นายทุนโหด ดูหมิ่นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
สองสามวันก่อนขณะผมนั่งทำงานอยู่ก็ปรากฏมีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาขอคำแนะนำปรึกษาเรื่องถูกหาว่ายักยอกทรัพย์ ผมปฏิเสธที่จะให้คำแนะนำบอกกับเธอว่าคุณตกเป็นผู้ต้องหา ผมเป็นอัยการคุณจะมาขอคำแนะนำจากผมว่าจะสู้คดีอย่างไรมันจะได้ยังไงอะ….แต่ก็แนะนำไปแค่ว่าให้คุณเอาความจริงเข้าสู้ เพราะถ้าคุณบิดข้อเท็จจริงคุณก็มีสิทธิเข้าคุกในสิ่งที่คุณอ้างว่าไม่ได้ทำ เธอออกไปแล้วผมนั่งนึกอยู่ตั้งนาน เพราะเธอบอกว่าเวลามีเรื่องเดือดร้อนก็ไม่รู้จะปรึกษาใครก็นึกถึงผมที่เคยให้คำแนะนำเธอตอนที่เธอตกเป็นผู้เสียหาย ผมนั่งนึกอยู่ตั้งนานว่าผมเคยช่วยเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็รู้สึกคุ้นๆหน้า วันนี้นั่งทำงานอยู่นึกแว๊บขึ้นมาได้เฉยๆ
เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมยังเป็นรองอัยการจังหวัด มีข่าวฮือฮาพักหนึ่งในจังหวัดที่ผมอยู่ เมื่อตำรวจไปตรวจค้นบ้านแล้วพบผู้หญิงถูกล่ามโซ่อยู่ในบ้านนายทุนคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สืบสาวราวเรื่องก็ได้ความว่า
เธอเป็นพนักงานของบริษัท ที่ให้กู้เงินมหาโหด เรียกดอกเบี้ยสูงมากผมจำอัตราไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าเวลาใครจะกู้เงินเขาจะให้ทำสัญญาเช่าซื้อทองคำรูปพรรณไว้ ถ้าผิดสัญญาไม่ชำระเงินกู้ก็จะไปแจ้งความว่าลูกหนี้ยักยอกทองคำ เล่นคดีอาญาด้วย เมื่อถามว่าทำไมเธอจึงมาเป็นพนักงานบริษัท ก็ได้ความว่าเธอจำเป็นเพราะเธอเคยกู้เงินจากบริษัทฯนี้มาก่อน แต่อัตราดอกเบี้ยสูงมากผ่อนไม่ไหวเขาก็เลยให้เธอไปหาลูกค้า เธอก็จะได้ค่านายหน้ามาช่วยชำระหนี้ แต่คนที่เธอพามากู้ยืมเงินก็เบี้ยว เจ้านายจึงให้เธอรับผิดชอบ รับผิดชอบหนักเข้าเธอก็สู้ไม่ไหว จึงต้องหนีไปหาที่อยู่ใหม่…
แทนที่มันจะแก้ปัญหาได้ ปรากฏว่านายทุนมีลูกน้องตามหาเธอจนพบ ครั้งแรกเธอก็หาทางผัดผ่อนได้แต่นายทุนไม่เชื่อใจเธอเสียแล้ว กำหนดวันที่เธอจะต้องชำระหนี้คืนเธอยังหาเงินไม่ได้จึงต้องหนีอีกรอบ แต่คราวนี้เธอไปไม่รอด ถูกจับได้และถูกล่ามโซ่ไว้ นายทุนหาว่าเธอโกงเงิน เธอบอกว่าเธอไม่ได้โกงแต่ลูกหนี้เบี้ยวจริงๆ นายทุนมหาโหดไม่เชื่อตบเตะถีบกระทืบทำร้ายเธอ เอาปืนมาขู่ จับเธอแก้ผ้าแล้วสำเร็จความใคร่ใส่หัวของเธอ แล้วบอกให้ลูกสาวเอากล้องถ่ายรูปมาถ่ายรูปไว้ แต่ลูกสาวเขาไม่ทำ ลูกน้องคนอื่นมาถ่ายรูปเอาไว้ นายทุนบอกว่าหากหาเงินมาไม่ได้จะเอารูปนี้ไปติดประจานที่หน้าโรงเรียนของลูกสาวเธอ….
