คนไทยมาจากไหนกันแน่..ทฤษฏีกลางเก่ากลางใหม่

โดย withwit เมื่อ 31 January 2011 เวลา 4:54 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4344

คนไทยมาจากไหนกันแน่..ทฤษฏีกลางเก่ากลางใหม่

 

หลากหลายทฤษฎีที่เสนอมาแต่โบราณ ว่าไทยมาจากไหน ส่วนใหญ่ฝรั่งเป็นคนกำหนด ผมได้เสนอทฤษฎีใหม่ไว้นานแล้ว แต่ประมาณ พศ. ๒๕๓๕ ว่า คนไทยไม่ได้มาจากไหน แต่อยู่ตรงนี้มาแต่เริ่มแรก (เสนอไว้เป็นภาษาอังกฤษในกลุ่มสนทนาอินเตอร์เน็ตยุคโบราณ ที่เรียกว่า soc.culture.thai ที่ท่าน admin ลานปัญญาคงพอจำได้กระมัง)

 

ผมไม่ทราบว่าทฤษฎีที่ผมเสนอไว้นั้นมันก่อนหรือหลังทฤษฎีเดียวกันนี้ที่เสนอโดยท่าน สุจิตต์ วงษ์เทศ ที่กำลังเป็นที่เชื่อถือกันมากในวันนี้   (แต่แม้หลังผมก็ไม่ได้ลอกท่านมาหรอกนะ)

 

จากการที่ผมบ้าบิ่นเสนอทฤษฎีใหม่อีกอันว่า พระเจ้าอู่ทองมาจากนครวัดนั้น ทำให้ความคิดผมตกผลึกอีกระดับ ผมจึงเชื่อบัดนี้ว่า ประเทศไทยเราวันนี้เกิดจากการรวมเผ่าพันธุ์หลักเข้าด้วยกันสองเผ่าใหญ่ คือ  1) เผ่าคนกินข้าวเหนียวทางเหนือและอีสาน (พวกพูดภาษาไต)   2) เผ่าคนกินข้าวจ้าวทางตะวันออก กลาง และทางใต้ (ขอม-ทวาราวดี-ศรีวิชัย)  โดยมีเผ่าพันธุ์ย่อยๆ อีกหลากหลาย เช่น มอญ  และโดยเฉพาะการอพยพเข้ามาของชาวจีนในช่วงท้าย

 

 

ส่วนทฤษฎีที่ว่าคนไทยมาจากชวาเพราะมีกลุ่มเลือดใกล้เคียงกันนั้น ความจริงอาจเป็นตรงข้าม คือ คนชวาน่าไปจากศรีวิชัย โดยมีนักประวัติศาสตร์บางท่านมีหลักฐานว่า ปราสาทบรมพุทโธ ในชวานั้นสร้างโดยกษัตริย์ที่ไปจาก ตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช)  ซึ่งน่าเชื่อได้ทีเดียว (อย่าลืมนิสัยคนไทยเราด้วยว่า ถ้าไปเหมือนใครเข้า เป็นเหมาว่าเราลอกเขามา หรือมาจากเขาทั้งสิ้น ไอ้ที่จะคิดว่าไปจากเรา หรือลอกเราไปนั้น ยากส์)

 

คำว่า “ขอม” นั้นผมเชื่อว่าเป็นคำที่คนไตเหนือ เรียก คนทางใต้  ส่วนชาวเขมรนั้นเรียกขอมว่า สเยียม (หรือเสียม)

 

ถ้าให้เสนอชื่อประเทศไทยเสียใหม่ผมจะเสนอคำว่า   “ขอมไต”  โดยขอมนั้นหมายถึงทวาราวดีกับศรีวิชัย  …อย่าคิดว่าชื่อนั้นไม่สำคัญนะครับ ชื่อดีๆ มันทำให้เกิดพลังในการสร้างชาติได้มากทีเดียว โดยเฉพาะคนไทยเรานั้นชอบเรื่องมนต์ดำอยู่แล้วด้วย

