ลักใช้โทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศ ทำอย่างไร…

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 29 ตุลาคม 2009 เวลา 22:39 ในหมวดหมู่ นักกฎหมายอย่างผม, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 16302

คราวที่แล้วผมได้เล่าเรื่องการปลอมปนน้ำมันว่ามีวิธีการทำอย่างไรต่อมาผมย้ายไปรับราชการ ณ จังหวัดแห่งหนึ่ง ก็เกิดคดีปลอมปนน้ำมันจากการตรวจจับของส่วนราชการ พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ผมอ่านสำนวนแล้วเกิดความสงสัยเพราะพอน้ำมันจากบริษัทมาส่งที่ปั๊มไม่นานเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาตรวจสอบ และเข้าใจตามประสบการณ์ของผมว่ามันไม่ใช่เจตนาปลอมของปั๊ม แต่มันเป็นไปตามที่ฝ่ายผู้ต้องหาต่อสู้ว่าน้ำมันเพิ่งมาลง หากน้ำมันปลอมปนจริงก็ไม่ใช่การกระทำของปั๊ม แต่เขาไม่รู้ว่ามันปลอมอย่างไรเพราะเขาก็มีบิลที่ซื้อน้ำมันมาจากบริษัทถูกต้อง

ผมอธิบายวิธีการลงน้ำมันให้ลูกพี่ทราบ และขอสอบสวนเพิ่มเติมดูปริมาณน้ำมันในถังจากการ์ดของปั๊มซึ่งไม่มีอะไรผิดปกติ ปริมาณรับน้ำมันกับปริมาณน้ำมันในถังถูกต้อง กรณีนี้มีทางเป็นไปได้ คือ เจ้าของปั๊มร่วมมือกับบริษัทซื้อน้ำมันปลอมปนในราคาถูกแต่ออกบิลตามราคาปกติ หรือเจ้าของปั๊มไม่รู้เรื่องแต่บริษัทขายน้ำมันที่ปลอมปนมาให้ หรือ คนขับแอบเอาน้ำมันปลอมปนระหว่างทางมาขาย หรือมองในแง่ร้ายก็คือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนรู้เห็นกับคนขับเพื่อจะจับกุมเจ้าของปั๊มรีดไถ แต่กรณีนี้ไม่มีการรีดไถจึงตัดประเด็นนี้ไปได้ มันมองได้หลายทาง แต่ทางที่หนึ่งไม่มีทางพิสูจน์ ไม่เคยปรากฏการร้องเรียนว่าปั๊มดังกล่าวขายน้ำมันปลอมปน ไม่มีพยานหลักฐานอื่น ยิ่งถ้าเป็นการกระทำของคนขับรถส่งน้ำมันแล้วจะโยนให้เจ้าของปั๊มพิสูจน์ก็ไม่เป็นธรรมกับเขา

ผมเสนอความเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ด้วยเหตุผลว่าไม่มีพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาให้ศาลฟังโดยปราศจากข้อสงสัยได้ ลูกพี่เห็นชอบกับความเห็นของผม หลังจากนั้นมาอีกหลายปีเมื่อย้ายไปรับราชการที่แห่งใหม่ก็ได้รับสำนวนปลอมปนน้ำมันอีก แต่คราวนี้พอผมขอสั่งสอบสวนเพิ่มเติมและอธิบายให้ลูกพี่ทราบถึงเหตุผลในการสอบสวนเพิ่มเติม โดยขอตรวจสอบการ์ดปริมาณน้ำมันของวันที่อ้างว่ามีการลงน้ำมันผิดถัง ฝ่ายผู้ต้องหาขอผัดผ่อนสามสี่ครั้งอ้างว่ายังหาไม่เจอซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ผมยื่นคำขาดว่าหากยังหาไม่ได้ภายในกำหนดผมจะพิจารณาสั่งสำนวนตามที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน แต่ก็ให้บังเอิญว่าผมย้ายไปรับตำแหน่งที่สูงกว่าที่จังหวัดอื่น จึงต้องส่งมอบสำนวนให้อัยการท่านอื่นสั่งคดีแทน ทราบภายหลังว่ามีการสั่งไม่ฟ้องโดยที่ไม่มีการ์ดปริมาณน้ำมันมาพิสูจน์ ซึ่งผมเห็นว่าเมื่อผู้ต้องหาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้ก็ต้องสั่งฟ้องเพราะพยานหลักฐานที่ปรากฏมันบ่งชี้อย่างนั้น แต่มันก็เรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา อิอิ