ต่อมาตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่านายทุนมหาโหดรายนี้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองจึงขอหมายค้นไปค้นอาวุธปืนก็บังเอิญไปเจอผู้เสียหายถูกล่ามโซ่อยู่ เธอขอความช่วยเหลือและเล่าให้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดและบอกด้วยว่าเธอถูกถ่ายรูปไว้ด้วย ตำรวจค้นพบกล้องถ่ายรูปจึงเอาฟิล์มไปล้าง มีภาพเธอถูกจับแก้ผ้าและเชื่อว่าเธอถูกกระทำดังที่เธอเล่าเป็นความจริง จึงออกหมายจับนายทุนคนดังกล่าวได้ เขาขอประกันตัว ศาลก็สอบถามอัยการว่าจะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ ผมจะปล่อยให้ประกันตัวได้อย่างไรในเมื่อเขาดูหมิ่นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ขนาดนั้น ผมคัดค้านการประกันตัว
ยังไม่ทันได้เริ่มต้นสืบพยานผมก็ได้รับการติดต่อจากอัยการรุ่นพี่ฝากฝังว่าจะมีคนไปพบเพื่อขอความช่วยเหลือ ผมก็รับปากให้มาพบได้ก็ปรากฏว่าเขามาพบผมเรื่องนี้ และมาพูดทำนองว่าหากมีค่าใช้จ่ายอย่างไรขอให้บอก ผมบอกเขาการมาพบกับผมค่าใช้จ่ายไม่มี ถามเขาตรงๆว่าต้องการอะไร
เขาบอกว่าความจริงก็ไม่อยากมาขอความช่วยเหลือหรอกเพราะรู้ว่าผมเป็นคนตรง แต่ที่ต้องมาเพราะสำนึกในบุญคุณที่นายทุนคนนี้เคยช่วยเหลือเมื่อเขากำลังเดือดร้อนจึงต้องมาช่วยเหลือเขาตอบแทน ผมนึกในใจว่าไอ้หมอนี่ใช้ได้ เอาเหอะผิดถูกอย่างไรช่างมัน เขาชวนผมไปกินข้าวผมก็ไปแต่ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเขา..อิอิ ผมถามเขาว่าต้องการอะไร เขาตอบว่าขอให้ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ไหม
ผมถามเขาคำหนึ่งว่า คุณคิดว่าการสำเร็จความใคร่ใส่หัวคน มันเป็นการดูถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไหม คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้คนอย่างนี้ลอยนวลเหรอ…ข้อหากระทำอนาจาร,กักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียเสรีภาพ,ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เหตุการณ์มันนานมากแล้วถึงวันนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมฟ้องไปกี่ข้อหา…คนที่มาหาผมก็หน้าจ๋อย ผมบอกว่าทางที่จะผ่อนหนักเป็นเบาได้มีทางเดียวคือเจรจากับผู้เสียหายยอมจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายเพื่อให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในความผิดที่ยอมความได้ เท่าไหร่ก็ต้องจ่าย และยอมชดใช้กรรมเถอะยอมรับสารภาพอย่างเก่งก็ไม่เกินสองปี