 

วัฒนธรรมขอมนั้นรุ่งเรือง และลามไปหมด จากนครศรีฯยันลำพูน ไปถึง อุดรธานี โดยไปมีติ่งสำคัญอยู่ที่นครวัด  คำว่าขอม เป็นคำที่ดูศักดิ์สิทธิ์และมีเสน่ห์ ส่วนไตนั้นก็เป็นทั้งเผ่าพันธุ์และภาษาที่มากลืนภาษาขอมเสียหมดสิ้น ซึ่งเรื่องนี้น่าศึกษาต่อไปว่าเกิดจากอะไร

 

อาจเป็นเพราะภาษาขอมก็มีส่วนละม้ายภาษาไตอยู่แล้ว เช่น  ปราสาทที่นครวัด นครธมนั้น ก็เป็นภาษาไตเสียมาก เช่น นคร”วัด”  ส่วน ธม น่าจะเป็นบาลีของคำว่าธรรม  ปราสาทนาคพัน  ปราสาทตาแก้ว ปราสาทตาพรหม พระรูป สระสรง

 

แม้แต่ปราสาท “บายน” ก็อาจเป็นอิทธิพลภาษาไต เพราะ บา แปลว่า อาจารย์ใหญ่ ยน แปลว่ามอง (ยล) บายน ก็อาจารย์ใหญ่ (พระพุทธเจ้า) กำลังมอง ดังนั้นปราสาทนี้จึงมีดวงตาของพพจ.เพ่งมองอยู่เต็มไปหมด หลายร้อยดวง  … นี่ก็ยิ่งเสริมทฤษฎีผมว่า คนสยามสร้างนครวัด เพราะชื่อปราสาทส่วนใหญ่มีสำเนียงออกมาทางสยาม  ชื่อที่เป็นสำเนียงเขมรแท้ๆมีน้อยมาก นอกเหนือจากสำเนียงสยามแล้วก็จะเป็นสันสกฤตไปเลย เช่น พิมานอากาศ  ซึ่งแม้นนี้ก็มีสำเนียงสยาม ที่มันผัน วิ ของ สันสกฤตเป็น พิ ไปหมด เช่น วิษณุ ยังเป็น พิษณุ วิจิตรเป็น พิจิตรเป็นต้น  ดังนั้น วิมารา ก็เป็นพิมาน ของเขามีสระอายาวๆ ก็ตัดให้สั้นลง เช่น อากาศา ก็เป็น อากาศ นี่มันวัฒนธรรม “แบบไตๆ ” แต้ๆ เลยนะ ที่ชอบทำอะไรง่ายๆเข้าว่า

 

ง่ายจนกลายเป็นชุ่ยไปได้ บ่อยๆ เช่น การเมืองไทยเราวันนี้ ไงล่ะ อิอิ (วกมาแขวะจนได้)

 

…ทวิช จิตรสมบูรณ์ (๓๑ มค ๒๕๕๔)

 

 

 

 

« « Prev : พม่าโบราณเรียกประเทศไทยว่า “กัมโพชา” ?

Next : ทำไมฝรั่งเจริญกว่าไทย (ตอนที่ ๔) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 January 2011 เวลา 5:23 pm

    โห อาจารย์ค้นคว้าประวีติศาสตร์ได้อย่างลึก
    นักศึกษาน่าจะเอาไปอ้างอิง หรือสะกดรอยทำการบ้านต่อๆไปได้

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 January 2011 เวลา 5:50 pm

    คุ้นๆ ครับพี่ มันนานมาแล้ว ใน archive อาจจะมีอยู่ แต่ตอนนี้ค้นไม่สะดวกครับ ขอติดไว้ก่อน

  • #3 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 January 2011 เวลา 6:29 pm

    ท่าน Logos ไวไม่เท่าผม ผมไปค้นมา เจอแล้ว มี post ของใครแซว ต่อท้ายด้วยเอ่ย ประวัติศาสตร์สั้นๆ ใน e-ประวัติศาสตร์

