ไปด้อมๆมองๆวัดควนเกย
อ่าน: 3242ผมและครอบครัวไปร่วมงานบวช ดร.สมพร (เม้ง) ช่วยอารีย์ ที่วัดควนเกย อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พิธีเรียบง่ายตั้งแต่ที่บ้านที่พวกเราไปรออยู่ก่อนจนถึงเวลาแห่นาคจากบ้านไปวัด ระหว่างนั้นผม โสธร และคอนดักเตอร์ ไปเดินชมธรรมชาติรอบบ้าน เล่าเรื่องสนุกๆตอนบวชให้ฟังบ้าง จนได้เวลาเคลื่อนย้ายไปที่วัด มีขบวนกลองยาวและขบวนรถพวกเราและชาวบ้านหลายคันอยู่เหมือนกัน
ไปถึงวัดนึกว่าบวชนาคองค์เดียว ที่ไหนได้บวชพร้อมกันสามรูป ใครไปถึงพอถึงเวลาที่เวียนโบสถ์ โสธรก็แบกนาคเม้งกะว่าจะแบกเวียนให้ครบสามรอบ แต่เจ้าประคุณเอ๋ย นาคเม้งน้ำหนักก็ ๗๐ กว่ากิโล เวียนได้สองรอบขบวนก็ติดกึก เพราะนาครูปที่สองที่เวียนโบสถ์กำลังวันทาเสมา ขบวนนาคเม้งไปต่อไม่ได้ซึ่งคนอื่นๆก็ไม่เป็นไรหรอก แต่โสธรสิ…น้ำหนักที่กดบนบ่าอยู่กับที่เคลื่อนไหวไม่ได้ เหงื่อไหลไคลย้อย….ขาสั่นหมดแรง ในที่สุดก็ต้องยอมให้มีคนมาเปลี่ยนแบกนาคเม้งต่อ…อิอิ
ผมจับภาพไปเรื่อย มองจุดน่าสนใจของวัดควนเกยไปด้วย ระหว่างที่นาคเข้าโบสถ์ผมถอยออกมาอยู่นอกโบสถ์เพราะในโบสถ์อัดแน่นไปด้วยบรรดาญาติของนาคแต่ละรูป ผมสังเกตเห็นเจดีย์ของวัดนี้มีลวดลายปูนปั้นแปลกๆ จึงไปยืนพินิจพิจารณาเห็นว่ารอบเจดีย์มีภาพนูนต่ำ เพ่งดูก็รู้ว่าเป็นภาพการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของมนุษย์ แม้เจดีย์จะไม่สวยงามมากนัก แต่ความหมายที่ช่างพื้นบ้านปั้นไว้นั้นน่าสนใจมาก เพราะมนุษย์เรามันก็มีธรรมชาติอย่างนี้แหละ จะอยากมีอยากเป็นอะไรนักหนา เกิดมาแล้วถึงที่สุดก็ต้องตาย เกิดมาแล้วก็เป็นทุกข์ ไม่สามารถอยู่ในโลกนี้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง เกิดมาแล้วก็ต้องแก่ เกิดมาแล้วก็ต้องเจ็บ จะต้องการอำนาจไปเพื่ออะไร จะต้องการความร่ำรวยไปเพื่ออะไรเพราะในที่สุดเราก็จะต้องจากละโลกนี้ไปโดยที่เอาอำนาจวาสนาทรัพย์สมบัติที่อุตส่าห์หามาไปด้วยไม่ได้
นอกจากจุดนี้แล้ว ลวดลายการลงสีของประตูทางเข้าโบสถ์หรืออุโบสถแม้จะเก่าแต่ก็มีความงามตามธรรมชาติ มองไปทางเมรุก็มีความงาม เดินเล่นไปทางหลังอุโบสถ เอ๊ะ…มีรูปปั้นตาแก่ยายแก่ ไปดูใกล้ๆก็ขำกลิ้งเพราะเป็นรูปปั้นของของตาปะขาว กับ ยายนมยาน ผู้บำรุงวัดนี้ในอดีต อารมณ์ขันของช่างแถวนี้ช่างล้ำเหลือ
หลังจากพิธีบวชเสร็จสิ้นลง พระสมพร กตปุญโญ ครองจีวรเหลืองอร่ามออกมาโปรดญาติโยม ดูท่านเคร่งขรึมเอาจริงเอาจังกับการบวชครั้งนี้เพื่อศึกษาเรียนรู้พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ขออนุโมทนากับพระกตปุญโญ ในการบวชเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา เพื่อทดแทนคุณบิดามารดาในครั้งนี้ด้วยครับ.
