เพศศึกษา..ด้านจริยธรรมการเมือง
เมื่อก่อนพศ. ๒๕๕๕ (สอง..ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ) ประเทศไทยเรามีนรม. เป็นชาย (รวมทั้งชายนะจ๊ะ) มาตลอด ..ผมได้สังเกตว่าการสื่อสารทั้งในและนอกสภาจะมีภาษาที่ลำเอียงมาทางเพศชายหลายคำ ที่เป็นที่ยอมรับกันในสังคม (โดยเพศหญิงก็ยอมรับไปกะเขาด้วยโดยปริยาย)
เช่น คำว่า “โสเภณีการเมือง” ..ที่พวกสื่อ และพรรคฝ่ายค้านชอบยกอ้างกันมากจริงๆ จนเกร่อ (ขนาดผมไม่ฟัง อ่าน มานานแล้วด้วยความสะอิดสะเอียนยังรับทราบ)
ขืนถ้าใครนำวลีนี้ไปวิจารณ์รัฐบาลไทยในวันนี้ (ทั้งในและนอกสภา) ที่มีนายกฯหญิง สภาคงล่มแน่ๆ เพราะจะมีฝ่ายค้านกลุ่มต่างๆ ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ (ประจบ) กันระนาว ทั้งที่เมื่อก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือน ก็ใช้คำนี้กันเกลื่อนสถา ทั้งจากปากของสส. ชาย และหญิง และเพศอื่น โดยไม่มีคำทักท้วงจากใคร
นักประวัติศาสตร์การเมืองน่าไปค้นกันว่า คำคำนี้มันมาได้อย่างไร ( หรือว่า เราลอกเลียนคำนี้มาจากฝรั่ง ที่มีคำว่า political whore? )
คนไทยเราฟังคำนี้แล้วก็พอนึกภาพออกโดยไม่ต้องอ้างที่มา (ที่อาจมาจากฝรั่ง หรือว่าฝรั่งลอกเราไปก็ไม่รุ) … คือเรานึกออกว่า เรามันมีกำลังน้อย แต่มีความโลภมาก ดังนั้น เพื่อ “ความอยู่รอด” เราต้องยอมเสีย “ความบริสุทธิ์” แลกกับเงินทองที่เขาให้ นั่นเอง …ซึ่งกิริยาอาการนี้ มันเป็น “สากล” ไปแล้ว ที่ข้ามพ้นเส้นแบ่งแห่งภาษาไปแล้ว..ไม่ต่างอะไรกับ โล “ภา” ภิวัฒน์ ที่ไทยเรา “ถ่างขาอ้ารับ” ยังกะโสเภณีระดับสากล
ยังมีอีกหลายคำ ที่ “ลำเอียงทางเพศ” ที่ไม่อาจพูดได้
ในสภาฝรั่ง.. พวก สส. สว. ก็นิยมสบถ (swear) กันว่า ”oh..man” ซึ่งลึกๆแล้วน่าจะถือได้ว่าเป็นการลำเอียงทางเพศประการหนึ่ง ดังนั้นทางที่ดีเพื่อป้องกันการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง และเพื่อความเสมอภาคทางเพศ กฎหมายรัฐธรรมนูยควรกำหนดไปเลยว่า การสบถทำนองนี้ควรสบถว่า… oh..lady and gentleman
ชักยาวแล้ว…โปรดอ่านต่อตอน ๒
___คนถางทาง (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕)
« « Prev : โอยเสียว..ไม่อยากคิดต่อ (ควายเซ็นเตอร์๑)
Next : โจรใส่รองเท้าส้นสูงและพอกหน้า » »
ความคิดเห็นสำหรับ "เพศศึกษา..ด้านจริยธรรมการเมือง"