โอยเสียว..ไม่อยากคิดต่อ (ควายเซ็นเตอร์๑)

โดย withwit เมื่อ 28 February 2012 เวลา 6:46 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1568

 

“การปฏิรูปการศึกษา” ที่เริ่มเมื่อต้นทศวรรษที่ 2540 นั้น ได้นำสู่รูปแบบการศึกษาแบบ  ”เด็กนักเรียนเป็นศูนย์กลาง” ดังที่นิยมเรียกเป็นภาษาต่างด้าวกันโก้หรูว่า child-centered learning   

 

มันเป็นระบบที่ “นักการศึกษาไทย” เราไปลอกฝรั่งเขามา เหมือนกับที่นักวิชาการการเมืองไทยไปลอกปชต.ฝรั่งมายังไงยั้งงั้น

 

ที่ลอกเขานั้นลอกได้แต่ชื่อ  ส่วนการนำสู่การปฏิบัตินั้น ทำไม่ได้ เลยกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่ง (นอกเหนือจากปชต.) ที่กำลังกัดกร่อนชาติไทยอย่างรุนแรงที่สุด (หลักฐานดูได้จาก….http://www.gotoknow.org/blogs/posts/479293)

 

คนระดับล่างแบบเราๆที่พอจับสำเนียงภาษาต่างด้าวออกก็เหน็บแนมเอาแบบคมคายด้วยความคล้องจองทางภาษาว่าเป็นการศึกษาแบบ “ควายเซ็นเตอร์” หรือ เอา”ควายเป็นศูนย์กลาง”นั่นเอง

 

แต่ยังกำกวมอยู่ว่า “ควาย” ในที่นี้หมายถึงใครกันแน่..ระหว่างผู้วางนโยบาย ผู้สอน กับผู้รับการสอน

 

ก่อนหน้านี้ (ท่าน) ว่ากันว่า เราสอนกันแบบ “ครูเป็นศูนย์กลาง”  (teacher-centered learning)  ที่ครูยัดเยียดความรู้ให้นักเรียน ทำให้ไม่ตรงกับความต้องการของนักเรียน ทำให้ไม่พัฒนาความคิด โดยเฉพาะความคิดสร้างสรรค์  

 

(ธ่อ…ขนาดไม่ให้พวกมันคิดสร้างสรรค์นะเนี่ย..มันยังคิดหาวิธีทำลายโลกได้มากหลายร้อยแปด จนจะวายวอดกันหมดโลกอยู่รอมร่อแล้ว  แล้วถ้าสอนให้มันสร้างสรรค์กว่านี้ โอย..ไม่อยากคิดต่อ)

 

ผมขอสะกิดนิดนึงว่า ทุกวันนี้เนื้อหาวิชาการได้มีปริมาณสั่งสมมานานนับพันปีและมีความลุ่มลึกมากขึ้นเป็นลำดับ  ขนาดเรียนกันในห้องแบบครูบอกความรู้ให้แบบเร็วๆ  (ครูเป็นศูนย์กลาง) ยังเรียนกันไม่หวาดไหว แล้วจะใช้วิธีให้ “เด็กโง่” มานั่งลองผิดลองถูกแบบเด็กเป็นศูนย์กลาง แล้วมันจะมีเวลาทั้งชั่วชีวิตนี้เพียงพอต่อการเรียนรู้หรือ

 

โดยเฉพาะเรียนรู้ว่า โลกร้อนมากแล้วนะ ต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด แต่ถ้ามัวรอให้เด็กโง่พวกนี่ไปเรียนรู้ด้วยตนเอง กว่าที่จะลงมือแก้ไข ผมว่า โลกมันจะพังเสียก่อน

 

..เอาไว้อ่านต่อตอน๒ นะครับ

 

…คนถางทาง (๒๘ กพ. ๒๕๕๕)

« « Prev : กรณีฟอร์บจัดอันดับความร่ำรวยในหลวงของเรา

Next : เพศศึกษา..ด้านจริยธรรมการเมือง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 February 2012 เวลา 7:29 pm

    ผมได้ยินและเห็นสัมนากันทั้งประเทศในเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2518 ปีที่ผมเข้าเรียนที่เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยก็เชิญนักวิชาการด้านต่างๆมาคุยให้ฟังต้องอย่างนั้นอย่างนี้ กระทรวงศึกษาก็จ้างฝรั่งต่างชาติมาเป็นผู้เชี่ยวชาญนั่งประจำในกระทรวง แล้วก็เขียนหนังสือเรื่องการปฏิรูปมาตั้งแต่สมัยนั้น สมัยนั้นทำให้ผมรู้จัก นักการศึกษาที่โลกยกย่องหลายคน หาหนังสือมาอ่าน เพราะดันออกข้อสอบด้วย

    มีการวิภาคหลักสูตรมากมาย มีการยกตัวอย่างการเรียนการสอนในต่างประเทศที่เขาว่าก้าวหน้ากันมากมาย แต่กระทรวงก็ยังไม่กระดิก จนเอกชนทนไม่ไหว คนที่สนใจการศึกษาจึงไปตั้งโรงเรียนเอง เอาปรัชญาฝรั่งมังค่าเข้ามาดัดแปลงใช้ เช่น แนวคิด summer hill คุณพิภบ ธงชัย ญาติห่างๆผมก็เอาไปตั้งโรงเรียนเด็กที่กาญจนบุรี ต่อมาก็ โรงเรียนของท่าน ดร.อาจอง ชุมสาย ปัจจุบันก็มีโรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนไม้ไผ่ของมีชัยที่ลำปลายมาศ และที่ไม่ประชาสัมพันธ์ก็มี ที่เป็นอาศรมก็มี เพราะไม่เชื่อระบบกระบวนการเรียนการสอนแบบของกระทรวงอีกต่อไป

    ผมเองก็เอาลูกสาวออกกลางคันที่โรงเรียนดังของขอนแก่น เพราะครูสั่งให้ลูกเอากิ่งมะม่วงตอนไปส่งเพื่อเอาคะแนนในเวลา 1 สัปดาห์ บ้าฉิบ…..ตอนกิ่งมะม่วงประเทศไหนมันออกรากใน 1 สัปดาห์ ผมไปอาละวาดที่โรงเรียนแล้วเอาลูกสาวออกเลย ส่งไปเรียนสองภาษาของหมอวันชัย เจ้าพ่อสันติศึกษา 1 เทอม แล้วเลยไปเรียน high school ที่ NZ

    ผมอยากบอกว่า ผมสนใจโรงเรียน โรงเรียนที่แหวกระบบออกมานั่น ทฤษฏีการศึกษาเรามีมากมาย มีดร.จบด้านนี้จะชนกันตาย แต่เด็กไม่ไหวเลย

  • #2 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 February 2012 เวลา 8:21 pm

    ๕๕ ..พี่บางทรายแว้นได้เข้าที

    “นักการศึกษา” ไทย ไม่ต่างอะไรกับ “นักการเมืองไทย” คือ คิดได้แต่ลอกฝรั่งมา “ทั้งดุ้น” โดยไม่มองบริบทประเทศไทยบ้างเลย

    เรืองการเรียนการสอนนี้ผมยังมีอีกหลายตอนครับ ท่านใดสนใจ มาแว้นต่อท้ายกันได้ครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.36506009101868 sec
Sidebar: 0.37453007698059 sec