ฝรั่งผู้ชายทำอนาจารเด็กชาย..ทำอะไรของมัน

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2009 เวลา 22:24 ในหมวดหมู่ นักกฎหมายอย่างผม, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 3216

ผมต้องวางแผนในการสืบพยานโดยการนำครูใหญ่มาสืบก่อน เพื่ออธิบายว่าตำรวจสอบสวนด้วยความยุติธรรม ครูอยู่ร่วมในการสอบสวนทุกขั้นตอน ดังนั้นคำให้การของเด็กที่เล่าให้ฟังเรื่องการถูกกระทำอนาจารจึงน่ารับฟัง จากนั้นจึงนำเด็กมาเบิกความโดยใช้กล้องวงจรปิดแยกห้องที่เด็กเบิกความกับตัวจำเลยคนละห้อง ให้ห้องเด็กมีนักจิตวิทยาเป็นคนถามคำถามจากคำถามของอัยการหรือศาลและทนายถ่ายทอดคำถามไปสู่เด็ก แต่ทนายจำเลยพยายามโยกโย้ขอเลื่อนคดี ขอประกันตัวจำเลย ผมค้านหัวชนฝาไม่ให้ประกันเพราะคดีนี้เป็นคดีร้ายแรงและจำเลยเป็นชาวต่างประเทศหากหลบหนีแล้วยากจะติดตามตัว ผมเรียนศาลว่ายิ่งคดีนี้ยิ่งช้าเท่าไหร่พยานผมจะมีปัญหามากเท่านั้น และเป็นจริงอย่างที่ผมตั้งข้อสังเกต

การสืบพยานเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะต้องตั้งคำถามผ่านนักจิตวิทยา แต่พอเริ่มพยานปากแรกซึ่งเป็นเด็กที่จำเลยอุปถัมภ์คนแรก(ที่ซื้อเรือให้พ่อเด็กทำมาหากินนั่นแหละ) เด็กกลับคำให้การอย่างที่ผมอ่านเกมออก เด็กคนนี้อายุ ๑๔ ปี แต่ไม่เป็นไรผมถามเด็กเกี่ยวกับขั้นตอนการสอบสวน ว่าตำรวจเขาทำอย่างไร เขาสอบสวนเราต่อหน้าครู ก่อนที่จะให้ลงชื่อครูอ่านและถามแล้วว่าถูกต้องหรือไม่ และถามถึงการที่จำเลยให้การอุปถัมภ์ การนึกถึงบุญคุณ เพื่อให้ศาลเห็นว่าพยานปากนี้ให้การช่วยเหลือจำเลย
ได้เวลาพักเที่ยงผมก็ออกไปทานอาหารแล้วรีบกลับมาเพื่อจะดูว่าทนายจำเลยจะมายุ่งเกี่ยวกับพยานผมไหม แต่ไม่เห็น เด็กที่ต้องมาเป็นพยานหลายคนวิ่งเล่นกัน ผมเรียกเด็กมาคุยด้วยและถามว่าถูกทนายข่มขู่หรือพูดจาอะไรบ้าง เขาตอบว่าไม่ ผมเอะใจถามต่อว่ามีใครมาข่มขู่บ้าง ทุกคนเฉย..แต่มีเด็กอยู่คนหนึ่งบอกว่า “ไอ้…(เด็กคนแรก)มันตบหัวผมและบอกว่ามึงต้องบอกว่าเขาไม่ทำอะไร ถ้ามึงไม่พูดมึงโดน..” ผมก็เลยถามต่อว่าแล้วเขาพูดกับคนอื่นไหม เด็กคนนี้บอกว่ามันพูดกับทุกคน อ้าว….เจอมาเฟียเด็กเข้าแล้ว ฮ่าๆ ผมเลยเรียนให้ศาลทราบถึงพฤติการณ์และนำเด็กที่ถูกตบหัวเข้าเบิกความต่อ และถามถึงพฤติการณ์ตอนพักเที่ยงอย่างละเอียด คราวนี้เด็กปากต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่กลัวแล้ว อิอิ

