เมืองไทยใหม่เอี่ยม (๔ ปชต.ใหม่เอี่ยม)
ระบบการเมืองคือต้นธารของการพัฒนาประเทศ ถ้าระบบการเมืองไม่สอดคล้องกับลักษณะสังคมเสียแล้วก็คงเป็นการยากที่ประเทศชาติจะพัฒนาได้ แต่ที่ผ่านมา ๘๐ ปีเราไปลอกระบบการเมืองฝรั่งมาใช้แบบทั้งดุ้น (ที่เราเรียกกันสวยหรูว่าประชาธิปไตย) ทั้งลักษณะนิสัยของตนไทยต่างจากฝรั่งมาก
ระบบการเมืองแบบตะวันตก (ปชต.ตต.) นั้นผมวิเคราะห์ว่าเป็นวิวัฒนาการทางสังคม ตามเหตุปัจจัยบีบคั้นโดยธรรมชาติของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยปัจเจกชนนิยม (individualism) การที่เราไปลอกเขามาใช้ทั้งดุ้นนั้น อุปมาไม่ต่างอะไรกับเอาไปขุดเอาแอปเปิ้ลเขามาปลูกในบ้านเราซึ่งเป็นเมืองร้อน มันอาจจะพอแตกใบบ้างแต่จะให้ออกดอกผลดกอร่อยให้เรารับประทานนั้นคงยาก เพราะมันไม่สอดคล้องกับภูมิอากาศบ้านเรา ทางที่ดีต้องหาทางปรับปรุงบำรุงพันธุ์เสียก่อน ก่อนเอามาปลูก
ว่าแล้วคนไทยเราก็เทิดทูนระบบการเมืองแบบนั้นว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปเลยก็มี ผู้ใดเสนอระบบอะไรที่ต่างไปจากนี้ก็จะถูกรุมจิกจากหลายฝ่าย
ที่ผ่านมา ๒๐ ปีผมได้ลองคิดและเขียนเสนอรูปแบบการเมืองแบบใหม่ออกไปหลายรูป โดยยังยึดหลักการปชต.อยู่ เพียงแต่ว่าวิธีการนั้นได้คิดปรับให้เข้ากับลักษณะสังคมไทย โดยผมพยายามมองแบบบูรณาการครบวงจร ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
ต้นน้ำหมายถึงประชาชนผู้ทำการเลือกตั้งและวิธีการเลือกตั้ง กลางน้ำหมายถึงวิธีการปฏิบัติงานของนักการเมือง ปลายน้ำหมายถึงการติดตามตรวจสอบนักการเมือง
ทุกวันนี้เราให้สิทธิ์ปชช.เกือบทุกคนที่มีอายุเกิน 18 ปีสามารถออกเสียงเลือกตั้งได้คนละหนึ่งคะแนน (ลอกฝรั่ง) ซึ่งผมเห็นว่าไม่ดีเพราะคนไทยเรามีนิสัยไม่ใส่ใจเรื่องการเมืองเหมือนฝรั่ง ส่งผลให้ได้คะแนนเสียงที่ไม่มีคุณภาพ ยิ่งกฎหมายไปบังคับว่าการออกเสียงเป็น”หน้าที่” (ลอกฝรั่งอีกแล้ว) ก็ยิ่งไปกันใหญ่
ผมเห็นว่าคุณภาพของเสียงสำคัญกว่าปริมาณมาก ในเขตเลือกตั้งหนึ่งถ้ามีคะแนนคุณภาพจริงๆ สัก 1000 คะแนนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ได้สส. สว. ที่ดี ตรงข้ามถ้ามีคะแนนมั่วๆสัก 50,000 คะแนนที่ถูกซื้อมา มันจะมีความหมายอะไรหรือ นอกเสียจากเป็นการสร้างภาพปชต.หลอกตนเองไปวันๆ
การจะคัดเอาคะแนนคุณภาพนั้นไม่ยาก มีได้หลากหลายวิธี ลองไปค้นหาอ่านเอาในไฟล์เก่าๆของผมนะครับ (ถ้าหาไม่เจอก็เมล์ไปหาผมได้) …ถ้าต้นน้ำดี ก็จะเลือกเอาสส. สว. ดีๆ เข้าสภา ก็แทบจะจบเกมส์ได้เลย
