อเมริกาฮาเฮ

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 12 กันยายน 2009 เวลา 7:51 ในหมวดหมู่ ท่องเที่ยว, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 1310

ในอดีตเมื่อเป็นเด็ก ผมได้ไปสิงคโปร์และญี่ปุ่นก่อนพ่อ เพราะพ่อสนับสนุนให้ไป พอมีลูกผมสนับสนุนให้ลูกชายไปสอบแข่งขันและได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของสโมสรโรตารี่ที่รัฐมิสซูรี่ แต่นึกในใจว่าแล้วผมจะมีปัญญาไปอเมริกาได้ไงเพราะแค่ผ่อนบ้านก็หมดแรงแล้ว แต่แล้วปลายเดือนกันยายน ๒๕๔๗ ท่านอัยการสูงสุดขณะนั้นได้เซ็นคำสั่งให้้้พี่รุ่งโรจน์,ผมและอ้วน(อัยการทั้งสามท่าน)ไปราชการช่วยเหลือทางกฎหมายแก่คนไทยในแอลเอ,ซานฟรานซิสโก,อลาสก้าและแคนาดา โอ..พระเจ้าจอร์จ กล้วยทอด มันยอดมาก เป็นที่ฮือฮาของแวดวงอัยการที่ม้าบ้านนอกได้ไปเมืองนอก ฮ่าๆ แต่ต่อมากระทรวงการต่างประเทศได้ตัดโปรแกรมที่แคนาดา น่าเสียดาย อิอิ

หลังจากโทรคุยเกี่ียวกับโปรแกรมการเดินทาง อ้วนถามว่าจะอยู่เที่ยวลาสเวกัสกับเขาไหม เขาจะไปเยี่ยมลูกต่อ ผมก็ตกลงและบอกว่าผมเที่ยวกับคุณสัก ๓ วันแล้ว ผมจะไปเยี่ยมครอบครัวอุปถัมภ์ของลูกชายที่มิสซูรี่ด้วยเพราะอยากไปขอบคุณพวกเขาสามครอบครัวที่ดูแลลูกชายผมเป็นอย่างดี ในที่สุดโปรแกรมก็กลายเป็นว่าเลือดสุพรรณไปไหนไปกัน ลาพักผ่อนต่อกันทั้งสามคนแล้วขับรถเที่ยวกันด้วย บ่ะ..คงมันเข้าท่า

อ้วนบอกว่าแต่จะขับรถมันต้องมีใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศนะ..ต้องไปทำที่กรมการขนส่ง พี่ต้องขึ้นกรุงเทพล่วงหน้า ๑ วัน เอาสำเนาทะเบียนบ้าน,สำเนาพาสปอร์ต,สำเนาใบอนุญาตขับรถพร้อมตัวจริงและสำเนาบัตรประชาชน ไปด้วยและอย่าลืมอีกอย่างหนึ่งครับเอา ภาพถ่ายขนาด ๒ นิ้ว อีก ๒ รูปด้วยครับ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดหรอกครับเดี๋ยวนี้การบริการของกรมการขนส่งทางบกยอดเยี่ยมมาก แล้วผมก็ได้รับใบอนุญาตขับระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต
วันเดินทางกำลังจะมาถึง จะได้ขึ้นเครื่องการบินไทย ชั้นธุรกิจ ไปลงที่สนามบินนาริตะ (ในวันที่ ๘ ต.ค.) แล้วต่อเครื่องไปแอลเอ ตื่นเต้นครับนอนไม่ค่อยหลับไม่ใช่อะไรหรอกครับเมื่อคืนก่อนขึ้นเครื่อง พี่ที่เคารพนับถือชวนผมไปเลี้ยงส่งบอกให้พาเพื่อนไปด้วย ไปดื่มเพื่อความสนิทสนมให้มากขึ้น อ้วนพาอัยการรุ่นน้องไปดื่มกับผมด้วย หมดไปเกือบขวดลิตร กลับถึงที่พักก็เกือบเที่ยงคืน จัดกระเป๋าให้เข้าที่ก็เที่ยงคืนพอดี การคำนวณของผมดีมากพอโหลดขึ้นเครื่องน้ำหนัก ๓๐ กิโลพอดี