สืบพยานเด็กจนครบทุกคน เบี้ยวหมดทุกคนเหลือเด็กที่ถูกตบหัวคนเดียวที่ยืนยันว่าตนถูกทำอนาจาร คราวนี้ผมนำแม่เด็กมาเบิกความ แต่แม่เด็กทุกคนได้มาโดยการติดต่อประสานงานของเอ็นจีโอ แม่เด็กทุกคนยืนยันว่าตามวันเวลาเกิดเหตุที่เด็กถูกกระทำอนาจารนั้นแม่เด็กไม่ได้อนุญาตให้ไปกับจำเลย ทนายจำเลยเขาก็เก่งเขาถามค้านว่าถึงจะไม่ได้อนุญาตโดยตรงแต่ก็รู้อยู่ว่าเด็กไปกับจำเลย (ความจริงก็คือชาวเลพูดภาษาไทยได้ไม่มากพอที่จะเข้าใจคำถามยิ่งถามเป็นภาษากลางด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ พอไม่รู้เรื่องก็ตอบ อืม..อืม..ฮา..) ผมถามติงโดยเอาภาพถ่ายของเด็กที่จำเลยถ่ายตอนแก้ผ้านอนหงายให้แม่เด็กดูแล้วถามว่าถ้ารู้ว่าเขาพาไปถ่ายรูปอย่างนี้จะยอมไหม แกก็บอกว่าไม่ยอม…

ทุลักทุเลที่ต้องแปลคำถามจากภาษากลางมาเป็นภาษาใต้แล้วแปลให้ศาลฟังเป็นภาษากลางเพราะผู้พิพากษาเป็นคนภาคกลาง กว่าจะเสร็จการสืบพยานโจทก์ชุดนี้ผมแทบจะหมดแรง ผมนำฝรั่งอีกคนที่จับตาดูจำเลยกระทำต่อเด็กมาเป็นพยานได้ความปะติดปะต่อว่าเหตุการณ์มันเป็นอย่างไร

ถึงเวลาสืบพยานจำเลย จำเลยก็นำสืบแสดงบทพ่อพระ เอาใจใส่ดูแลเด็ก ไม่เคยทำอนาจาร ภาพเด็กแก้ผ้าก็เป็นภาพปกติธรรมดาในโปสเตอร์ก็มี จำเลยไม่ได้เขียนบทความเรื่องเพศสัมพันธ์กับเด็กโพลิเนเชียน เพราะชื่อนามสกุลอาจพ้องกันได้ ผมถามค้านเรื่องราวเด็กโพลิเนเซียนซึ่งมีการกินอยู่แถวชายทะเลแบบเด็กชาวเลที่ภูเก็ต ผิวดำเหมือนกัน คราวนี้จำเลยนำพ่อของบรรดาเด็กมาเบิกความอ้างเขาเป็นคนอนุญาตให้เด็กไปกับจำเลยเอง ผมก็ถามค้านว่าถ้ารู้ว่าเด็กถูกพาไปทำอนาจารจะอนุญาตไหม ทุกคนก็ตอบว่าไม่อนุญาต(ก็ใครจะตอบว่าอนุญาตล่ะ..ฮา) การล๊อคคำถามคำตอบแบบนี้มันเป็นชั้นเชิงในการว่าความที่ผมได้มาจากครูทนายของผม

ในที่สุดศาลก็ตัดสินจำคุกจำเลย ๓๓ ปี เกรียวกราวครับคดีนี้ แต่ทนายจำเลยก็ยื่นอุทธรณ์ และมีการส่งตัวจำเลยไปจำคุกที่บางขวาง คดีนี้อยู่ที่ศาลอุทธรณ์นานนับปีครับ และในที่สุดศาลอุทธรณ์ลงโทษเพียงการกระทำเพียงกรรมเดียวก็คือการกระทำที่เด็ก(ที่ถูกตบหัว)มายืนยันว่าถูกอนาจาร ส่วนปากอื่นฟังไม่ได้ทั้งหมด และจำเลยถูกควบคุมตัวมานานเกินโทษของจำเลยแล้วจึงปล่อยตัวจำเลย แบบนี้ผมยอมไม่ได้ครับ ผมเขียนฎีกาอธิบายขั้นตอนการสอบสวนเด็กที่เล่าให้ฟังข้างต้น ขั้นตอนที่เด็กเบิกความว่าระหว่างพักเที่ยงเด็กถูกข่มขู่ จนในที่สุดวันที่ศาลภูเก็ตนัดฟังคำพิพากษามาถึง ศาลอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟังว่าจำคุกจำเลยตามศาลชั้นต้น ๓๓ ปี แต่ตัวจำเลยหลังจากถูกศาลอุทธรณ์ปล่อยตัวก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ฮา…..

