ข้าฯอยู่ข้างพระ…
ผมชอบไปวัดที่มีต้นไม้เยอะๆ เพราะมันทำให้เกิดความรู้สึกร่มรื่นกายและร่มรื่นในใจ ยิ่งถ้าได้คุยธรรมะกับผู้ทรงศีลด้วยแล้วจะรู้สึกอิ่มเอิบเป็นพิเศษ มีอยู่วัดหนึ่งผมชอบมากบรรยากาศที่มีต้นมังคุดนับร้อยปี มีต้นผักเหมียงที่ใหญ่มาก มีพันธุ์ไม้หลากชนิด โบสถ์ก็ยังสร้างไม่เสร็จ(หมายถึงตกแต่งไม่เสร็จ) โรงธรรมก็ยังไม่เสร็จเพราะเจ้าอาวาสท่านไม่รบกวนญาติโยม มีแค่ไหนก็สร้างแค่นั้น ทั้งๆที่โบสถ์นั้นออกแบบโดยช่างของกรมศิลปากร เป็นศิลปะแบบศรีวิชัย งามมาก
ผมไปคุยกับเจ้าอาวาส ท่านมีมุขขำๆเสมอ เวลาท่านเล่าเรื่องจะได้อรรถรสมาก ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านไปอินเดีย อากาศแห้งแล้งมาก มันแห้ง…มันแห้ง….. มันแห้ง….. มันแห้ง……(กรุณาทำเสียงสุดท้ายให้มันแห้งด้วย ฮา….) ฟังท่านแล้วรู้สึกว่าที่นั่นแห้งแล้งมากเลย อิอิ
มีเรื่องบังเอิญที่ผมต้องเข้าไปเป็นทนายแก้ต่างให้ท่าน เพราะวันดีคืนดีท่านรื้อกุฏิของพระอาจารย์อดีตเจ้าอาวาส(ของท่านนั่นแหละ) เจอกระดาษขนาด A4 เขียนรูปภูเขา ๑ ลูกกลางกระดาษ มีสี่เหลี่ยมรอบภูเขา แล้วเขียนว่า อาณาเขตวัดคีรีเขต โอ..อาณาบริเวณนั้นภูเขาทั้งลูกเป็นของวัด อย่าเพิ่งตกใจ..อิอิ ภูเขาไม่ใหญ่มาก ตอนนั้นโบสถ์ของท่านสร้างเสร็จแต่ยังตกแต่งไม่เสร็จ แต่เมื่อมีโบสถ์ก็ต้องฝังลูกนิมิตเพื่อขอพระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งมีระเบียบอยู่ว่าต้องมีอาณาเขตวัดที่ชัดเจน
ท่านปรึกษาทนายที่รู้จักกันถึงวิธีการที่จะไปสำรวจให้ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับคำแนะนำที่ดีว่าควรมีหนังสือแจ้งให้เจ้าของที่ดินรอบภูเขาทราบก่อนว่าจะไปสำรวจเมื่อไรและให้เขาแสดงหลักฐานเอกสารสิทธิมาแสดง ใครออกโฉนดหรือน.ส.๓ ไปแล้วก็อย่าไปยุ่งของเขา ให้รังวัดเอาเฉพาะส่วนที่เหลือ ท่านก็ทำหนังสือไปบอกวันเวลาที่จะสำรวจไปถึงด้วย แต่แล้วมันก็เกิดเรื่องจนได้
เรื่องของเรื่องก็คือท่านสำรวจไปถึงที่ดินที่เพื่อนท่าน(สมัยเป็นนักเรียน)ครอบครองอยู่ ซึ่งปลูกสวนยางขึ้นมาถึงภูเขาในที่ดิน(ที่เชื่อว่าเป็นของวัด) แต่ท่านไปถึงผิดเวลา เช่น บอกว่าจะไปถึงสิบโมงแต่ท่านไปถึงตอนบ่าย ท่านพาญาติโยมที่ช่วยถางหญ้ามีจอบ พร้า ขวาน ติดตัวไปด้วยเพื่อเวลาเดินสำรวจจะได้เดินได้สะดวกขึ้น ปรากฏว่าเพื่อนของท่านไม่มีหลักฐานการครอบครองที่ดินมาแสดง ท่านก็เลยสั่งลุย…ก็พากันถางป่าสำรวจต่อไปอีก ถัดมาอีกแปลงหนึ่งไปเจอศาลเจ้าก็เหมือนกันอีก ท่านก็ทำไม่รู้ไม่ชี้สำรวจจนเสร็จ