ตอนผมย้ายไปรับราชการในจังหวัดทางภาคใต้ ผมอ่านสำนวนคดีชิงทรัพย์แล้วนั่งหัวเราะ เพื่อนๆในที่ทำงานงงว่าผมหัวเราะอะไร ผมอธิบายว่าตอนอยู่ที่ภูเก็ตผมทำคดีอาชญากรรมที่ซับซ้อน เช่นการปลอมบัตรเครดิต ปลอมสลิป ยักยอกเงินของบริษัทโดยปลอมแปลงบัญชีและพอปลอมหลายครั้งหลายหนก็ต้องบรรยายฟ้องให้ครบทุกครั้งที่กระทำผิดบางคดีต้องบรรยายฟ้องนับร้อยข้อ หรือคดีลักลอบใช้โทรศัพท์แต่ละเรื่องผู้ต้องหาต้องใช้สมองวางแผนในการกระทำความผิด แต่พอมาที่นี่อ่านสำนวนนี้ผู้ต้องหาคิดวางแผนเหมือนกันแต่มันง่ายเกินไป อิอิ ก็จะไม่ให้ตลกอย่างไรในเมื่อ ผู้ต้องหาอยากได้รถจักรยานยนต์ก็เลยเดินหาท่อนไม้แถวนั้น พอผู้เสียหายผ่านมาก็เลยเอาท่อนไม้ทุบผู้เสียหาย จ๊าก….

เล่ามาถึงคดีลักลอบใช้โทรศัพท์ นึกขึ้นได้ว่าเป็นคดีเรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครในจังหวัดที่ผมทำงานเคยทำ คดีนี้ไม่มีตัวอย่างร่างฟ้อง ลูกพี่บอกให้ผมเอาไปดูที ผมอ่านสำนวนด้วยความสนใจเพราะงานแบบนี้มันท้าทาย ผมเชิญช่างเทคนิคมานั่งอธิบายวิธีการที่ผู้ต้องหาลักลอบใช้โทรศัพท์ อ้อ..เล่าให้ฟังแล้วอย่าไปทำล่ะ…แฮ่…

พวกนี้ทำงานเป็นแก๊งค์ครับ สมมุติว่าจะลักลอบใช้โทรศัพท์โดยไม่จ่ายตังค์ เขาก็จะไปหาเช่าบ้านที่มีโทรศัพท์และมีสายโทรศัพท์เพื่อนบ้านผ่านใกล้ๆหน้าต่าง จากนั้นก็ให้ลูกสมุนไปอยู่ๆกลางวันไม่ต้องทำอะไร งานนี้ต้องทำตอนดึกๆ สมุมติมีลูกค้าจากสิงคโปร์ต้องการจะโทร.ทางไกลไปบังกลาเทศ ก็จะมีการโทร.ทางไกลมาสมมุติจากสิงคโปร์เข้ามาที่เบอร์เมืองไทย(เบอร์ที่บ้านเช่า) แล้วรอสายไว้ จากนั้นก็จะไปเสียบสายของเพื่อนบ้านแล้วใช้เบอร์ของเพื่อนบ้านโทร.ไปบังกลาเทศ พอโทร.ติด คราวนี้ก็จะเสียบสายเบอร์เพื่อนบ้านเข้าหาเบอร์ที่บ้านเช่า คราวนี้บังกลาเทศก็จะคุยกับสิงคโปร์ได้ โดยแก๊งค์นี้ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ทางไกล เพราะค่าโทร.ทางไกลเป็นเบอร์ของเพื่อนบ้าน เบอร์ที่ได้รับสายซึ่งเป็นเบอร์บ้านเช่าก็ไม่ต้องเสีย ฮ่าๆ..ดูมันทำ..หัวดีมากๆ ผมว่าเบอร์ที่สิงคโปร์ที่โทร.เข้ามาที่บ้านเช่าก็คงเป็นแบบขโมยเพื่อนบ้านใช้เหมือนกัน อิอิ เขาได้ค่าโทร.ทั้งสองทางโดยไม่ต้องเสียทั้งสองทาง มีใครจะลองทำดูบ้างไหม..แล้วเจอกัน ที่ศาล..ฮา คดีนี้ผมฟ้องเป็นคดีลักทรัพย์ จำเลยมีสองคนเป็นชาวบังกลาเทศทั้งคู่ แถมสู้คดีอีกแน่ะ แต่ในที่สุดศาลลงโทษทั้งคู่