ช่วงนั้นผมว่าความทุกวัน ประสบการณ์ในการว่าความสั่งสมมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกฟ้องผมก็จะต้องทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างให้ พูดแล้วจะหาว่าคุยตั้งแต่แก้ต่างให้กับข้าราชการมาผมยังไม่เคยว่าความแพ้สักเรื่องเลย แต่ที่รับแก้ต่างให้นั้นผมตรวจดูแล้วว่าเขาไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหา คราวหน้าจะเล่าให้ฟังเรื่องไปเป็นทนายให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งซึ่งถูกฟ้องหาว่าร่วมกันบุกรุกที่ดินชาวบ้านโดยมีอาวุธข้อหาหนักสุดของคดีบุกรุกเลยครับ ผมเข้าไปสู้คดีให้ท่านเพราะเห็นว่าท่านปกป้องรักษาทรัพย์สินของวัด ถือว่าท่านในฐานะเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จึงเข้าไปช่วยท่านเต็มสูบ เสร็จจากคดีนี้ท่านสั่งให้ช่างศิลป์เขียนภาพในอุโบสถมีทั้งเปาบุ้นจิ้น เจ้าแม่กวนอิม เทวดารักษาทิศต่างๆ รวมทั้งตราพระไพศรพณ์ซึ่งเป็นตรากรมอัยการด้วย อิอิ

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ลักใช้โทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศ ทำอย่างไร…

Next : ข้าฯอยู่ข้างพระ… » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

8 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2009 เวลา 23:21

    เป็นการใช้ความรู้ มากทีเดียว ไม่พอ ต้องประสบการณ์ ด้วย เรียกว่าต้องเข้าใจเหลี่ยมหน่อย มิเช่นนั้นอาจจะเพลี่ยงพล้ำได้นะครับ ยกนิ้วให้เลย

  • #2 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2009 เวลา 4:49

    อ่านเพลินและอย่างกับเห็นภาพไปด้วย….อิอิ

    มีเรื่องคาใจอยู่เรื่อง…วันหลังหากมีโอกาสจะขอเรียนปรึกษาท่านอัยการนะคะ (ขออนุญาตนะคะ)

  • #3 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2009 เวลา 6:42

    สวัสดีครับพี่บู้ธ
    การว่าความเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ครับ คดีอาญาถ้าเป็นทนายจำเลยก็มีหลักอยู่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ศาลสงสัย แต่พอเป็นอัยการมีหลักอยู่ว่าต้องพิสูจน์ให้ศาลปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดจริง การว่าความจะชนะหรือแพ้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง การนำพยานมาสืบให้มีเหตุผลต่อเนื่องกัน ที่อัยการว่าความแพ้กันส่วนหนึ่งมาจากการที่ไม่ตรวจสำนวนให้รอบคอบว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนที่จะต้องแก้ไขก่อนฟ้อง กับพอฟ้องไปแล้วไม่ว่าความให้ละเอียดเปิดช่องให้ทนายจำเลยถามค้านเป็นประโยชน์แก่จำเลยได้ และที่สำคัญเวลาสืบพยานจำเลยมักจะไม่ไปถามค้าน (แต่ผมจะถามค้านเกือบทุกเรื่อง หากไม่ติดว่าความคดีอื่นซ้อนอยู่)

  • #4 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2009 เวลา 6:44

    ขอบคุณครับอุ้ย
    ว่าแต่ว่าคาใจใครละครับ เจ้านายหรือเปล่า ก๊ากๆ ยินดีครับปรึกษาได้ทุกเรื่องครับ อิอิ

  • #5 Akshay ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 เมษายน 2014 เวลา 22:42

    You put the lime in the concuot and drink the article up.

  • #6 Vanne ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 เมษายน 2014 เวลา 22:43

    Intgshis like this liven things up around here.

  • #7 Coach Purse Outlet ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 ตุลาคม 2014 เวลา 21:14

    Its like you read my mind! You seem to know a lot about this, like you wrote the book in it or something. I think that you could do with a few pics to drive the message home a bit, but instead of that, this is great blog. A fantastic read. I’ll definitely be back.
    Coach Bags Outlet Coach Outlets Coach Factory Outlet Online Store Sale Coach Premium Outlet.

  • #8 Coach Factory Outlet Store Online ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 ตุลาคม 2014 เวลา 9:09

    Its like you read my mind! You seem to know so much about this, like you wrote the book in it or something. I think that you could do with a few pics to drive the message home a little bit, but instead of that, this is wonderful blog. A fantastic read. I’ll definitely be back.
    Coach Factory Sale Coach Factory Store Coach Handbag Sale Cheap Uggs Sale.


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.57377314567566 sec
Sidebar: 0.32441091537476 sec