สาวมัลดีฟส์๕

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 1 กันยายน 2009 เวลา 11:49 ในหมวดหมู่ ครอบครัว, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 2885

วันนี้มาเล่าต่อที่เหลือจะได้จบเสียที อิอิ ว่าจะปรับแก้บันทึกบางเรื่องให้ทันสมัยตามกฎหมายที่เขาเพิ่งแก้กันเมื่อปี ๒๕๕๑ แต่ยังไม่มีเวลา งานเข้าเยอะเหลือเกิน แต่ละเรื่องต้องใช้เวลาอ่านเป็นวันๆเพื่อทำความเข้าใจ เข้าใจแล้วก็ต้องมานั่งแก้ข้อบกพร่องที่เจ้าของเรื่องเขาทำไว้ บางเรื่องก็ผ่านหูผ่านตาเราไปแล้วแต่เราดูไม่ละเอียดเอง (แก้ตัวนิดหนึ่งก็จะเอาเวลาไหนมาตรวจดูให้ละเอียดละครับ ไหนประชุม ไหนบริหารงานบุคคล เงิน และงาน แถมคดีอาญาไม่พอยังต้องดูคดีแพ่ง เท่านั้นยังไม่พอยังต้องทำหน้าที่อัยการศาลสูงอีกด้วยเพราะตอนนั้นยังไม่มีการตั้งอัยการศาลสูงภูเก็ตผมเลยรับไปอีก ๑ ตำแหน่ง ทนเป็นแรดเลยครับ อิอิ) ได้มาตรวจแก้ไขและบางเรื่องก็ต้องลงไปว่าความเอง ก็สนุกดีได้ฟื้นสมองส่วนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เอาละมาอ่านกันต่อเหอะ….

๓ ตุลาคม ๒๕๔๘
ผมตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อรอถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้น นั่งรอจนฟ้าเริ่มสางแต่น่าเสียดายวันนี้เกิดมีเมฆฝนมาบัง และวันนี้เราต้องเดินทางกลับ คืนแรกตื่นไม่ไหวอยู่แล้วเพราะโม้กันดึก คืนที่สองก็รีบตื่นไปแซนด์แบ๊งค์ แต่ถึงยังไงก็ตามก็ยังได้ภาพสวยๆมาฝากอยู่ดี

มัลดีฟส์

เมื่อวานคุยกับผู้จัดการแผนกสปาที่ลูกสาวทำงานอยู่ จึงรู้ว่าที่เกาะนี้ไม่มีงูแม้แต่ตัวเดียว ผมเห็นค้างคาวแม่ไก่ ๑ ตัวทั้งๆที่น่าจะเห็นมากกว่านี้ แต่ข้อเสียของที่โรงแรมคือมดดำเยอะมาก แต่มันก็ทำให้เราสงสัยตั้งแต่เมื่อวันที่สองที่เราอยู่ วันนี้เห็นมดคาบไข่ชัดเจนแล้วครับสงสัยฝนจะตกไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้แหละ ปรากฏว่าเป็นจริงครับลมแรงขึ้นเรื่อยๆและมีฝนตก แล้วตูจะดำน้ำยังไงล่ะวันนี้ ทั้งโปรแกรมที่จะไปที่เมืองมาเล่ซึ่งเป็นเมืองหลวงก็ต้องยกเลิก ว่างๆก็หยิบเอกสารของโรงแรมมาอ่านเลยได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมัลดีฟส์ เลยเอามาเล่าสู่กันฟังเผื่อใครนึกจะไปมัลดีฟส์จะได้มีพื้นฐานเพราะผมหาหนังสือเกี่ยวกับมัลดีฟส์ตามร้านหนังสือในภูเก็ตไม่ได้เลย

มัลดีฟส์

มัลดีฟส์ก่อตั้งประเทศมาตั้งแต่ ๒,๕๐๐ ปีก่อนและเป็นที่รู้จักเพราะใช้เปลือกหอยเป็นเงินตราในการซื้อขาย ซึ่งประเทศใกล้เคียงแถบนั้นหลายประเทศเขาใช้เปลือกหอยเป็นเงินตรา เปลือกหอยที่ว่าผมแปลภาษาอังกฤษไม่ออกแต่เชื่อว่ามันต้องคือหอยเบี้ยอย่างแน่นอน ฟันธง ครับ ต่อมาในปี ค.ศ.๑๘๘๗ จึงตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ จนกระทั่ง ๒๖ กรกฎาคม ค.ศ.๑๙๖๕ จึงได้เป็นรัฐอิสระ และในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๑๙๖๘ มัลดีฟส์ได้ถูกเปลี่ยนจากรัฐสุลต่านมาเป็นสาธารณรัฐมัลดีฟส์(กรณีคล้ายกับมาเลเซีย) เนื่องจากมัลดีฟส์อยู่ใกล้อินเดีย ศรีลังกา เขามีภาษาของเขาเวลาพูดอังกฤษก็เลยคล้ายภาษาอังกฤษแบบอินเดีย ลิ้นรัวจริงๆนะนายจ๋า…

