(ขอด)เกร็ดประวัติศาสตร์ (๑)…ดร.ป๋วย VS หลวงวิจิตรวาทการ
ยังไม่ต้องย้อนยุคไปไกลๆ ให้ปวดหัว เอาเรื่องเร็วๆนี้ก็ยุ่งแล้ว
ระหว่างหลวงวิจิตรวาทการ กับ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ คุณว่าใครดีหรือเก่งกว่ากัน ในมิติไหน มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกันอย่างไรบ้าง หรือใครรักสังคมมากกว่ากัน
หลวงวิจิตรฯและดร.ป๋วย มีอะไรที่เหมือนกันคือ ต่างก็ทำงานรับใช้เผด็จการเหมือนกัน คนแรกรับใช้จอมพลป. คนหลังรับใช้จอมพลส.
แต่ที่ต่างกันลิบคือ คนแรกถูกพวก”หัวก้าวหน้า”ด่าตรึม แต่คนหลังพวกหัวก้าวหน้า “ชมตรึม” ทั้งที่ในคห.ผม คนแรกมีผลงานเพื่อสังคมโดดเด่นมากกว่าคนหลังเหลือหลาย
คนที่ด่านั้น ถามว่ามีสักกี่คนที่เคยอ่านผลงานเขียนของหลวงวิจิตรเกิน 3 เล่ม ทั้งที่ท่านเขียนผลงานไว้นับร้อยเล่ม ตั้งแต่พงศาวดารไทย นับสิบเล่ม จิตวิทยา พุทธศาสตร์ นิยาย ละครเพลง เพลงปลุกใจให้รักชาติ เพลงด้านวัฒนธรรม ผมเชื่อว่าท่านเป็นคนไทยที่มีผลงาน “มากที่สุด” น่าจะมากกว่ากรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ซึ่งท่านนี้น่าจัดอันดับเป็นที่สอง)
ผมเห็นว่าคนทำงานหนัก ฝากผลงานไว้ขนาดนี้ ไม่มีวันเป็นคนเลวไปได้
คนที่ด่านั้นก่อนด่า ได้ดู “บิรบทสังคม” ในยุคที่ต่างกันไหม ทั้งแรงบีบคั้นจากสังคมโลก ผนวกวิวัฒนาการของสังคมไทย ที่คลี่คลายไปอย่างรวดเร็วในยุคนั้น เงื่อนไข ปัจจัยของการอยู่รอดของประเทศก็ต่างกันมาก
ส่วนดร.ป๋วยท่านคงทำบุญแต่ชาติปางก่อนไว้มาก ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เขียนจดหมายสองสามฉบับ จากนายเข้ม เย็นยิ่ง ก็ดังเป็นพลุแตก ได้รับการกล่าวขานถึงยิ่งกว่างานร้อยเล่มเกวียนของหลวงวิจิตรฯเสียอีก
การจบการศึกษาและมีคำนำหน้าชื่อเป็น “ดร.” นี้มันเป็นตัวช่วยได้มากจริง ๆ ส่วนหลวงวิจิตร จบแค่ม.๖ เท่านั้นเอง แถมมี”ศักดินา” เป็น “หลวง” ให้เป็นกาลกินีในหัวใจของคนหัวก้าวหน้าเสียอีก
ตัวผมเองน่าจะเป็นคนแรกที่หาทางยกยอดร.ป๋วย ว่าเป็นต้นคิดในการสร้างมหาวิทยาลัยภูมิภาค (ผมเดาเอาเอง ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ซึ่งผมไม่เคยได้ยินใครยกยอท่านในเรื่องนี้มาก่อน) เช่น ม.สงขลานครินทร์ ม. เชียงใหม่ ม. ขอนแก่น มาวันนี้ผมว่าผมเฟอะฟะมากจริงๆ เพราะผมจำผิดคิดว่าท่านเป็น รมว. ศึกษาสมัยสฤษดิ์ แต่แท้จริงแล้วท่านเป็น ผอ.สนง. งบประมาณ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยต่างหาก ควบตำแหน่งคณบดีเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์อีกด้วย ต่อมาก็เป็นอธิการบดี
อ้าว..แล้วมีอำนาจด้านเศรษฐกิจปานนั้น ทำไมไม่ใช้อิทธิพลโน้มน้าวเผด็จการทหารเพื่อทำให้ประเทศไทยเป็น สังคมนิยมดี ๆ แบบที่ท่านปรีดีประสงค์บ้างเล่า
สรุปคือ ผลงานท่านดร.ป๋วยมีอะไรบ้างที่เป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากจดหมายของนายเข้ม เย็นยิ่ง สองสามฉบับ จะมีความกล้าหาญทางจริยธรรมที่ออกมาชี้นำอะไรให้พวกเผด็จการสมัยนั้นได้คิดแบบหูผึ่งบ้างแบบอจ.สุลักษณ์ ศิวลักษณ์ก็ไม่เห็น ชีวิตของท่านนั้นผมต้องขอวิจารณ์แรงๆว่า “โด่งดังเกินจริง”
