ถ้าไม่มีหลักฐานการครอบครองก่อนปี ๒๔๙๗ จะออกโฉนดได้ไหม

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2009 เวลา 8:21 ในหมวดหมู่ นักกฎหมายอย่างผม, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 2163

(ผมเขียนแถลงการณ์ปิดคดีในช่วงนี้โดยอ้างข้อกฎหมายในการขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายว่าจะต้องทำอย่างไร แต่เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็ออกโฉนดไม่ได้ ลองอ่านดูนะครับจะเข้าใจกฎหมายที่ดิน….)

การที่โจทก์ที่ ๔,๕,๖ ขอออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะราย โจทก์ที่ ๔,๕,๖ จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายที่ดินด้วย กล่าวคือ เนื่องจากโจทก์ที่ ๔,๕,๖ อ้างว่าได้ครอบครองและทำประโยชน์ที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินและมิได้แจ้งการครอบครอง จึงจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๕๙ ทวิ ซึ่งบัญญัติว่า

“ผู้ซึ่งครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายนี้ใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินและมิได้แจ้งการครอบครองตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แต่ไม่รวมถึงผู้ซึ่งมิได้ปฏิบัติตามมาตรา ๒๗ ตรี ถ้ามีความจำเป็นจะขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะราย เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาเห็น สมควรให้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แล้วแต่กรณี ได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ประมวลกฎหมายนี้กำหนด แต่ต้องไม่เกินห้าสิบไร่ ถ้าเกินห้าสิบไร่จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งนี้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินตามวรรคหนึ่งให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องมาจากบุคคลดังกล่าวด้วย”

ซึ่งตามกฎหมาย หากพื้นที่นั้นมีการสำรวจทั้งตำบลโจทก์ที่ ๔,๕,๖ จะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๒๗ ตรี ซึ่งบัญญัติว่า

“เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศกำหนดท้องที่และวันเริ่มต้นของการสำรวจตามมาตรา ๕๘ วรรคสอง ผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายนี้ใช้บังคับโดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน และมิได้ แจ้งการครอบครองตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ หรือผู้ซึ่งรอคำสั่งผ่อนผันจากผู้ว่าราชการจังหวัดตามมาตรา ๒๗ ทวิ แต่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินนั้นติดต่อมาจนถึงวันทำการสำรวจรังวัดหรือพิสูจน์สอบสวนถ้าประสงค์จะได้สิทธิในที่ดินนั้น ให้แจ้งการครอบครองที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ณ ที่ดินนั้นตั้งอยู่ภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่วันปิดประกาศถ้ามิได้แจ้งการครอบครองภายในกำหนดเวลาดังกล่าว แต่ได้มานำหรือส่งตัวแทนมานำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการสำรวจรังวัดตามวันและเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศกำหนด ให้ถือว่ายังประสงค์จะได้สิทธิในที่ดินนั้น

เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินตามวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องมาจากบุคคลดังกล่าวด้วย”

แต่ปรากฏข้อเท็จจริงจากเอกสารที่จำเลยอ้างส่งศาล ตามเอกสารหมาย ล.๒ และ ล.๖๔ ในช่วงระยะเวลาที่มีการเดินสำรวจทั้งตำบล บุคคลที่อ้างว่าได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาททุกคนทุกแปลงหามีใครนำสำรวจรังวัดแต่อย่างใดไม่พยาน หลักฐานที่โจทก์อ้าง ตามเอกสารหมาย จ.๒๓,จ.๒๔,จ.๖๗,จ.๘๙,จ.๙๐,จ.๑๑๓,จ.๑๔๕ ก็อ้างว่า เช่น นายลำดวน สงคราม อ้างว่าไม่อยู่ในระหว่างการเดินสำรวจบ้าง การเดินสำรวจรังวัดมาไม่ถึงที่พิพาทบ้าง แต่จำเลยมีพยานหลักฐานยืนยัน(หมาย ล.๒,ล.๖๔)ได้ว่ามีการเดินสำรวจผ่านที่พิพาทแล้ว และมีบุคคลอื่นนำรังวัดเพียงแต่ทางราชการอ้างว่าผู้นำรังวัดได้นำรังวัดโดยไม่ชอบทับที่ดินของผู้อื่น ซึ่งเมื่อพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้วเป็นการนำรังวัดทับที่ดินที่ได้รับสัมปทานทำเหมืองแร่ของบริษัทว. ซึ่งต่อมาในวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ทางราชการ และ ผู้ปกครองท้องที่ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๔ ได้ทำตามข้อเสนอแนะของบริษัท ว. จำกัด ให้ทางราชการอนุรักษ์ที่ดินพิพาทไว้เพื่อชนรุ่นหลัง จากการตรวจสอบพบว่า มีลักษณะของพื้นที่ เป็นแนวยาวตลอดชายฝั่งอ่าวรายัน เกิดจากการตื้นเขินของทะเลตามธรรมชาติ ถือเป็นที่งอก ฯลฯ มีราษฎรบุกรุก ประมาณ ๕๐ ราย โดยได้บุกรุกมาประมาณ ๒ ปีแล้ว รายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมาย ล.๓๐ ซึ่งแสดงว่าราษฎรเพิ่งบุกรุกหาใช่ได้เข้าไปยึดถือครอบครองก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับแต่อย่างใดไม่

