรดี ปู่กับย่าเป็นคนทันสมัยแต่ไม่ละทิ้งของเก่า ดังนั้นจึงดูว่าวิถีของคนเก่าแก่ที่ใช้ในการเลี้ยงดูมันมีอะไรเป็นเหตุเป็นผลในทางวิชาการบ้าง ถ้าสมัยใหม่มีเหตุผลในทางวิชาการก็เชื่อวิชาการที่ควรจะเป็น ถ้าของเก่าเขามีเหตุผลที่ควรรับฟังเพราะไม่งั้นเด็กก็ต้องตายเพราะการเลี้ยงดูแบบสมัยก่อนและการเลี้ยงดูแบบสมัยใหม่ทำให้เด็กมีปัญหาปู่กับย่าก็จะเลือกแบบเก่า…
เขียนอย่างนี้เดี๋ยวคุณป้าคุณน้าคุณอาที่เป็นพยาบาลจะค้อนปู่เอา…ปู่คงต้องยกตัวอย่าง เช่น สมัยใหม่บอกว่าเด็กต้องดื่มนมแม่อย่างเดียวน้ำก็ไม่ต้อง นมผสมไม่ควรให้หรือให้ก็น้อยที่สุด แต่ปู่ย่าเห็นเด็กรุ่นใหม่ตัวเหลืองต้องเข้าตู้อบต้องโน่นนี่นั่น…แต่ปู่ย่าเลี้ยงพ่อเนติ์อานิวไม่มีตัวเหลืองแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งสองคน นอกจากดื่มนมแม่ นมผสม น้ำอุ่นเพื่อล้างปาก น้ำผสมน้ำผึ้งเพื่อให้ขับขี้เทา เช้ามาแดดอ่อนพาพ่อเนติ์อานิวออกมาโดนแดดอ่อนๆ สุขภาพดีทั้งสองคน แต่ปู่เห็นเด็กเดี๋ยวนี้ทำตามที่หมอสั่งแต่..ทำไมตัวเหลืองกันเยอะจังใครผิดใครถูกกันแน่ ปู่เลือกเชื่อแบบที่ปู่เห็นผล เรื่องนมผสมปู่เห็นด้วยที่ว่าควรไม่ให้หรือให้น้อยที่สุดควรเป็นนมแม่ดีที่สุดเพราะปู่ดูดนมย่าทวดจนโตเหมือนกัน ดูดเป็นปีจนในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนเป็นนมผสมเพราะย่าทวดบอกว่านมแห้งหมดแล้ว…555 ส่วนน้ำผสมน้ำผึ้งบ้านปู่ย่ากินกันแบบนี้มาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว แต่พอขี้เทาหมดแล้วก็ค่อยๆห่างไป ย่าอารีย์ห้ามไม่ทันแล้วเพราะย่าให้ดูดน้ำผสมน้ำผึ้งขับขี้เทาไปก่อนแล้ว อิอิ…
สังเกตดูหลานจะตัวเล็กลงกว่าวันที่คลอดวันแรกซึ่งถือเป็นเรื่องปกติเพราะแรกคลอดใหม่ๆเขาว่ากันว่าเด็กพองลม อิอิ…แต่หน้าตาหลานน่ารักขึ้นขาวขึ้น ลืมตาได้มากขึ้นมองโน่นมองนี่ โบราณเขาไม่ให้พูดว่าน่ารักเพราะกลัวยักษ์มารจะมาแย่งเอาไป ต้องพูดว่าน่าเกลียดน่าชังเขาจะได้ให้อยู่ในโลกใบนี้ต่อเพราะมีแต่คนน่าเกลียดน่าชัง รึว่าเพราะเหตุนี้เราถึงมีคนเกลียดชังกันมาก็ไม่รู้ อิอิ…เมื่อวานปู่เห็นหลานยิ้มแต่ปู่ไม่รู้หรอกว่าหลานยิ้มเพราะอารมณ์ดีหรือยิ้มเพราะอะไร แต่โบราณบอกว่าแม่ซื้อหยอก เออ..ทีแม่ซื้อหยอกแล้วยิ้ม แต่ปู่หยอกทำไมไม่ยิ้มล่ะ…แฮ่….
