นโยบายการศึกษาไทย

โดย withwit เมื่อ 1 February 2011 เวลา 1:34 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1658

นโยบายการศึกษาไทย..ทำไมถึงห่วยแตกมาทุกยุคสมัย (ขออภัยใช้คำหยาบ ..มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ)

 

เมื่อประมาณ พศ. ๒๕๔๓ (หรือสิบปีมาแล้ว ) ผมได้ เขียนบทความวิงวอนให้รัฐบาลไทย ปรับนโยบายการผลิตนศ. คือให้ลดปริญญาตรีลงมา แล้วเพิ่ม ปวช. ปวส. ผมเห็นว่ามันสำคัญมาจึงเอาบทความนี้ผมเอามาพิมพ์ใหม่แจกใหม่หลายรอบ แต่คงไม่มีใครสนใจอ่าน อย่าว่าแต่ทำตาม

 

จนวันนี้ พศ. ๒๕๕๓ รัฐบาลไทย ที่มีองคาพยพยั้วเยี้ย มีคณะกรรมการที่ปรึกษา ที่มีดีกรี ดร. ทางการศึกษาหลายพันคน เพิ่งมารู้กันว่า  ชิกไหเลี้ยว เรามีป.ตรีล้นตลาดไปมาก และขาดแคลน ปวช. ปวส. ไปมาก  (อย่างนี้ยุบ  คกก. ทางการศึกษาบ้าบออะไรเนี่ย เสียให้หมดแล้วเอาสักเสี้ยวเงินเดือนของพวกนี้มาจ้างผมเป็นที่ปรึกษาแทนดีกว่าไหม ??? ประหยัดงบไปได้ปีละหลายร้อยล้าน แล้วยังได้ข้อมูลเร็วกว่ามากอีกด้วย)

 

ก็มันจะไม่ขาดได้ยังไงในเมื่อรัฐบาล (โดยคำแนะนำของคกก. ที่ปรึกษา) มันโง่ขนาดยกระดับ ราชมงคล ราชภัฎ ที่เคยผลิต ปวช. ปวส. ไปเป็นมหาวิทยาลัยกันหมด   (ซึ่งผมค้านหัวชนฝามาคนเดียวตั้งแต่แรก)  จนเดี๋ยวนี้หันไปสร้างหลักสูตรปริญญาโท-เอกกันเกร่อ  ทั้งที่อาจารย์แทบไม่มีผลงานตีพิมพ์ทางวิชาการอะไรเลย

 

ผมเคยเขียนบอกมาแล้วในบทความก่อนๆ ว่าในสรอ. นั้น เลขานุการสำนักงานส่วนใหญ่จบแค่ม.๖ ส่วนของเราจบ ป. ตรีเป็นอย่างต่ำ บางคนจบโทด้วยซ้ำ  แต่ทำงานไม่เป็น สู้ ม ๖ ในสรอ. ก็ไม่ได้  นี่มันปริญญาเฟ้อ ที่มากับค่านิยมงี่เง่า ที่มีสาเหตุมาจากความง่าวของรัฐบาลไทยนั่นเอง ซึ่งยังทำให้สูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล (เช่นเสียงบการศึกษาโดยไม่จำเป็น สู้เอาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่า และเสียแรงงานไปสี่ปีฟรีๆ)

 

หนทางแก้คือ  เสนอให้ปรับสถาบันราชภัฎ ราชมงคล ให้สอนสายวิชาชีพเท่านั้น จะสอนถึงป.เอก ก็ได้แต่ต้องยังคงเป็นสายวิชาชีพ คือเน้นไปทางการปฏิบัติการนั่นเอง  การสอนป.ตรีก็สอนทางปฏิบัติการด้วย แต่เป็นปฏิบัติการขั้นสูงกว่าปวส.  เช่น การควบคุมการผลิตด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

 

อีกหนทางคือ เราต้องเลิกแบ่งสายวิทย์ สายศิลป์ ในมัธยมปลายได้แล้ว แล้วเปลี่ยนมาเป็น “เมเจอร์” แทน เช่น ให้มีเมเจอร์ วิทย์ ศิลป์ เกษตร ธุรกิจ ช่างยนต์ ไฟฟ้า ช่างเชื่อม คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ถ้าทำได้เพียงเท่านี้เราจะมีสายอาชีพเหลือเฟือที่มาจากนักเรียนมัธยมนั่นเอง

