คำสอนของพ่อ(๒)
อ่าน: 1433มาอ่านกันต่อนะครับว่าป๋าคิดอะไรออกและสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างไร
จักรยานคู่ชีพ
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ปลอดจากลูกค้า เข้าได้เข้าไปปรึกษากับแม่ว่าให้คุณแม่ขายของชำต่อไป ถึงแม้ว่าจะได้กำไรเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็พอเป็นค่ากับข้าวไปวันหนึ่งๆ ก็พออยู่ได้ แม้ว่าจะอดๆอยากๆ ก็ต้องทำต่อไป ส่วนตัวเขาเองขอออกมาค้าขายเป็นอิสระด้วยลำแข้งของตัวเอง ขณะนี้ครอบครัวเขาแทบจะไม่มีเงินติดตัวกันเลย โดเฉพาะตัวเขาไม่มีเลย แต่บังเอิญเขาขอหยิบยืมจากเพื่อนคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง รวบรวมได้เงินมาก้อนหนึ่ง ก็นำไปดำเนินงานตามแผนที่คิดได้ในคืนก่อนโน้นทันที คือใช้จักรยานซึ่งมีอยู่แล้วแบบกลางเก่ากลางใหม่ ไปซื้อสินค้าหลายๆอย่างจากตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง ไปขายที่อำเภอท้ายเหมือง แล้วซื้อสินค้าต่างๆจากอำเภอท้ายเหมือง กลับไปขายที่ตำบลโคกกลอย สลับกัน เขาทำอย่างนี้เรื่อยๆมา ปรากฏว่าได้กำไรงามพอสมควร เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ก็ทนเอา ปั่นจักรยานในวันหนึ่งๆก็หลายกิโลเมตร จนน่องโตแต่มีกล้ามเนื้อเป็นก้อนๆ เขาบอกว่าถ้าเป็นคนไม่อดทนก็คงจะเลิกไปตั้งแต่แรกๆแล้ว ครั้นนานวันเข้าความคิดในคืนนั้นก็เริ่มมองเห็นความจริงขึ้นมาบ้างแล้ว
ด้วยความที่ตัวเองยากจน เมื่อขายของได้แต่ละบาทแต่ละวัน เขาพยายามเก็บหอมรอมริบ จะใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น อีกอย่างโดยปกติเข้าก็ไม่เป็นคนสุรุ่ยสุร่ายอยู่แล้ว อันนี้เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ
อยู่มาวันหนึ่ง หลักจากที่เขาเสร็จจากการขายของมาถึงบ้านแล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งมาชวนไปเล่นการพนัน ตอนนั้นเขากำลังหนุ่มแน่นอยู่ในวันที่อยากจะศึกษาและหาประสบการณ์ด้านต่างๆ เขาก็เลยไปกับเพื่อนด้วยความอยากจะเล่น เขาคิดว่าคงจะได้กำไรมาไม่มากก็น้อย บ้านหลังนี้เป็นของคนจีนแต่เปิดเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ มีคนมาเล่นหลายสิบคน เล่นตอนแรกๆก็ดีเพราะได้กำไรมาเรื่อยๆ พอเล่นนานเข้าๆกลับเสียหมด ต้องยืมเงินเพื่อนมาเล่นแก้ตัว แต่แทนที่จะได้กลับเสียหมด วันนั้นหมดเงินแถมยังเป็นหนี้เขาอีกด้วย แล้วเขาก็มานั่งคิดว่า “เราหาเงินมาได้ด้วยความยากลำบาก กว่าจะได้แต่ละบาทน้ำตาแทบกระเซ็น แล้วทำไมจะต้องเอามาเล่นเสียหมดในชั่วเวลาไม่กี่ชั่วโมงอย่างนี้ เราไม่ควรประพฤติเลย” เมื่อคิดได้ดังนี้ “ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้” เขาไม่เคยแตะต้องมันอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นการพนันแบบไหนประเภทไหนก็ตาม ความทรงจำอันนั้นยังฝังใจผมอยู่จนเดี๋ยวนี้
ใฝ่หาความรู้
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียนต่อ แต่เขาก็ไม่อยู่เฉยๆ เขาเป็นคนชอบอ่าน อ่านหนังสือเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับอาชีพต่างๆ ชอบอ่านที่สุด ในช่วงที่เขาปั่นจักรยานขายของเป็นช่วงที่เขาสนใจอ่านหนังสือเกี่ยวกับอาชีพมากที่สุด เพราะเขาคิดอยู่ในใจว่าถ้าหากไปเจออาชีพที่พอจะทำได้ ก็จะเลือกอาชีพนั้นและลองทำดู เนื่องจากการปั่นจักรยานหนักมาก ขายของไปด้วยเวลาว่างก็หาหนังสือมาอ่านกลับถึงบ้านถ้ามีเวลาว่างก็อ่าน วันไหนไม่อ่านมันหงุดหงิดชอบกล ก็เลยต้องอ่านทุกวัน
บังเอิญเขาไปเจอเอาหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง เป็นตำราเกี่ยวกับการถ่ายรูปชนิดเรียนด้วยตนเอง เขาก็เลยซื้อเอามาอ่านดู เขาอ่านตลอดทั้งเล่ม อ่านอยู่หลายเที่ยวแล้วลองเอาไปปฏิบัติดู ปรากฏว่ามันได้ผลคือ “อ่านแล้ว ทำได้” และในหนังสือเล่มนั้นเขารู้แจ้งแทงตลอด รู้ขั้นตอนการถ่ายภาพหมด รวมทั้งวิธีอัด-ล้างด้วย ก็เลยคิดขยับขยายเปลี่ยนอาชีพใหม่