วันนี้หลานดูดนมแม่ด้วย ดูดนมขวดด้วย ปู่กลับไปทานข้าวตอนเที่ยงหลานยังไม่ตื่น ปู่กลับมาทำงานบ่ายหลานก็ยังไม่ตื่น ถามแม่หนอมก็บอกว่าลูกหลับสนิทตอนประมาณตีสามจนเจ็ดโมงครึ่ง แล้วตื่นมาร้องกินนม พ่อเนติ์จับอาบน้ำแต่งตัววันนี้แต่งตัวด้วยชุดของอานิว คับพอดีเลย ตอนนี้เสื้อผ้าหลานมากมายใส่ไม่ทัน ตอนนี้มีทั้งผ้าอ้อมและผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้ง ซึ่งย่าพยายามให้ใช้ผ้าอ้อมธรรมดา ผ้าอ้อมที่ใช้ดีที่สุดเท่าที่ย่าเคยใช้คือผ้าอ้อมจากฮ่องกง ซึ่งพ่อเนติ์ก็ได้ใช้ อานิวก็ได้ใช้ ลองไม่ใช้ดูสิย่าอุตส่าห์เดินหาซื้อแทบพลิกฮ่องกง ฮ่าๆๆ ได้มาสี่โหลเหมาหมดร้าน ฮ่าๆๆ การใช้ผ้าอ้อมธรรมดาดีกว่าหลายอย่าง การระบายอากาศก็ดีกว่า ใช้ทนกว่า ประหยัดกว่า ที่สำคัญหลานจะได้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยนะ เพราะไม่เป็นขยะให้ทิ้ง นี่เห็นไหม…เราต้องช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกันตั้งแต่แรกคลอดเลยนะเนี่ย…
เช้านี้ย่าทวดก็โทร.มาถามถึงหลาน ปู่ทวดก็เฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์รอดูภาพหลานจากการปรับปรุงข้อมูลของพ่อเนติ์ที่นำรูปขึ้น FB ทุกวัน น้ำนมแม่หนอมก็มีมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ค่อยพอสำหรับหลาน พ่อเนติ์กับย่าก็ยังต้องเตรียมน้ำอุ่นไว้ชงนมผสมไว้ด้วย ไม่งั้นพอน้ำนมไม่พอก็ชักจะมีฤทธิ์แถมยังเริ่มรับรู้ว่านมแม่ไม่พอดูดไม่ออกก็จะร้องหานมขวด ก็เลยอาจจะต้องปรับวิธีการใหม่อีกปล่อยให้ร้องสักพักเพื่อให้รู้จักอดทนอดกลั้น อยากจะกินนมก็ดูดนมแม่ดูดไม่ออกก็ต้องยอมรับว่าหมดแค่นี้ อิอิ…ไม่รู้พ่อเนติ์แม่หนอมกับย่าจะทนฟังเสียงร้องได้แค่ไหน แต่ปู่ทนได้เพราะปู่ไม่ได้ยิน ปู่อยู่ที่ทำงาน แฮ่…
11 ความคิดเห็น
สวัสดีค่ะ เป็นบันทึกให้หลานสาวที่น่ารักมากค่ะ หนูเองเมื่อผ่าคลอดลูกสาวคนโต ปี 2537 ทางโรงพยาบาลไม่ให้นำขวดนมเข้าเด็ดขาด ส่งผลให้หนูฝึกให้นมลูกได้เต็มที่ หลังคลอดร้องนมแม่ยังไม่เดิน ป้าก็เดินหาซื้อช้อนเล็กป้อนน้ำอย่างเดียว ดูดนมแม่เต็ม เกิน100 น้ำนมเยอะมาก ข้างขวากำลังดื่ม ข้างซ้ายใช้ผ้าอ้อมรองนมถึงกับโชก คนเล็กปี 39 ผ่าคลอด เจ้าคนเล็ก แม่ไม่เตรียมขวดให้ พยาบาลก็ไปยืมเตียงข้างๆเอาเข้านั่น เจ้าตัวเล็กเลยโดนอัดนมวัวก่อนนมแม่ คนโตเลี้ยงยากมาก บางคืนโยเยไม่นอนพาขึ้นรถขับรอบพิษณุโลก พอหลับ กลับบ้านค่อยๆวาง ตื่นมาแหกปากร้องต่อ สุดๆ แต่โตขึ้นเลี้ยงง่าย กินง่าย สนุกสุดยอดของการเลี้ยงลูกรู้ถึงความยากลำบากที่แม่เลี้ยงเรามาได้ถึง 6 คน แถมแฝดอีก เราเองก็ทำได้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกนะคะ
เหมือนกันเลยครับ พอลูกร้องไม่รู้จะทำอย่างไรสมัยนั้นที่บ้านไม่มีแอร์ ก็เลยเอาลูกขึ้นรถเปิดแอร์ขับไปจากตลาดย่านยาวไปตลาดเก่า ๗ กิโล ไปกลับ ๑๔ กิโล ลูกหลับพอดี เลยต้องขับรถไปกลับทุกคืน ฮ่าๆ ดีที่ีไม่เหมือนอีกคนอยู่บ้านตึกสามชั้น พอลูกร้องก็ไม่รู้ทำไงก็เลยวิ่งลงชั้นล่างวและวิ่งขึ้นชั้นบน ลูกเลยหยุดร้องแต่แกต้องวิ่งทุกคืนจนร่างกายแข็งแรง ฮา…
ตอนนี้ให้นมแม่สลับนมผงและน้ำอยู่ครับ ไม่งั้นเอาไม่อยู่ร้องจนเหนื่อย…
เปิดซีรี่ใหม่อีกมุมหนึ่ง ย่ากับปู้ กู้อีจู้
เผื่อหมู่นี่คนที่มีหลานอุ้มจะได้เข้ามาโจ๊ะพรึมๆๆ อิอิ
ขอแสดงความยินดีกับปู่ย่าค่ะ อาม่าวาสนาอักเสบ ไม่มีวี่แววว่าจะได้อุ้มหลานค่ะ ชื่นชมหลานคนอื่นค่ะ
เอ…น่าสงสัยต้องทำอย่างที่พ่อครูว่าซะแล้ว…รู้ัสึกคนมีหลานจะได้มีเรื่องโม้ ส่วนคนที่ไม่มีก็จะได้ตามมาเยี่ยมหลาน อิอิ
ขอบคุณครับอาม่า อีกหน่อยก็มีเองครับ ใจเย็นๆ
อิอิ ว่าแต่มีชื่อหรือยังคะ
ได้ชื่อจริงว่า “พิมพ์ชนก” ครับ แบบทำนองว่า เหมือนถอดพิมพ์มาจากพ่อทำนองนั้นแหละครับ อิอิ
ชื่อเพราะคะ
ขอบคุณครับ
This piece was cogent, wet-iwrltlen, and pithy.
Superbly ilannimltiug data here, thanks!