ภาษาที่นี่เขาใช้ภาษา Dhivehi เขาเขียนแบบภาษาจีนคือจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง ต้นไม้ประจำชาติ ก็คือต้นมะพร้าวบ้านเรา ส่วนดอกไม้ประจำชาติก็คือกุหลาบชมพู สาธารณรัฐมัลดีฟส์เป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่จำนวน ๑,๑๙๒ เกาะ เชื่อกันว่าเกิดมาจากภูเขาไฟเมื่อ ๒๕๕ ล้านปีก่อนมี ๑๙๙ เกาะ ที่เป็นเกาะที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย และให้เช่าหรือรูปแบบสัมปทาน (ผมแปลไม่ถูกเขาใช้คำว่า earrently ใครมีความรู้ช่วยแปลหน่อยเด้อ..)ทำเป็นที่พักรีสอร์ท ๘๗ เกาะ มีประชากร ๒๗๐,๑๐๑ คน พื้นที่รวมทั้งน้ำทั้งเนื้อ เอ๊ย!ทั้งเกาะ ๙๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร เอาความกว้างยาวด้วยไหมครับ กว้าง ๑๓๐ กิโลเมตร ยาว ๘๒๐ กิโลเมตร ผมไม่ได้วัดเองครับ เขาบอกไว้ในหนังสือ

มาเล่เป็นเมืองหลวงที่มีพื้นที่แค่ ๑.๙๒ ตารางกิโลเมตร น้อยกว่าพื้นที่ อ.บ.ต.อีก และเขามีประชากรที่อยู่เมืองหลวงแค่ ๗๗,๑๘๔ คน ภาษาของมัลดีฟส์เราไม่รู้ว่าพูดยังไง แต่ถ้าเป็นภาษาสันสกฤตพอไหวไหมครับ แฮ่…ภาษาสันสกฤตเรียกที่นี่ว่า Maladiv แปลว่า garland of island ตังค์ที่เกาะที่ผมพักเขาใช้ดอลล่าร์อเมริกัน ในเมืองเขาใช้เงินรูเฟีย Rufiyaa อัตราแลกเปลี่ยน 1$u.s. =12.75 rufiyaa

รายได้หลักของที่นี่คือ การท่องเที่ยว ประมง การขนส่งทางทะเล ๓ หลักนี้ทำให้เศรษฐกิจของมัลดีฟส์เติบโตอย่างรวดเร็วมาก ตั้งแต่ ค.ศ.๑๙๘๐ เป็นต้นมา มัลดีฟส์มีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ ๑๐ ทีเดียว และเป็นการขยายตัวทางด้านประมงและท่องเที่ยวเสียส่วนใหญ่ ที่น่าแปลกก็คือมัลดีฟส์เป็นเมืองพุทธมาก่อน ต่อมา ค.ศ.๑๑๕๓ จึงเปลี่ยนเป็นอิสลามนิกายสุหนี่

ผมก็อยากเรียนรู้ภาษามัลดีฟส์ก็ฟังลูกสาวมันโม้ให้ฟังตั้งแต่วันแรก ก็พอรู้บ้างสองสามคำเช่นคำว่า ขอบคุณ ก็พูดว่า Shukuriyaa สุขกูริยา (เหมือนจะบอกว่าขอบใจที่ทำให้กูมีความสุข แฮ่ะๆๆ) อีกคำหนึ่งที่ลูกสาวชอบพูด คือ Baraabaru บาร้าบ้ารู หมายถึง ดี ส่วนคำทักทายกันแบบภาษาอังกฤษ how are you เขาก็พูดว่า Haalu kihinei (ฮาลูกิฮินี่) หรือจะพูดว่ายินดีต้อนรับ ก็ต้องพูดว่า มาฮะบา Marhabaa ถ้าจะลากันก็พูด Vekivelanee เวกิเวลานี่ ได้แค่นี้แหละ