    ดูจากวันที่มัน 1993 ก็ ๒๕๓๖ โนะ จำผิดไปปีเดียว

    จาก:Tawit Chitsomboon (fsta@marge.lerc.nasa.gov)
    เรื่อง:RE: Thai’s Ethnicity

    View this article only

    กลุ่มข่าว:soc.culture.thai
    วันที่ :1993-07-13 15:32:02 PST
    In article
    fsta@icomp01.lerc.nasa.gov (Tawit Chitsomboon) writes:
    >I have a couple of (muaywat) comments to offer:
    >
    >1) In studying ethnicity of ancient civilization, spoken language
    >should be the most important identifier because in the old time

    Speculation is fun. Here’re a couple more muaywat observations:

    1) If we try to find the gravitational centre of the Tai-speaking
    people , I think it’ll be somewhere in the N-NE of Thailand (Not
    surprisingly near BanChiang). This is statistically most likely to be
    the center of Tai civilization based on my version of
    ‘Tai’s random walk theory” :) To speculate that Tais migrated from
    North to South or the other way around is not as statistically
    sound as this random walk theory.

    2) This migrate-from-the-center process is not migration per se but
    rather a natural expansion which take a very long time (3000 year?)
    This help explain why Tai languages still share common core, despite
    great variety of the outer shells. Considering the vast area of the
    Tai-speaking people, this is only possible through slow, natural
    expansion from the center.

    3) When expand naturally from the center, there tended to be physical
    link with the center with which the various peripheries exchange
    identity. With a rapid migration/dispersion into several separated pockets,
    each pockets would be completely separated (physically by thick jungle)
    and the language (even its core) could not have survived.
    One needs only to look at American Indian,
    people in Borneo, even in India, etcs, where there had been so many
    spoken languages within relatively small areas, despite similarity
    in physical appearance of the people.

    4) Of course an old center died and new centers developed and the
    process of random walk continued until, by pure chance, someone
    comes back and hit the original epicenter again.

    5) Gee, I wish I were in the period of F.M. Plaek. This should
    interest him a great deal :)

    -tawit
    ——————————————————————————
    Do whatever you like, like Thai,like Chinese,like Farang (How about Japanese)
    -Lek Carabao (in one of his song)
    ——————————————————————————
    ข้อความ 2 ในหัวข้อนี้
    จาก:Trin Tantsetthi (t@nwg.nectec.or.th)
    เรื่อง:Re: Thai’s Ethnicity

    View this article only

    กลุ่มข่าว:soc.culture.thai
    วันที่ :1993-07-15 01:57:45 PST
    In article Tawit Chitsomboon (fsta@marge.lerc.nasa.gov) writes:

    > 5) Gee, I wish I were in the period of F.M. Plaek. This should
    > interest him a great deal :)

    aren’t you that old? (:

  • #4 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 January 2011 เวลา 7:00 pm

    ท่านบา คห. ๑ ครับ ผมค้นไม่ลึกเท่าไรหรอกครับ เฉี่ยว โฉบๆ แล้วพยายามต่อภาพเท่าที่เวลาอำนวยครับ ที่สำคัญคือ ลืม ถ้าผมไม่ลืม คงได้อะไรที่บ้าบอกว่านี้อีกมากทีเดียว

    ว่าแต่ว่าเมื่อไหร่มาดูเครื่องอบแห้งล่ะครับ ผมละอยากจะโชว์เต็มแก่

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 February 2011 เวลา 5:13 am

    จะมีโปรแกรมไปโคราชเร็วๆนี้ครับ ขอสะสางการบ้านก่อนครับ ขอบคุณมาก
    คาดว่าจะได้ดูอะไรๆดีที่อาจารย์วิจัยไว้เยอะ บางทีจะชวนอาม่าหลินฮุ้ยไปด้วย อิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.10553383827209 sec
Sidebar: 0.0085930824279785 sec