อ.สุลักษณ์เองก็วิจารณ์หลวงวิจิตรฯเชิงลบเอามากๆ และนิยมดร.ป๋วยเอามากๆ ทั้งที่ผมว่า ท่านหลวงมีอะไรเหมือนอ.สุลักษณ์มากกว่าดร.ป๋วยเสียอีก (อย่างน้อยก็ความเลื่อมใสในพุทธศาสนา และการรักในงานเขียน นักอนุรักษ์นิยมเชิงก้าวหน้า)
สิ่งที่คนไทยไม่รู้เกี่ยวกับท่านหลวงฯ คือ ท่านหัวก้าวหน้ามากๆ ในกรณีของสิทธิสตรี เพราะผมสังเกตจากนิยายของท่าน แทบทุกเรื่อง ตัวเอกคือผู้หญิง และมักมีหลายผัว นี่ท่านสอนกลายๆอย่างลึกซึ้งว่า ผู้หญิงก็มีสิทธิเท่าเทียมกับชายที่มีหลายเมียได้ (ในห้วงรักเหวลึก ..นิยายยาว 10 เล่มจบ..นางเอก ประพิมพรรณ (ชื่อพ้องกับภรรยาท่าน ประภาพรรณ) มีผัวสัก 5 คนเห็นจะได้ ) ต้องไม่ลืมบริบทด้วยว่าในสมัยท่านนั้นมันตรงข้ามเลยนะ
นี่ถ้าหลวงวิจิตรฯไปจบดร.มาจากม.ดังๆของอังกฤษแบบดร.ป๋วย ป่านนี้ประเทศไทยเราจะเป็นอย่างไรหนอ เพราะท่านมีอิทธิพลต่อจอมพลป.มาก
…คนคลำทาง (๒๘ มิย ๕๔)
« « Prev : ลาว ลั๊ว ละโว้ ขอม คือพวกเดียวกัน
Next : (ขอด) เกร็ดประวัติศาสตร์ (๒)…บุคคลควรสำคัญของยูเนสโกที่ถูกคนไทยด่ามากที่สุด » »
3 ความคิดเห็น
สิ่งโดดเด่นที่สุด ที่เคลือบแฝงมากที่สุดของท่านหลวงคือ ความเป็นนักตรรกะของท่าน สังคมไทยตอนนั้นคือหญิงต้องมีผัวเดียว แต่ท่านสร้างนิยายท่านให้หญิงมีมากผัวได้ทุกเรื่อง แล้วอ่านแล้ว คิดยังไงก็เถียงท่านไม่ออก ยอมรับว่ามีหลายผัวน่ะถูกแล้ว เพราะท่านผูกเรื่องให้คิดอย่างมีตรรกะสูงมากๆ
ใครว่าอ่านขงเบ้งสามจบแล้วคบไม่ได้ ผมว่าอ่านหลวงวิจิตรจบเดียวก็คบไม่ได้แล้ว เพราะท่าน “เจ้าเล่ห์” จริงๆ เป็นปัญญาชนคนสยาม ที่คนเข้าไม่ถึงมานาน …ต้องรอให้ผมมานำเสนอ
ผมเสนอให้ท่านเป็นปูชนียบุคคลของคนไทย ก่อนใครหมด ในด้านวรรณกรรม (คึกฤทธิ์ไม่ติดฝุ่น)
อ่านหนังสือ “กำลังใจ” ของท่านดูสิ ไม่น่าเชื่อว่า คนจบม.๖ จะมีวิชชาอะไรสูงส่งปานนั้น แถมเอาเรื่องเครียดๆมาเขียนได้อย่างน่าอ่านยิ่ง
เดี๋ยวศิษย์คึกฤทธิ์ กีเหยียบบบเอาหร๊อก อิ
แฮ่ะๆ ตัวอาจารย์ยังไม่กลัว(เพราะเมายา) แล้วจะมากลัวลูกศิษย์ได้ไงครับบาท่าน อิอิ
คึกฤทธิ์เป็นคนเก่งมากครับ แต่ผมว่าสู้ท่านหลวงไม่ได้ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ
แต่อ.สุลักษณ์ของผมนี่สิ ด่าทั้งคึกฤทธิ์และท่านหลวง และปรีดี (แต่ตอนหลังสำนึกผิดมานิยมอ.ปรีดีเป็นการใหญ่) ส่วนดร.ป๋วยนั้น อ.สุลักษณ์นิยมมากอยู่
ส่วนผมนิยมอ.สุลักษณ์มากๆ และที่ผมบ้าๆบอๆในวันนี้ส่วนหนึ่งก็ติดนิสัยมาจากอ.สุลักษณ์นี่แหละ
ผมว่าผมเอาสิ่งดีๆจากอ.สุลักษณ์ ท่านหลวง และ คึกฤทธิ์มาอยู่ในตัวผมนะ…อ้วกกกๆๆๆๆ
แม้ผมจะเคารพท่านมาก แต่ผมก็วิจารณ์อ.สุลักษณ์ ในบางประเด็นนะ เรียกว่า วิจารณ์ด้วยความเคารพ น่ะ
ผมเจอท่านสองสามครั้ง ที่ usa และ ที่มทส. นำท่านชมพภ.ไทยโบราณ บอกท่านว่า ผมเป็นศิษย์ไกลกุฏิของอาจารย์นะ ท่านอมยิ้มใหญ่