หลังจากนั้น ในปี พ.ศ.๒๕๒๗ จำเลยที่ ๓ ได้ออกประกาศ ห้ามมิให้ผู้ใดยึดถือครอบครองที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินพร้อมแผนที่แนบท้ายประกาศ รายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมาย ล.๓๑ ถึง ล. ๓๕ จากการตรวจสอบที่ดินก่อนประกาศไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดปลูกผลอาสินในที่ดินพิพาท คงมีแต่เพียงผู้บุกรุกจำนวน ๕๐ ราย ซึ่งเป็นการบุกรุกหลังจากที่ มีการเพิกถอน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ดังกล่าวแล้ว และที่น่าสังเกตอย่างยิ่งก็คือ การที่นายข. นายป. และนายน. ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ในที่พิพาทคดีนี้ ซึ่งได้ความต่อมาภายหลังว่าเป็นการนำสำรวจรังวัดโดยไม่ชอบ จำเลยเห็นว่า การที่บุคคลทั้งสามได้แจ้งการครอบครองและได้ให้การกับทางราชการว่าการที่กระทำดังกล่าวเพราะนายฮ. บอกว่ามีที่ว่าง จึงเป็นเหตุผลสนับสนุนพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยว่าในขณะที่มีการรังวัดสำรวจเพื่อออกน.ส.๓ ทั้งตำบล ในขณะนั้นยังไม่มีบุคคลใดเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเลย จึงเป็นช่องว่างให้คนที่รู้ว่าที่ดินดังกล่าวว่างอยู่เข้าแสวงหาประโยชน์

ระหว่างที่ โจทก์ที่ ๔ ที่ ๕ และโจทก์ที่ ๖ ยื่นคำเรื่องราวขอออกโฉนดที่ดินแปลงพิพาทนั้น มีบุคคลผู้มีชื่อจำนวนหลายรายร้องเรียนการขอออกโฉนดดังกล่าว ขณะเดียวกัน บริษัท ว. จำกัด เจ้าของประทานบัตรซึ่งยังไม่สิ้นอายุ ได้ขอถอนประทานบัตรเพื่อเปิดทางให้ผู้ขอออกโฉนดสามารถออกโฉนดได้ ทั้งที่ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า ที่ดินที่ขอออกโฉนด อยู่ในเขตประทานบัตร รายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมาย ล.๗ ,ล ๕๑ และ ล. ๕๒ จนในที่สุด มีการตรวจสอบความเป็นมาของที่ดินพิพาทอีกครั้งจากเอกสารการยื่นเรื่องราวขอออกโฉนด (ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอจบตอนหน้าก็แล้วกัน อิอิ)

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ผมยกแม่น้ำทั้งห้ามาขอให้ศาลยกฟ้อง

Next : ปิดคดีนี้ได้เสียที เฮ้อ… » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ถ้าไม่มีหลักฐานการครอบครองก่อนปี ๒๔๙๗ จะออกโฉนดได้ไหม"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.58223390579224 sec
Sidebar: 0.090472221374512 sec