เดี๋ยวนี้บ้านเรามีชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว เข้ามาอยู่อาศัย เข้ามาทำมาหากิน มีฝรั่งคนหนึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่มีความวิปริตคือชอบทำอนาจารกับเด็กผู้ชายที่อายุไม่เกินสิบห้าปี คนที่จับได้เป็นอาจารย์ฝรั่งในมหาวิทยาลัยเดียวกันและได้มีการประสานงานกับเอ็นจีโอ จนในที่สุดได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับฝรั่งคนดังกล่าว

เขามีวิธีการในการทำให้เด็กเกิดความไว้วางใจโดยการใช้เวลาวันเสาร์อาทิตย์ไปแถวหมู่บ้านชาวเล เอาเสื้อผ้าขนมนมเนยไปให้เด็กๆ ซื้อลูกฟุตบอลให้ แล้วพาเด็กๆนั่งเรือไปเที่ยวเกาะ พอเด็กแก้ผ้าอาบน้ำก็ถ่ายภาพเด็กๆเหล่านั้นไว้ แต่เขาฉลาดที่ใช้นกต่อโดยสนับสนุนเด็กชาวเลคนเดียวก่อน ซื้อเรือให้พ่อเด็ก ซื้อเสื้อผ้าให้เด็ก ซื้อฟุตบอลให้เด็ก ถ่ายรูปให้ ทำให้เด็กมีความแตกต่างจากเด็กคนอื่นในหมู่บ้าน สร้างความอยากได้ให้กับเด็กๆในหมู่บ้าน แล้วให้เด็กที่เขาดูแลอยู่ไปชวนเด็กในหมู่บ้านไปเที่ยวไปเล่นด้วยกัน จนเด็กไว้วางใจ จากนั้นก็เริ่มพาเด็กไปที่บ้าน แล้วล่อหลอกให้เข้าไปในห้องนอน จากนั้นให้เด็กช่วยสำเร็จความใคร่ หลังจากแจ้งความแล้วก็มีการสอบสวน พนักงานสอบสวนก็มีความรอบคอบพอสมควรโดยสอบสวนเด็กต่อหน้าครูและต่อหน้าเอ็นจีโอ (ตอนนั้นอยู่ระหว่างจะใช้ประกาศใช้กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่แก้ไขใหม่เรื่องการสอบสวนเด็ก) แล้วสรุปสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ผมได้รับสำนวนคดีนี้มาตรวจพิจารณา เห็นของกลางพ็อกเก็ตบุ๊ค ๑ เล่มเป็นภาษาอังกฤษ ผมโทร.ไปถามพนักงานสอบสวนว่ายึดมาทำไม เขาบอกว่าเป็นหนังสือที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการทำอนาจารเด็ก ผมจึงขอมาตรวจดู….

ปรากฏว่าหนังสือเล่มนี้มีผู้เขียนหลายคน แต่ ๑ ในนั้นมีชื่อย่อและนามสกุลตรงกับผู้ต้องหา ผมอ่านแล้วเป็นเรื่องราวของผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายใช้เด็กชายชาวโพลิเนเชียนอายุสิบกว่าขวบให้ทำอนาจารให้โดยวิธีการต่างๆ แต่แปลศัพท์บางตัวไม่ออก แต่ได้รับการประสานงานจากเอ็นจีโอส่วนกลางขอทราบข้อมูลเรื่องราวคดีนี้อยากทราบว่าเราดำเนินการไปถึงไหน ผมเลยขอร้องให้เขาช่วยแปลเรื่องสั้นดังกล่าวเป็นภาษาไทย ระหว่างนั้นมีนักกฎหมายฝ่ายผู้ต้องหามาพบเสนอเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทให้ผมล้มคดี ผมปฏิเสธและบอกเขาว่าอย่ามายุ่งกับผม

ผมชักเป็นห่วงรูปคดีก็เลยสั่งสอบสวนเพิ่มเติมเพราะคดีนี้ไม่มีการสอบสวนผู้ปกครองของเด็กเลย ผมจึงให้พนักงานสอบสวนนำมารดาเด็กมาให้ผมสอบสวน เพราะชาวเลไม่ค่อยรู้กฎหมาย ผมถามแต่ละคนว่าจดทะเบียนสมรสหรือไม่เขาบอกว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรสทั้งนั้น กฎหมายถือว่าแม่เด็กเป็นผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ผมระบุพยานที่เป็นแม่เด็กทั้งชุด (โปรดติดตามตอนต่อไปอย่ากระพริบตา..อิอิ)

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ประสบการณ์ชีวิตจากการเป็นเด็กปั๊ม

Next : ฝรั่งผู้ชายทำอนาจารเด็กชาย..ทำอะไรของมัน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1159 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 2.3528089523315 sec
Sidebar: 0.58351898193359 sec