เกาะเวบบินฟารูที่เราพักอยู่นี่ห่างจากสนามบินมาเล่ ๑๗ กิโลเมตรไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เวบบิน แปลว่า รอบ ฟารู แปลว่า reef ครับ ที่นี่บันยันทรีเข้ามาเทคโอเวอร์เมื่อปี ค.ศ.๑๙๙๔

วันนี้ฝนตกทำเอาเซ็งไปเลยต้องอยู่ในห้องก็เลยเอาโปงลางสะออนมาเปิดดูหัวเราะกันสนุกสนาน จนกระทั่งบ่าย ๒ โมงฝนหยุดแล้วก็ให้แม่บ้านไปทำสปา ๔ โมงครึ่งผมกับลูกชายก็นั่งเรือไปที่โรงแรมอังสนา เพื่อดำน้ำ ดำได้ ๔๕ นาทีน้ำเริ่มขุ่นก็เลยเลิกดำ วันนี้ไม่เจอเต่า แต่…เจอไอ้หลามขนาดวัยรุ่น ตอนนั้นลูกชายผมถือกล้องอยู่ในมือแต่กำลังเงยหน้ามาจัดการกับหน้ากาก ผมก้มลงไปดำ เฮ้ย! ไอ้หลามรีบบอกลูกชายให้ถ่ายภาพ แต่ไม่ทันเห็นแต่หาง และตอนนั้นน้ำเริ่มขุ่นแล้วเลยไม่ได้ภาพมา นั่งรอเรือกลับอยู่พักหนึ่ง พอดีมีเรือมาส่งของและจะไปส่งของที่โรงแรมบันยันทรีจึงขออาศัยกลับ เรือระหว่างเกาะจะมีเป็นเวลาครับ ๒ ชั่วโมงจะออกจากท่าครั้งหนึ่งครับ วิ่งทั้งวันเป็นเรือบริการฟรีของโรงแรม แต่ลีลาการขับเรือเจ๋งมากครับ เวลาเขาจะบังคับหางเสือ เขาใช้เท้าถีบให้มันปรับทิศทาง หนูนิวบอกว่ามันเท่กว่านี้อีก คนขับบางคนจะยืนคร่อมคันบังคับแล้วบิดก้นไปมา ลองนึกภาพดูนะครับผมว่ามันคงจะตลกมาก…เฮอะๆๆ(จะดูการขับเรือต้องย้อนกลับไปดูบันทึกที่ผ่านมาครับ)

มัลดีฟส์

วันนี้เราดินเนอร์กันที่ห้องอาหารของโรงแรม อาหารช้ามากกว่าจะทานเสร็จก็สามทุ่มกว่าได้เวลาไปขึ้นเรือไปสนามบิน ลูกสาวไม่ได้ไปส่งเพราะแขกเข้าพักเยอะ เขาส่งเราที่ท่าเรือ ผมกอดลูกสาวนิ่งๆ ลูบหัวเขา หอมเขาด้วยความรู้สึกรักและเป็นห่วง เขาก็เริ่มร้องไห้ พอแม่เขากอดอีกคนคราวนี้น้ำตาไหลเป็นเผาเต่าเลย แต่อย่างน้อยการที่เราได้มาเที่ยวมัลดีฟส์ครั้งนี้ ทำให้ลูกสาวหายเหงาหายคิดถึงได้บ้าง เราก็ได้เที่ยวในสถานที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ไปเที่ยวเพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่เราคิดของเราว่า มนุษย์เราแสวงหาความร่ำรวยจากเงินทอง มนุษย์มักแสวงหาผลประโยชน์เข้าหาตัวก่อน แม้แต่ครอบครัวคนในครอบครัวก็มักคิดถึงตัวเองก่อน เช่น พ่อบ้านแอบไปหาความสุขนอกบ้านก็เพราะแสวงหาผลประโยชน์เข้าหาตัวเองก่อน แล้วก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง แต่ครอบครัวเราคิดถึงความสุขของครอบครัวก่อน เงินทองเป็นของนอกกาย เพื่อนผมบอกว่า “เงินไม่ใช่พระเจ้า แต่คนพระเจ้าต้องใช้เงิน” แต่เราว่าความสุขในชีวิตประจำวันมีความสำคัญมากกว่าเงินทอง

มัลดีฟส์

คนในครอบครัวจะประสบความสำเร็จในชีวิต หากคนในครอบครัวรักกันและเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน

เรากลับมาถึงเมืองไทยอย่างสโหลสเหลเพราะการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา ทิ้งสาวมัลดีฟส์ให้ทำงานต่อและการเติมพลังให้สาวมัลดีฟส์ก็จะทำให้หนูนิวมีกำลังใจที่เข้มแข็งที่จะต่อสู้กับความเหงา ปัญหาที่เกิดขึ้นจากงานและจากคน และผมเชื่อว่าลูกสาวผมทำได้…..