ผมทราบภายหลังว่าผู้เสียหายเรียกค่าเสียหายผ่านไปทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ และทราบว่านายทุนคนนี้โดนเรียกค่าเสียหายไป ๖๐๐,๐๐๐ บาท แต่ตัวผู้เสียหายจริงๆได้ครึ่งเดียว ส่วนที่เหลือ……หนูไม่รู้ ฮา…..แต่ข้อหาทำอนาจารยอมความได้/หน่วงเหนี่ยวกักขัง ปกติยอมความได้แต่เอาปืนมาขู่จึงยอมความไม่ได้ ข้อหาทำร้ายร่างกายก็ยอมความไม่ได้ ซึ่งผู้เสียหายยอมแถลงว่าไม่ติดใจเอาความกับจำเลยอีกต่อไปเพราะได้รับชดใช้จนเป็นที่พอใจแล้ว
ว่าความคดีนี้มันเครียดครับ แต่ก็ไม่ได้สืบพยานเพราะในที่สุดจำเลยรับสารภาพ และคดีมีอัตราโทษไม่สูง คดีนี้จึงจบลงโดยศาลพิพากษาจำคุกจำเลย ๒ ปี โดยไม่รอการลงโทษ เพราะพฤติกรรมของจำเลยนั่นเอง ผมออกจากห้องพิจารณาเดินเข้าไปอีกบัลลังก์หนึ่งเพื่อไปสืบพยานคดีลักเครื่องยนต์เรือ ผู้พิพากษาเป็นคนปักษ์ใต้ แต่ชอบแกล้งคนเล่นสนุกๆ พยานผมก็เข้าเบิกความ สาบานเป็นภาษาใต้ พอเริ่มเบิกความว่า เป็นผู้เสียหาย เข้ามาเกี่ยวข้องคดีนี้เพราะ (โปรดพากย์เสียงในฟิล์ม) “มีเรือโย(อยู่)ลำหนึ่ง ยาว ๓ วา”
ศาลแกล้งพูดว่า “เดี๋ยวหยุดก่อน ใครอนุญาตให้พูดภาษาใต้ มาศาลต้องพูดภาษากลาง”
ผมถามต่อว่าแล้วเรือเป็นเรือแจว เรือพาย หรือเรือยนต์
แกตอบว่า“เป็นเรือเครื้อง(เครื่อง)”คำว่าเรือเครื่องก็คือเรือยนต์นั่นเอง
ผมถามอีกว่า แล้วเครื่องยนต์เรือของพยานยี่ห้ออะไร
แกตอบว่า “ยี้ห๊อ ยันหมา”(ยันม่าร์) คราวนี้ระเบิดเสียงหัวเราะกันทั้งศาลทั้งอัยการตำรวจและจำเลยคดีอื่น ศาลก็เลิกแกล้งบอกว่า อยากพูดใต้ก็พูดไปก่อนที่ศาลจะเจ็บหัว(ปวดหัว)มากกว่านี้ ก๊ากๆ….
Next : มูลค่าที่ดิน ๗,๐๐๐ ล้าน ชนะได้ไง…. » »
2 ความคิดเห็น
ก๊าก ๆๆๆๆๆๆๆ
แหมนึกถึงโทษทัณฑ์ในนรกจังค่ะ ส่วนไหนใช้กระทำความผิดก็ควรโดนส่วนนั้น อิอิอิ
ถึงน้องเบิร์ด
ระบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เรามองว่ามันโหดไป แต่ในประเทศอิสลามเช่น อิหร่าน เขาลงโทษโดยใช้กฎศาสนาซึ่งเป็นระบบนี้ ลักทรัพย์ก็ตัดมือ หรือที่เราได้อ่านข่าวเมื่อไม่นานมานี้เอาน้ำกรดหยอดตาเขาบอด ศาลก็เลยพิพากษาให้เอาน้ำกรดหยอดตาจำเลยเข้าให้มั่งสาสมกับการกระทำ คนกระทำผิดจึงน้เอยกว่าประเทศเสรีที่มองความเป็นมนุษย์เลิศล้ำ บางประเทศโทษประหารชีวิตมีไม่ได้ คนในประเทศสังหารคนอื่นแต่ผู้กระทำผิดได้รับโทษเพียงจำคุก(ซึ่งอาจจำคุกตลอดชีวิต) ในเชิงอาชญาวิทยาการลงโทษมิใช่การแก้แค้นแต่เพื่อเป็นการปรับปรุงพฤติกรรมมนุษย์
โทษในนรกใช้ส่วนไหนทำก็ลงโทษส่วนนั้นใช่ไหม ฮ่าๆ นึกเห็นภาพ..อิอิ หวาดเสียว