 

ทุกวันนี้เราสูญเสียทางการศึกษาไปมาก จากการที่ไปบังคับให้นร.เลือกเพียงสองสายคือ วิทย์ กับ ศิลป์ ทั้งที่จบออกมาเพียง 30  % เข้าเรียนมหาลัย ที่เหลือส่วนใหญ่ก็ไปสายอาชีพ (เช่นลูกจ้างโรงงาน ห้างร้าน) แต่พวกนี้ดันมีแต่ความรู้ด้านวิชาการวิทย์และศิลป์ที่เอาไปใช้งานโดยตรงไม่ได้ มันเลยเป็นการสูญเสียทางการศึกษาดังกล่าว

 

การทำเช่นนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร ในช่วงแรกๆ การเรียนสายอาชีพอาจเอาไปฝากเรียนกับรร.อาชีวที่มีอยู่แล้ว ส่วนในระยะยาว รร.มัธยมจะต้องสร้าง “ช็อป” สายอาชีพขึ้นมาแล้วมีครูประจำมาสอนด้วย

 

ถ้าเราทำแบบนี้ แล้วเรามีโควตากำหนด มีระบบการแนะแนวที่ดี  เราก็จะมีบุคลากรสายอาชีพทีเพียงพอ  (70% ของ นร.มัธยมทั้งหมด ก็ลองคิดดูว่ามากแค่ไหน)

 

ในขณะเดียวกันรัฐบาลต้องหาทางสร้างค่านิยมในการทำงานสายอาชีพด้วย ให้เป็นแนวทางที่มีรายได้ดี และมีเกียรติด้วย เช่น ในหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนนั้นสายอาชีพมี “บันไดอาชีพ” เป็นของตัวเอง คนที่ไต่ไปถึงตำแหน่งสูงๆ ก็อาจมีเงินเดือนและมีเกียรติไม่แพ้ตำแหน่งบริหารมากนัก 

 

เช่น ถ้ามีตำแหน่ง ผอ.หน่วยงาน ก็อาจให้มีตำแน่ง รองผอ.ฝ่ายปฏิบัติการด้วย โดยเอาคนสายอาชีพเข้ามาดำรงตำแหน่ง (ที่อาจจบเพียงปวช. หรือ ปวส. เท่านั้นเอง หรือ ป.ตรี โท เอก สายปฏิบัติการ จากราชภัฎ ราชมงคล)  รองฯนี้จะทำหน้าที่รับนโยบายจากผอ. เพื่อนำสู่การปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเขามาจากสายนั้นเขาย่อมคุยกันกับคนสายปฏิบัติการได้รู้เรื่องมากกว่า เอา คนจบ โท เอก สายวิชาการ นี่เท่ากับว่าได้นกสองตัวโดยกระสุนนัดเดียว

 

ในสายทหารก็เช่นกัน เรามีแต่นายร้อย นายพัน นายพล เดินกันพุงพลุ้ยเต็มไปหมด  ส่วนนายสิบ จ่า แสนต่ำต้อย เกียรติก็ไม่มี เงินก็ไม่พอกิน ต้องไปรับจ้างเฝ้ายามตอนกลางคืน (แล้วก็ไปหลับยามเสียเป็นส่วนใหญ่ ..รวมทั้งในมหาวิทยาลัยของผมด้วย)  ทั้งที่ในเวลารบนั้นพวกนายสิบ และ จ่า นี่แหละ คือกำลังหลักในการควบคุม “สายอาชีพทหาร” ให้ทำงาน (เพราะเขาใกล้ชิดกัน ส่วนนายร้อย นายพันนั้น วันๆ อยู่แต่สนามกอล์ฟ ลูกน้องระดับพลทหารมันไม่ฟังหรอก)  ส่วนของฝรั่งนั้นพวกไม่จบ รร. นายร้อย นายเรือ  แล้วไต่เต้าไปเป็นจ่านายสิบอาวุโสได้  (Sergeant Major)  ก็จะมีเกียรติและมีอำนาจมาก (เท่ากับเป็นรองผอ.หน่วยงานนั่นแหละ)  จนนายพันก็ต้องเกรงใจ จะสั่งงานปฏิบัติการใดก็ต้องสั่งผ่านคนพวกนี้