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านก็ได้รับหมายศาลเพราะถูกฟ้องคดีอาญาว่า “ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์เพื่อยึดถือครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วนโดยมีอาวุธ” โอ…พระเนี่ยนะ บุกรุกโดยมีอาวุธ ฟ้องมาได้ไง….ทนายมีคุณธรรมหรือเปล่า…ผมอ่านคำฟ้องแล้วเรียนกับท่านว่าผมจะรับเป็นทนายแก้ต่างให้ท่านเองเพราะถือว่าท่านเป็นเจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของวัด
คดีนี้เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเองก็ต้องมีการไต่สวนมูลฟ้อง (ผิดกับที่อัยการฟ้อง ศาลจะประทับรับฟ้องโดยไม่ต้องไต่สวนเพราะถือว่าอัยการตรวจสอบมาชั้นหนึ่งแล้ว) ผมไปถามค้านพยานโจทก์ชั้นไต่สวน ระหว่างนั้นทนายโจทก์เป็นอัมพาต คงเป็นเวรเป็นกรรมนั่นแหละครับ…ต้องมีการตั้งทนายความคนใหม่เข้ามาดำเนินคดีแทน
ผมถามค้านพยานโจทก์เจ้าของที่ดินว่า ก่อนจะถึงที่ดินที่พยานปลูกยางพารานั้นมีหลุมศพมีโกฏิที่เรียงรายมาจากหลังเมรุเผาศพของวัดใช่หรือไม่ เขาก็ตอบว่าใช่ ในสวนยางพาราของพยานซึ่งปลูกขึ้นไปบนภูเขามีหลุมศพ(ฮวงซุ้ย)อีกประมาณ ๒๐ ฮวงซุ้ย ซึ่งพยานก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร เขาก็ตอบว่าใช่ นอกจากนี้เหนือขึ้นไปอีกก็ยังมีโกฏิเรียงรายขึ้นไปอีกแม้จะมีประปราย เขาก็ตอบว่าใช่
ผมถามต่อไปว่าสมัยเด็กๆ สมัยเจ้าอาวาสองค์เก่า ท่านเคยไปทำบุญที่วัดนี้และขึ้นไปทำบุญประจำปีบนภูเขาที่เรียกว่าเขาพระบาทหรือไม่ เขาตอบว่าเคยขึ้น เขาพระบาทนี้มีพระพุทธบาทจำลองของวัดนี้ใช่หรือไม่ เขาก็ตอบว่าใช่ เขาพระบาทนี้เป็นเขาเดียวกับที่ท่านปลูกยางพาราใช่หรือไม่ คราวนี้เขาอึกอักรู้อยู่แล้วว่าลงหลุมของผมแล้ว และยอมรับว่าใช่
ยกแรกศาลก็ไม่ประทับฟ้องแล้วครับ เขาก็ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ประทับฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ก็ไม่ประทับฟ้อง เป็นอันว่าคดีอาญาจบ ผมพบกับโจทก์แกก็บอกว่าแกไม่ยอมแพ้หรอกแกจะฟ้องคดีแพ่งอีก ผมเตือนแกว่าอย่าฟ้องเลยเสียเงินค่าจ้างทนายเปล่าๆและดีไม่ดีจะเสียที่ดินอีก แต่แกไม่เชื่อ…..