« « Prev : ความสุขเล็กๆของคนตัวใหญ่
Next : เก็บชะอม ดมดอกไม้ ไปปลูกผัก » »
3 ความคิดเห็น
ภาพตากับยายน่ารักจังค่ะ เบิร์ดไม่เห็นว่าอยู่ตรงไหน…พี่ฑูรช่างสังเกต ภาพปูนปั้นนูนต่ำก็น่าสนใจมากเลยเส้นสายลายสวยไม่เลวเลยล่ะค่ะ เค้าปั้นรอบเจดีย์หรือว่ามีด้านเดียวคะ? (ตอนแรกเบิร์ดมองเจดีย์ผ่าน ๆ เพราะนึกว่าสถูปแหะแหะ)
สวัสดีน้องเบิร์ด
เดินไปหลังอุโบสถก็เจอยายกับตาครับ พระอาจารย์แฮนดี้ไปหัวเราะคิกๆมาแล้ว อิอิ
เอ…น้องเบิร์ดบอกอย่างนั้นก็เลยฉุกคิดขึ้นมาใหม่จะเป็นเจดีย์หรือสถูป ไม่แน่ใจเหมือนกัน หรือ จะเรียกว่าโกศบรรจุกระดูกของคนแถวนั้น ก็น่าสงสัยอยู่เพราะมีลายปูนปั้นเกิดแก่เจ็บตาย น่าคิดนะ…
สวัสดีครับพี่ฑูร
ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ สำหรับน้ำใจที่พาครอบครัวไปให้ได้พบเจอกันนะครับ และทุกสิ่งทุกอย่างเลยครับ
ตาปะขาวและยายนมยาน เมื่อก่อนที่วัดควนเกย หากพระองค์ใดจำวัดโดยไม่กรวดน้ำก่อนจะโดนถีบหรือดึงลงจากเตียงจะเห็นยายนมยานตัวโตมาลากลงไปเลยละครับ
แต่ทุกวันนี้เรื่องเหล่านี้หายไปแล้วครับ พระหลายองค์บอกว่าเมื่อก่อนมีเรื่องแบบนี้จริงๆ ก็น่าสนใจดีครับ การกรวดน้ำนอกจากได้เป็นผู้ให้แล้วระลึกบุญคุณของดวงจิตของสรรพสิ่งแล้ว ยังทำให้เราได้ขจัดความกลัวด้วยครับ เพราะออกไปกรวดน้ำตามที่เราคิดว่าเรากลัวด้วย แรกๆ ก็อาจจะกรวดน้ำบริเวณไม่ไกลมาก หลังๆ ก็ไปที่เมรุ ไปหลายคนบ้าง เพื่อให้พระองค์อืนได้คิดที่อยากจะไปองค์เดียวบ้าง ความกลัวในใจคนนั้นมีเพราะจิตสร้างขึ้นเอง หากจิตมีสมาธิเป็นหนึ่งเดียวและปัจจุบัน อดีตหรืออนาคตจะไม่มาหลอกหลอน สิ่งที่น่ากลัวในอดีตและสิ่งปรุงแต่งในอนาคตจึงไม่เกิด ทุกอย่างจึงมีอายุเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ของลมหายใจ ความกลัวก็จากลาไป
สำหรับข้อสงสัยบริเวณหน้าโบสถ์ก็คือ สำหรับใส่กระดูกนั่นเองนะครับ จะเห็นว่าอีกด้านนึงมีช่องในการนำกระดูกไปใส่ไว้ครับ เมื่อตายแล้วกระดูกไม่รู้จะเก็บตรงไหนก็เก็บไว้ในนี้มากมายครับ แต่รู้สึกว่าเค้าเรียกว่าเจดีย์ จึงอาจจะทำให้สับสนได้สำหรับการพบเห็นครับ
วัดนี้เป็นวัดที่เก่าเกินหนึ่งร้อยปีครับ โรงเรียนที่ผมได้มีโอกาสเรียนทั้งประถมและมัธยมศึกษาก็ได้รับอานิสงฆ์จากวัดนี้ละครับ ส่วนโรงเรียน มัธยมศึกษาก็สร้างโดยท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันครับ
ขอบคุณมากๆ นะครับ