กรณีฟอร์บจัดอันดับความร่ำรวยในหลวงของเรา

โดย withwit เมื่อ 23 February 2012 เวลา 10:43 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1863

 

 

นักวิชาการที่ดีนั้นต้องวางตัวยิ่งกว่าเป็นกลางเสียอีก ผมว่าจะให้ดีที่สุดต้องวางตัว “เหนือกลาง”  คือ ไม่ซ้าย ไม่ขวา และไม่กลางด้วย (แหะๆ ใช่ว่าจะยอตัวเองนะ เพราะนี่คือ คติพจน์ประจำบล็อกผมมาแต่แรก)

 

แต่อนิจจาวันนี้ เราเห็นนักวิชาการที่มีอคติ ที่ตั้งธงไว้ล่วงหน้า แบบนี้มันนักวิชากินเสียมากกว่า

 

เช่น ขณะนี้มีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งที่มีอคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  ก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างอคติ ซึ่งหลายอย่างเป็นวิชาการอำพราง บอกความจริงเสี้ยวเดียว ตัดตอนเอามาพูด หรือไม่คำนึงถึงบริบทในประวัติศาสตร์ เป็นต้น  ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ถ้ากระทำไปโดยโฉดเขลาก็ไม่ว่ากันเพราะสี่ตีนยังรู้พลาด แต่บางคนดูออกเลยว่า “แกล้งโง่”

 

 

มาถึงตอนนี้ผมยอมรับผิดอยู่เรื่องหนึ่ง คือ เรื่องทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ทสม)  คือเมื่อก่อนผมก็คิดว่าเป็นทรัพย์สิน “ส่วนพระองค์” (ทสอ) แต่ความจริงเป็นคนละส่วนกัน  กล่าวคือ ทสอ. นั้นเป็นทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี ส่วนทสม. ไม่ต้องเสียภาษี ที่ไม่ต้องเสียภาษีนั้นผมเดาว่าเพราะเจตนารมณ์ดั้งเดิมของกฎหมาย (ที่ร่างโดยนักการเมืองในระบอบปชต. ภายหลังการยึดอำนาจของคณะราษฎร์) ก็เพื่อให้ทรงใช้กำไรที่ได้จากการนี้ในกิจการการกุศลต่างๆ “ตามพระราชอัธยาศัย”  

 

สำนักงาน ทสม. เป็นเจ้าของกิจการบางอย่าง เช่น ปูนซีเมนต์ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ (ที่ตอนนี้ดูเหมือนเป็นของสิงคโปร์ไปแล้ว) และ เป็นเจ้าของที่ดินในกทม.และภูมิภาค  กำไรที่ได้จากกิจการเหล่านี้มีผู้ประเมินว่าปีละประมาณหมื่นล้านบาท โดยสนง. ทสม. นั้นมีบอร์ดบริหารห้าคน มีรมว.คลังเป็นประธาน และ กรรมการอีก 4 ท่าน แต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์  กำไรที่ได้จากกิจการให้ใช้ได้ตามพระราชอัธยาศัย

 

แต่คำว่า “ตามพระราชอัธยาศัย” นี้พวกนักวิชาการอคติไปตีความว่าจะเอาไปทำอะไรก็ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาพยายามชี้นำว่าคงเอาไปเข้าเป็น ทสอ. หมดแน่ๆ  แต่ความจริงแล้วผมว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายก็เพื่อให้ทรงเอาไปใช้ในกิจกรรมการกุศลต่าง ๆเพื่อพสกนิกร เช่น บรรเทาทุพภิกขภัยต่างๆ   หรือ เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อกระทำหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ เช่น การต้อนรับแขกเมือง การเสด็จเยี่ยมพสกนิกร  หรือแม้แต่ค่าใช้สอยจิปาถะเช่น การอุปถัมภ์งานพระราชทานเพลิงศพ ทหารทุพลภาพจากการป้องกันประเทศ   เป็นต้น

 

ซึ่งการเอาไปใช้เป็น ทสอ. นั้นคงยากเนื่องเพราะบอร์ดที่ต้องรับทราบการใช้จ่ายนั้นมี รมว. คลังจากฝ่ายการเมืองเป็นประธานบอร์ด จริงอยู่แม้บอร์ดไม่มีอำนาจในการใช้เงิน แต่เพียงแค่รับทราบการใช้มันก็เป็นการถ่วงดุลที่เพียงพอแล้ว  หากพระมหากษัตริย์น้ำไปใช้เป็น ทสอ. ก็คงจะทำให้พระราชอำนาจเสื่อมถอยเป็นแน่ (จะเกิดการนินทาต่อไปในวงกว้าง)

 

การที่นิตยสารฟอร์บเอาไปจัดอันดับว่าในหลวงของเราเป็นผู้นำที่ “รวย”ที่สุดในโลกก็ผิด 100% เพราะเขาเอา ทสม. ไปรวมเป็น ทสอ. นั่นเอง แต่ทสม. นั้นไม่ใช่ ทสอ. โดยสิ้นเชิง ดังอธิบายแล้ว อีกทั้งถ้าทรงพ้นจากพระราชอำนาจ กษัตริย์องค์ต่อไป ก็มีอำนาจใช้เงินก้อนนี้แทนพระองค์ (แม้นว่ากษัตริย์องค์ต่อไปอาจมีพระนามว่า “ทักษิณมหาราช”ก็ตามที)   ดังนี้แล้วมันเป็นเงินที่มากับตำแหน่งกษัตริย์ ไม่ใช่เงินของกษัตริย์  ถ้าเป็นเงินส่วนพระองค์ก็ต้องตกเป็นมรดกของรัชทายาทสิไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปก็ตาม  ดังนั้น ฟอร์บคำนวณผิดแน่นอน ไม่ได้ผิดน้อย แต่ผิดไป 90% โน่นเทียว

 

ว่ากันว่า ตึกที่ประทับของในหลวงที่วังสวนจิตรฯ นั้นเป็นตึกขนาดเล็กๆ ที่เล็กกว่าบ้านคหบดีจำนวนมากเสียอีก น่าจะเป็นตึกที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินที่เล็กที่สุดในโลกก็ว่าได้  ข้อนี้ฟอร์บคงไม่ทราบ ถ้าทราบก็น่าจะจัดอันดับตึกที่ประทับของผู้นำประเทศดูหน่อยสิ

 

…คนถางทาง (๒๓ กพ. ๒๕๕๕)

« « Prev : แก้รัฐธรรมนูญ..เพื่อทักษิณเรื่องจ้อย

Next : โอยเสียว..ไม่อยากคิดต่อ (ควายเซ็นเตอร์๑) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.051291227340698 sec
Sidebar: 0.0084769725799561 sec