จากการที่ได้ศึกษาตำราการถ่ายรูปด้วยตนเอง ทำให้เขาเกิดความมั่นใจมากว่าต้องเปิดร้านถ่ายรูปได้แน่ๆ และต่อจากนั้นไม่กี่วันเขาก็เปิดร้านถ่ายรูปร้านเล็กๆ ที่บนชั้นสองของร้านชำที่บ้านนั่นเอง ค่าใช้จ่ายต่างๆก็ได้จากเงินที่เก็บหอมรอมริบตอนที่ขี่จักรยานขายของนั่นเอง แม้จะไม่มากนักแต่ก็พอจะเปิดร้านเล็กๆได้ และก็ทำได้จริงๆ เขาสามารถถ่าย อัด ล้าง ขยายรูปได้เหมือนร้านใหญ่ๆทั่วไป เขาภูมิใจมากเพราะเขาศึกษาจากตำราเท่านั้น ไม่มีใครมาสอนสั่ง ปรากฏว่ามีลูกค้ามาใช้บริการมากพอสมควร อย่างไรก็ดี เขาเลิกขี่จักรยานเด็ดขาดแล้วก็ดำเนินกิจการร้านถ่ายรูปต่อมาเรื่อยๆ แต่เขาคิดอยู่เสมอว่าคนเราเมื่อเกิดมาแล้วต้องต่อสู้ดิ้นรนต่อไปจนกว่าจะพบความสำเร็จเท่าที่ตัวเองคิดว่าพอใจแล้ว
ตัวแทนจำหน่าย
เมื่อปิดร้านถ่ายรูปแล้ว เขาก็มาเปิดร้านจำหน่ายเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ และจักรเย็บผ้า โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทที่มีชื่อแห่งหนึ่ง เป็นตัวแทนอยู่ประมาณ ๖ ปี การที่มาเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าดังกล่าว เพราะเขามีนิสัยไม่ชอบอยู่เฉยๆ แต่เขาชอบพูดคุยแนะนำคนอื่น จะให้เขาพูดทั้งวันก็ได้ เพราะสนุกที่ได้พูดชี้แจงเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง เมื่อเขามารับหน้าที่นี้ จึงเข้ากับลักษณะนิสัยที่แท้จริงของเขา งานนี้เป็นงานหนักเพราะจะต้องเดินไปหาลูกค้า ต้องออกหาทุกวัน ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อาศัยที่เขาเป็นคนชอบอย่างนี้ แทนที่จะเหนื่อยมากหนักมาก ก็หนักพอประมาณ ปรากฏว่าเขาทำสถิติจำหน่ายได้สูงสุดจนได้รับเข็มเกียรติยศจากทางบริษัท และได้รับแต่งตั้งจากบริษัทให้เป็นผู้จัดการสาขาที่โคกกลอยด้วย ความจริงแล้วการเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทนี้ มันทำให้เขาได้รับประสบการณ์ในงานอาชีพธุรกิจนี้มาก ได้ประสบการณ์หลายด้าน ทำให้มีความคล่องตัวในด้านธุรกิจมากกว่าแต่ก่อนมากและประการสำคัญถือได้ว่า ในช่วงนี้เขาได้ประสบความสำเร็จในอาชีพและความสำเร็จในชีวิตด้วย
๑๕ ปีต่อมา เขาได้เปิดธุรกิจด้านน้ำมันขึ้นมาอีก คือ เปิดปั๊มน้ำมันที่ตำบลโคกกลอย คือที่บ้านเกิดของเขาเอง เปิดขายระยะแรกๆรายได้ไม่สู้จะดีนัก แต่ต่อมาได้ปรับปรุงบริการด้านต่างๆหลายอย่างเพื่อดึงดูดลูกค้าให้กันมาสนใจบริการของเขา เช่น อบรมชี้แจงลูกน้อง(เด็กปั๊ม) ให้รู้จักต้อนรับลูกค้า ให้ทุกคนมีมนุษยสัมพันธ์รู้จักทักทายลูกค้าขอบคุณลูกค้า บริการให้รวดเร็วทันใจลูกค้า ให้มีความสะดวกและสะอาดทั้งบริเวณปั๊มและตัวพนักงานด้วย แม้แต่ด้านการบริหารภายในปั๊ม เขาก็ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกน้องทุกคนเสมอหน้ากัน ระยะหลังๆนี้ดีขึ้นมากแล้ว และในบรรดากิจการทั้งหมดของเขาขณะนี้ปั๊มน้ำมันทำรายได้ดีที่สุด (ยังไม่หมดครับ อิอิ)
2 ความคิดเห็น
ชื่นชมและชอบความขยัน อดทน กล้าในการเปลี่ยนแปลง และรู้จักคิดเป็น ทำเป็นของคุณพ่อพี่ฑูรมากๆเลยค่ะ คนจีนสมัยก่อนเป็นเอกด้านการค้าขายจริงๆ ครอบครัวทางปาป๊าเบิร์ดที่มาชร.ก็เริ่มจาก”โรงต้ม”และสายส่งสุราเหมือนกันค่ะ แสดงว่าเหล้าอยู่ในวิถีไทยมานานเลยนะคะเนี่ย ^ ^
ขอบคุณครับน้องเบิร์ด
ป๋าเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง และทันสมัย ชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ค้าขายเก่ง
ปลูกฝังลูกๆทุกคนให้กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องและให้ทำในสิ่งที่ชอบ จนลูกห้าคนเก่งไปคนละทิศละทาง ฮ่าๆ