๙ ตุลาคม ๒๕๔๗
ตื่นตั้งแต่ตีสี่เศษอาบน้ำแต่งตัว ตีห้าหนุ่ยเพื่อนอัยการรุ่นน้อง ก็มารับไปสนามบิน มีท่านอธิบดีตระกูล วินิจนัยภาค มาส่งด้วย พอไปเช็คอินปรากฏว่านั่งติดกับท่านรองปลัดกระทรวง ท่านเฉลิมพล ก็ซัดอาหารเช้ากันก่อน ผมจัดการกับแซลม่อนย่าง เป็นอาหารญี่ปุ่น แอร์โฮสเตสหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสหน้าไม่หุบเลย ผมนั่งนึกในใจว่าหน้าเหมือนญี่ปุ่นแต่เวลาพูดเป็นเสียงคนไทย รับชาหรือกาแฟคะ เสียงคนไทยชัดๆ โต๊ะข้างผมเป็นญี่ปุ่นได้ยินแอร์พูดภาษาญี่ปุ่นกับแขกชัดมากยังนึกชมในใจว่าเธอพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดี สักพักหนึ่งเธอเดินถือกระดาษมาแจกผู้โดยสาร คราวนี้ผมใบ้เลยเพราะไม่รู้ว่าเธอถามอะไร เห็นเอกสารเป็นภาษาญี่ปุ่นก็งง แล้วก็หยิบอีกใบมีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษมาชูแล้วเธอพูดภาษาซึ่งผมฟังว่าภาษาไทยนะ แต่ผมฟังไม่รู้เรื่อง ฮา…ท่านรองปลัดกระทรวงก็พูดภาษาอังกฤษ บอกเธอว่าเราจะเดินทางไปแอลเอไม่ได้ไปญี่ปุุ่น ผมตบเข่าฉาดรู้เรื่องทันทีว่าเธอถาม อะไรผม เธอพูดอย่างนี้ครับ “ต้งการเอ๊กกะสารหนี้ไมก๊ะ” อา..รู้ในบัดเดี๋ยวนั้นเลยครับว่าสาวญี่ปุ่นแน่นอน อิอิ..

ที่เขาว่าสุดยอดคืออยู่บ้านฝรั่ง กินอาหารจีน มีเมียญี่ปุ่น สงสัยท่าจะจริง แต่ไม่รู้ว่าในชีวิตจริงเธอจะหน้าบึ้งกับสามีเป็นหรือเปล่า ถามเจ้าอ้วนผู้สันทัดกรณีว่า ผู้หญิง ญี่ปุ่นหน้าบึ้งบ้างไหม มันบอกว่า ในโลกนี้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่จะไม่ หน้าบึ้งกับผัว ไม่มี…มันลากเสียงยาว เออ ตูเชื่อ…ฮา

ถึงนาริตะแล้วเวลาแตกต่างกัน๒ชั่วโมง ขาลงเครื่่องสั่นทั้งลำ มารู้ภายหลังว่าเจอไต้ฝุ่นเข้าให้ เฮ้อ…เกือบเสร็จ เจอป้ายยกเลิกเที่ยวบินหลายเที่ยว ผมเดินหาไปรษณีย์ไม่เจอเลยไม่ได้ส่งไปรษณีย์บัตร ขณะนั่งเขียนบทความนี้ กำลังรอขึ้นเครื่อง ไปลอสเองเจลิสยังเสียวอยู่ว่าขึ้นได้หรือไม่เพราะฝนตกหนักท้องฟ้ามีแต่เมฆ แต่ทีมของกระทรวงการต่างประเทศแยกบินไปอีกเที่ยวนึงเขาไปแล้วครับ พวกเราขึ้นไปนั่งอยู่บนเครื่องพักใหญ่ก็ถูกเชิญลง เพราะฝนยังตกหนัก และบินขึ้นไม่ได้เพราะ ทั้งลมทั้งฝน เจอพายุไต้ฝุ่นเบอร์๑๒ ลงมานั่งแหง่วอยู่บริเวณที่พักผู้โดยสาร อยู่ๆก็บอกให้เอาบอร์ดดิ้งพาสไปรับอาหารว่างมีขนมกับน้ำส้มคนละกระป๋อง เจ้าอ้วนบอกว่าไม่ต้องไปกินมันหรอกพี่ เรานั่งชั้นธุรกิจเราไปที่เล้าจน์ดีกว่า พอเราเดินไปจะขอเข้าไปใช้สิทธิที่เลาจน์ก็ไม่ยอมให้เราเข้า เขาบอกว่าเพราะกัปตันยกเลิกเที่ยวบินไปแล้้วดังนั้นผู้โดยสารจึงไม่มีสิทธิใช้ห้องนี้ จ๊าก….แล้วเราก็เดินจ๋อยๆไปเข้าแถวเอาขนมกับน้ำส้มมากินกัน ฮา….

แล้วข่าวร้ายก็มาถึงก็คือเราต้องออกจากสนามบิน แล้วจะไปพักที่ไหนก็เรื่องของเรา แล้วเราต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เอง เครื่องวันพรุ่งนี้ก็เต็ม เขาถือว่าเขาไม่ต้องรับผิดชอบเพราะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ใช่ความผิดพลาดของเครื่องหรือของนักบิน โอ้อนาถหนอชีวิตข้าฯ จะไปเมืองนอกทำไมมันยากเย็นนักว้า…อิอิ