 

พวกฮินดูเขาเก่ง ที่แบ่ง ชนชั้น เป็นห้าพวก  (ไอเดียดีแต่ปฏิบัติห่วย ไม่มีการเลื่อนชั้นและยึดติดมากเกินไป)  แต่ไทยเราวันนี้ทุกคนอยากเป็นวรรณะพราห์มณ์ เป็นกษัตริย์ กันหมด (อยากจบตรี เพื่อชี้นิ้ว)  แถมรัฐงี่เง่าส่งเสริมอีกต่างหาก   ถ้ามีแต่นายแล้วไม่มีลูกน้องที่ดีมารองรับ มันจะไปรอดหรือ

 

 

แม่ทัพชี้นิ้วทำการรบไม่ได้หรอก ซีอีโอก็เช่นกัน สมองมันต้องดี แต่ลำแข้งแรงขาก็ต้องดีด้วย และต้องมีระบบเส้นเอ็นประสาทที่ดีคอยประสานงานต่อเชื่อมส่วนทั้งสองด้วยนะ

 

…ทวิช จิตรสมบูรณ์ (๕ ธค. ๕๓)

« « Prev : กังหันลมสำหรับประเทศไทย..จนป่านนี้ก็ยังงมหอย..เฮ้อ

Next : ทำไมฝรั่งเจริญกว่าไทย (๖)…ยุคพระนารายณ์ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 February 2011 เวลา 2:00 am

    ผมเสริมทันที่ว่า ราชภัฎ ราชมงคลนั้น ควรเลียนแบบ community college ของสหรัฐ จะดีมาก อย่าไปเห่อเหิมตามอย่างมหาประลัยไทยใส่เสื้อนอกให้โง่เลย เอาตีนติดดินไว้เป็นหลักของสังคมบ้างจะดีกว่า เช่น พวกเขาเรียนแพทย์ร้กษาโรคชั้นสูงเราก็มาทำแพทย์พื้นบ้านรักษาโรคพื้นบ้าน เขาไปทำนาโน เราก็มาทำนาข้าวให้ดี แบบนี้เราก็เข้าถึงมวลชนได้มากกว่าเสียอีก

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 February 2011 เวลา 3:53 am

    คักอีหลี เป็นจริงตามที่อาจารย์เขียน ป้ายเรียนฟรี15ปีโตๆ เอามาโค๊ชข้อความของอาจารย์ ส่วนพวกวางนโยบายเอาสะติกนินให้กินดีที่สุด การศึกษาห่วยแตกแล้วแตกอีกเพราะพวกบ้านี่แหละ พูดยังไงมันก็ไม่ฟังหรอก

  • #3 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 February 2011 เวลา 4:31 pm

    เห็นด้วยกับการที่มีวิทยาลัยชุมชนค่ะ
    ไม่ต้องแย่งกันเปิดหลักสูตรปริญญาตรี โท เอก มากก็ได้
    ถ้าหากว่าอาจารย์เองก็ยังไม่พอ …ที่ว่าไม่พอคือไม่พอด้านความรู้ความสามารถที่จะพัฒนานักศึกษาให้ได้ในระดับที่จะเป็นที่ยอมรับได้

    เกียรติยศชื่อเสียงมันเป็นสิ่งที่ตามมาจากการทำงานจริงจัง คนไม่ทำงานจริงจังถึงมีเกียรติตอนนี้ แต่ในใจก็คงหวั่นไหวไม่มั่นใจอยู่ดีค่ะ
    และถึงใครไม่เรียกว่าอาจารย์ ไม่ยกมือไหว้ ไม่เชิญนั่งเก้าอี้หรู เจ้าตัวก็ยืดอกได้ว่ามีดีในตัวเอง

    ไม่รู้เหมือนกันว่าการไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยมันเสียเกียรติตรงไหน


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.69537901878357 sec
Sidebar: 0.21545791625977 sec