ในที่สุดก็ก็นำคดีแพ่งมาฟ้องศาลอ้างว่าครอบครองที่ดินตรงนี้มานานเป็นที่ดินต่อเนื่องกับที่ดินที่แกมีหลักฐาน น.ส.๓ วัดมาแสดงสิทธิรบกวนการครอบครองของแกขอให้ศาลพิพากษาให้ที่ดินเป็นของแกห้ามวัดเข้ามายุ่ง คราวนี้ผมเข้าไปช่วยวัดไม่ได้แล้วเพราะวัดเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ก็ต้องจ้างทนายเอง ซึ่งก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะพี่ทนายคนเดิมก็อยู่เขาเลยเป็นทนายให้ แต่ก็มาปรึกษาแนวทางสู้คดีกันผมก็แนะให้สู้ตามคดีอาญาที่ผมถามค้านเอาไว้และให้อ้างคำเบิกความคดีอาญามัดไว้อีกเปลาะหนึ่ง เผื่อว่าพยานจะเบี้ยวไม่ตอบตามที่เคยเบิกความในคดีอาญาไว้ก็จะได้มีหลักฐานอ้างอิงและแนะนำให้ฟ้องแย้งว่าสวนยางทั้งหมดเป็นที่วัดห้ามโจทก์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ผลก็เป็นอย่างที่เราคาดไว้ครับ ชนะใสๆทั้งสามศาล วัดได้สวนยางพารามาอีกสวนหนึ่งโดยไม่ต้องปลูก ทุกวันนี้เวลาผมไปที่อำเภอดังกล่าวผมก็จะไปแวะที่วัดแต่จะมีเวลาเจือไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพราะท่านเจ้าอาวาสท่านมีเรื่องเล่าเรื่องคุยมากมายแถมด้วยข้อคิดและธรรมะที่มีมุมมองแบบแปลกๆ เช่น คุณรู้ไหมคอมพิวเตอร์ก็สอนธรรมะได้ อ้าว..งง…เม้าส์เนี่ยก็เหมือนจิดของเรา คลิ๊กปุ๊บไปปั๊บเหมือนจิตเราสั่งการปุ๊บทำนั่นปั๊บ เม้าส์คลิ๊กสั่งไปที่ซีพียูซึ่งมันจะประมวลผลทันทีเหมือนสมองมนุษย์ที่สั่งการให้ร่างกายเคลื่อนไหว พอมันประมวลผลเสร็จมันก็จะปรากฏออกมาที่หน้าจอเหมือนกับจอมันเป็นกายของเรา จิตมันสั่งให้เราทำโน่นทำนี่มันก็เป็นแบบนี้แหละ โยม…..อิอิ
« « Prev : ฝรั่งผู้ชายทำอนาจารเด็กชาย..ทำอะไรของมัน
Next : นายทุนโหด ดูหมิ่นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ » »
5 ความคิดเห็น
มันส์มากเรื่องนี้ อยู่ข้างพระ ชนะอีกต่างหาก
แต่เรื่องต้นไม้ยักษืนี่ยั่วกเลศพิลึก น่าจะถ่ายรูปมาอวดบ้าง อิ อิ
อิอิ พ่อครู
ไปวัดคราวนี้จะถ่ายรูปมาฝาก มีทั้งมังคุดต้นเบ้อเริ่ม ผักเหมียง เดี๋ยวผมลองหาในสต๊อกภาพอีกทีเพราะเนติ์ลูกชายผมบวชที่วัดนี้ น่าจะมีภาพบ้าง
เป็นอีกคดีที่ภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือพระศาสนาครับ
อ่านแล้วสนุกจริง ๆ ค่ะ อิอิ แหมเล่าแบบเห็นภาพเลยอากาศแห้งงงง
อิอิ น้องราณี ไว้คราวหน้ามีโอกาสจะพาไปเจอท่าน สนทนาธรรมกับท่านสนุกมากขอบอก
Free info like this is an apple from the tree of kngeoedlw. Sinful?