เราเดินไปเดินมาที่สนามบินนาริตะ จะติดต่อเรื่องรถมั่งโรงแรมมั่งจนเวลาผ่านไปถึงสี่ทุ่มกว่าก็ยังไม่รู้เรื่องเพราะคนเข้าคิวที่ตู้โทรศัพท์ยาววววมากรู้สึกหิวก็เลยไปกินอูด้ง ชามละ๙๐๐กว่าเยน หมดไป๔,๔๙๐ เยนมื้อนี้เสี่ยฑูรควักกระเป๋าเลี้ยงฉลองการเดินทางที่เริ่มต้นด้วยความสมบุกสมบัน ฮา.. ในที่สุดก็ได้โทรศัพท์จะเข้าไปในเมืองค่าแทกซี่ประมาณ ๘,๐๐๐ บาทกว่าติดต่อโรงแรมได้ก็ปา เข้าไปเที่ยงคืนกว่าแต่พอถามเรื่องรถจะไปที่พักปรากฎว่ารถไฟใต้ดินปิดทำการแล้ว ถ้าไปแทกซี่ก๋นั่นแหละ ๘,๐๐๐ บาท มันจะไหวเร้อ…
อเมริกาฮาเฮ

ผมเห็นผู้โดยสารหลายคนถือที่ถุงนอนก็เลยไปถามว่าเขาซื้อที่ไหน แต่คำตอบก็คือสายการบินเขาแจก พี่รุ่งโรจน์จึงบอกว่าจะไปหาถุงนอน ให้ผมกับอ้วนเฝ้ากระเป๋า พี่รุ่งโรจน์หายไปประมาณครึ่งชั่วโมงยังไม่ได้เรื่อง ผมก็เลยออกไปตาม ปรากฏว่าไม่รู้พี่รุ่งโรจน์ไปพูดยังไงพนักงานสาวชาวญี่ปุ่นเข้าใจว่ากระเป๋าพี่รุ่งโรจน์หาย ฮา….ผมไปคุยด้วยจึงรู้เพราะพี่รุ่งโรจน์ไปบอกว่าต้องการ baggage เขาถามว่ามากันกี่คนกระเป๋ากี่ใบ หายไป ๑ ใบใช่ไหม ผมบอกว่าไม่ใช่หรอก กระเป๋ายังอยู่ครบที่เราต้องการไม่ใช่ baggage แต่เราต้องการ blanket ไปโน่นเลย ฮา..ลงทะเลไปเลย สาวญี่ปุ่นร้อง ไฮ้…เข้าใจแล้ว ยูต้องการผ้าห่ม ฮา….แต่ที่เคาว์นเตอร์ไม่มี ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราหาให้…รออยู่สิบนาทีเธอก็ยังไม่มา ตัดสินใจไม่เอามันแล้ว หาที่นอนดีกว่าหาที่นอนได้อย่างดีที่สุดคือหน้าห้องน้ำ..ฮา…แต่สาวญี่ปุ่นคนนั้นยังตามหาพวกเราจนเจอแล้วเอาผ้าห่มมาให้ ประทับใจมากๆเลยนะจ๊ะ คูลิโกะ…อิอิ มารู้ทีหลังว่าถุงนอนเขาเรียก sleeping bag ฮา…..เจ้าอ้วนมันจบโทอเมริกาแต่พี่รุ่งโรจน์กับผมจบเมืองไทย ถ้าให้เจ้าอ้วนมันไปเอาก็จบไปนานแล้ว ฮา…(ยังมีต่ออีกหลายตอน ยาวกว่ามัลดีฟส์อีกขอบอก..อิอิ)

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : สาวมัลดีฟส์๕

Next : ฮาเฮอเมริกา » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 กันยายน 2009 เวลา 10:46

    กำลังสนุกครับ

  • #2 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 กันยายน 2009 เวลา 12:17

    อิอิ….อ่านไปหัวเราะไป…สนุกมั่กๆๆๆ ค่า

  • #3 สุวรรณา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 กันยายน 2009 เวลา 16:35
    อิอิ สนุกๆๆๆ ค่ะ วันนี้เป็นเมียที่หน้าบึ้ง อีกคนค่ะ  หุงข้าว ทอดปลาของชอบให้สามี  แต่เช้ามืด เตรียมอาหารให้ค่ะ นึกว่าสามีนอนบนห้อง แต่ที่ใหนได้ หายไปใหนก็ไม่รู้ โทร.. ตามตั้งแต่เที่ยง แล้ว บอกเดี๋ยวกลับบ้าน ผ่านมา 4 ชั่วโมง ครึ่งแล้ว  เดี๋ยวเฮ้อ  หึ้มๆๆๆ 55555
  • #4 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 กันยายน 2009 เวลา 21:07

    พี่บู้ธครับ วันละตอนคงน่าจะพอนะครับ อิอิ
    อุ้ย อย่าหัวเราะมากนะครับ เดี๋ยวกรามค้าง ฮ่าๆ
    พี่นิด ใจเย็นๆน่า…อิอิ

  • #5 Turgut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 เมษายน 2014 เวลา 19:33

    All things cornsdeied, this is a first class post


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.03402304649353 sec
Sidebar: 0.047876119613647 sec