ปฏิบัติธรรม ๑๑…จะบรรลุธรรมต้องฟันฉับที่ the weakest link ของห่วงโซ่ปฏิจจสมุปบาท
ท่านพุทธทาสสอนว่า จะตัดกิเลสให้ง่ายที่สุด ต้องตัดที่ “เวทนา” กล่าวคือ พอเวทนาเกิดก็ให้มีสติรู้ แล้วเอา “สัมปชัญญะ” มากำหนดให้ทันกาล ไม่ให้ปรุงเวทนาไปเป็น “ตัณหา” ก็จบ ไม่ต้องเกิดผลพวงเลวร้ายตามมา แต่ส่วนใหญ่เรามันช้า สติไปดึงสัมปชัญญะมาไม่ทัน (ถ้ามี… ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องพูดถึง) ก็แพ้กิเลสร่ำไป
ผมเอามาคิดแตกหน่อว่า เวทนา นี้เป็นองค์ประกอบแห่งวงจรปฏิจจสมุปบาท ซึ่งอุปมาได้ดั่งห่วงโซ่ 12 ข้อของสังสารวัฎฎ์ การที่เราจะตัดสังสารวัฎฎ์ให้ขาดได้ง่ายที่สุด ก็ต้องตัดในห่วงโซ่ข้อที่อ่อนที่สุด (the weakest link) ซึ่งข้อเวทนานี้มันคือข้ออ่อนที่สุด ก็มาตัดเอาที่ข้อนี้ก็จะง่ายที่สุด (ปฏิจจฯคือทฤษฎีแห่งการเกิดทุกข์ที่สำคัญที่สุด ที่ชาวพุทธทุกคนควรเรียนรู้ ท่านที่ยังไม่รู้จัก ควรไปคลิกหาอ่านกันเสีย ไม่งั้นถือว่าเสียโอกาสำคัญที่เกิดมาเป็นชาวพุทธทั้งที)
ดังนั้นเวลาผมนั่งสมาธิก็เลยเอาอุบายนี้มาใช้ด้วย โดยการกำหนดดู “เวทนา” ที่ลมหายใจสัมผัสรูจมูก สัมผัสเข้า บริกรรม เกิดขึ้น จังหวะนิ่งกำลังจะไหลออก บริกรรมว่า ตั้งอยู่ จังหวะสัมผัสออก บริกรรมว่า ดับไป
ดังนี้ การนั่งสมาธิ กับการเดินจงกรม ตามวิธีของผม ก็เสริมพลังกัน เพื่อให้เล็งเห็นสภาพการเกิดดับของสรรพสิ่ง โดยเฉพาะเวทนาของเรา
โลกนี้ทั้งรูปธรรม นามธรรม ต่างเกิดขึ้นมาด้วยผลพวงของเวทนาทั้งสิ้น เช่น การวัดทางปรมณู พวก โปรตรอน นิวตรอน คว๊ากซ์ ต่างก็ต้องมี sensor เพื่อรับเวทนา (เวทนา น่าแปลว่าเป็นอังกฤษว่า sense ฝรั่งบางคนว่า sensual pleasure ด้วยซ้ำ ทั้งที่เวทนาแบบไม่ทุกข์ไม่สุขก็มีนะ) จากนั้นเครื่องมือ sense ทางวิทยาศาสตร์ ก็ส่งเวทนาของมันมาสู่เวทนาแห่งจิตของมนุษย์ให้รับรู้โดยอ้อมว่ามีนั่นมีนี่เกิดขึ้น
เวทนา เย็น ร้อน อ่อน แข็ง มีได้ แต่ท่านว่าไม่พึงเอาไปทำปฏิกิริยาปรุงแต่งด้วยกิเลส เพราะมันจะเกิดผลเป็นตัณหา นำสู่ทุกข์หนาสาหัสต่อไป
แต่ปรุงแต่งด้วยปัญญานั้นได้นะ ซึ่งจะนำสู่ประโยชน์ตนประโยชน์ท่านตามมาอีกมากหลาย
…คนถามธรรม (๓ สค. ๕๔)
« « Prev : ปฏิบัติธรรม ๑๐…การเดินจงกรม (my way)
Next : การปฏิบัติธรรม ๑๒…วิปัสสนาตามหาอนัตตา » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ปฏิบัติธรรม ๑๑…จะบรรลุธรรมต้องฟันฉับที่ the weakest link ของห่วงโซ่ปฏิจจสมุปบาท"