แต่นั่นแหละ สส. สว. ดีๆ ที่เลือกเข้าไปอาจดีแตกในภายหลัง จึงต้องมีระบบคานอำนาจกันเอง ระหว่าง สส. กับ สว. ก็มีได้หลายวิธีอีก วิธีหนึ่งที่ผมคิดเองชอบเองคือ ให้สส. มาจากเลือกตั้งทั่วไป (โดยต้นน้ำที่ดี) ส่วนสว. นั้นมาจากการกำหนดตำแหน่งจากทุกอาชีพสัก 70% และโดยการคัดสรรทั่วไปอีกสัก 30%
ซึ่งวิธีเลือกสว. ดังกล่าวนี้แท้จริงแล้วยังเป็นปชต.อยู่ แต่เป็นปชต. “แบบธรรมชาติ” กล่าวคือ บุคคลเหล่านี้แท้จริงได้รับการคัดสรรโดยธรรมชาติจากสาขาอาชีพของตนมาเป็นเวลานานแล้ว จนได้ขึ้นมาเป็นยอดของสาขาอาชีพนั้นๆ ซึ่งดูให้ดีแล้วเป็นปชต. ยิ่งกว่าการเลือกตั้งทางตรงเสียอีก เพราะต้องใช้เวลานานในการพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่แค่หาเสียงประชานิยมกันเพียง 2 เดือน ก็ได้แล้ว
โดยวิธีนี้ สว. จะเป็นอิสระจากสส. และสามารถคานอำนาจสส.ได้เป็นอย่างดี เช่น ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น อาจให้สส. ทำหน้าที่อภิปราย แต่การโหวตให้สว.เท่านั้นเป็นผู้โหวต แบบนี้แม้รัฐบาลมีเสียงข้างมากเพียงใด ก็ไม่สามารถเป็นเผด็จการโดยรัฐสภาได้ ตรงข้ามแม้รัฐบาลมีเสียงข้างน้อยแต่หากทำดี ก็ไม่อาจถูกโหวตออกได้โดยพรรคฝ่ายตรงข้าม ก็จะทำให้เกิดการคานอำนาจอย่างบริสุทธิ์ และรัฐบาล(ที่ดี)ก็มีเสถียรภาพ ส่วนรัฐบาลเลวก็ง่อนแง่น (ซึ่งก็ดีแล้ว)
หรืออาจปรับใหญ่ ให้สว. ฟอร์มรัฐบาล แต่กลับให้สส. เป็นผู้คอยควบคุมดูแลการทำงานยังได้เลย เพราะสว. มาจากสาขาอาชีพต่างๆ มีความเชี่ยวชาญในอาชีพนั้นๆ ถ้าให้ไปบริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้อง คงทำงานได้ดีกว่า สส. เป็นไหน ๆ เพราะสส.เหล่านี้จำนวนมากที่เข้าไปเป็น รมต. โดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานกระทรวงนั้นๆ เลย เท่ากับเอาประเทศเป็นที่ลองงาน ซึ่งทำความเสียหายกันมานักต่อนักแล้วมิใช่หรือ
หรืออาจกำหนดให้สว. ไปทำหน้าที่ “สภากระทรวง” คอยกำกับดูแลการทำงานของรมต.ก็ได้ เพราะการโกงกินนั้นส่วนใหญ่กระทำกันในระดับกระทรวงนี่แหละ
เรื่องปลายน้ำนั้นไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เพราะขณะนี้ก็มีกฎหมายคอยจัดการหลายชั้น เสียแต่ว่าการคัดสรรบุคคลเข้าไปปฏิบัติงานนั้นยังอาจมีการซ้อนทับกันแบบหลายชั้น
หวนกลับมาที่ต้นน้ำใหม่ ..คิดไปแล้วก็ให้รู้สึกสังเวชใจว่า ในวันนี้การประกวดหมาเขาตัดสินโดยกรรมการผู้ชำนาญการด้านหมา แต่ในการประกวดคนเพื่อคัดเลือกให้ชนะเลิศเข้าไปบริหารประเทศเราตัดสินลงคะแนนโดยกรรมการที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการเมืองแม้สักนิดก็ยังได้ … แล้วอย่างนี้อนาคตประเทศไทยจะไปรอดหรือ
Next : น้ำท่วมแก้ว แล้วล้นไปท่วมโลก » »
ความคิดเห็นสำหรับ "เมืองไทยใหม่เอี่ยม (๔ ปชต.ใหม่เอี่ยม)"