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ไปเยี่ยมสาวมัลดีฟส์๔

Next : อเมริกาฮาเฮ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กันยายน 2009 เวลา 19:25

    เย้ เห็นภาพแล้ว ทะเลสีสวยมากเลยค่ะ หาดทราย สายลม สี่เรา น่ารักจริง ๆ ^ ^

    สาวพื้นเมืองสวยมั้ยคะ หน้าตามาทางเอเชีย? ทำไมภาษาเขียนถึงเขียนเหมือนอักษรจีนล่ะคะ อยู่คนละทิศกับจีน-ญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอคะ คนละมหาสมุทรด้วย

    เปลี่ยนจากสุลต่านมาเป็นสาธารณรัฐ แสดงว่าเป็นประชาธิปไตย? มีประธานาธิบดี?  มีสินค้าไทยไปขายที่นั่นบ้างมั้ยคะ

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กันยายน 2009 เวลา 23:48

    อยากไป แต่ยังไม่มีโอกาศครับ

  • #3 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 กันยายน 2009 เวลา 11:28

    สาวมัลดีฟส์ผิวเข้มตาเข้มแบบมุสลิมทั่วไป บังเอิญว่าอยู่แต่ในโรงแรมที่มีพนักงานทั้งคนไทย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น หลากหลายและส่วนใหญ่ที่เจอเป็นผู้ชายเลยไม่อาจเปรียบเทียบความสวยของสาวพื้นเมืองมัลดีฟส์โดยรวมได้ /เอ..ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขียนเหมือนอักษรจีน อิอิ เพราะแปลเอาจากเอกสารของโรงแรม แต่อะไรมันก็เป็นไปได้ อย่างเดิมเป็นเมืองพุทธแล้วกลายเป็นมุสลิมทั้งเกาะ/ใช่แล้วมัลดีฟส์เป็นประชาธิปไตยมีประธานาธิบดีครับ/ถามลูกสาวแล้วสินค้าไทยมีขายครับ มาม่า ยำยำ แต่ประเภทไม่มีส่วนผสมของหมู นะ….

  • #4 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 กันยายน 2009 เวลา 11:31

    พี่บู้ธครับ
    ถ้ามีโอกาสรีบไปเที่ยวนะครับ เขาว่ากันว่ามันจะจมน้ำแล้วครับ ตอนนี้ก็อยู่เหนือระดับน้ำทะเลไม่เกินสองเมตรแล้ว
    อ้อ..ผมไปเปิดเมล์ พี่ส่งข้อความแต่เป็นไฟล์ .docx เครื่องผมอ่านไม่ได้ ขอความกรุณาส่งใหม่เป็น doc ธรรมดาได้ไหมครับ อิอิ ผมยังใช้ office 2003 อยู่ครับ ถ้าทันสมัยมากเครื่องที่ทำงานก็จะมีปัญหาอีก อิอิ เชยแหลก

  • #5 Ugg Outlet Online ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 ตุลาคม 2014 เวลา 5:05

    Its like you read my mind! You seem to know a lot about this, like you wrote the book in it or something. I think that you could do with some pics to drive the message home a bit, but other than that, this is wonderful blog. A great read. I’ll certainly be back.
    Ugg Outlet Store Cheap Uggs Boots Coach Bag Outlet Cheap Ugg Slippers.

  • #6 Coach Factory Outlet Online Sale ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 ตุลาคม 2014 เวลา 3:31

    Coach Factory Outlet Online Store, It is appropriate time to make a few plans for the long run and it is time to be happy. I have read this submit and if I could I wish to suggest you few attention-grabbing things or tips. Perhaps you could write subsequent articles regarding this article. I wish to read even more things approximately it! Coach Wallets Outlet
    Coach Factory Outlet Online Sale http://peterlongogolfshow.com/coach/


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.59989595413208 sec
Sidebar: 0.92763781547546 sec