ขนมจีน…จากมุมมองของหลานมอญ เจ็ก ไทย
มาเรียกขนมจีนว่า “ข้าวปุ้น” กันดีก่วา
ขนมจีนที่เป็นอาหารคู่เมืองไทยมาช้านานนั้น ทางอีสานเราเรียกว่า “ข้าวปุ้น” มาช้านานแล้วเหมือนกัน แต่ทุกวันนี้ก็พลอยเรียกว่าขนมจีนตามคนภาคกลางไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้นับว่าน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ผมอยากรณรงค์ให้กลับมาเรียกว่าข้าวปุ้นกันให้หมดประเทศ
เรื่องนี้สำคัญนะครับ อย่าทำเป็นเล่น เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะมันเป็นการให้เกียรติบรรพชน ที่คงจะคิดค้นกันขึ้นเองมาช้านานแล้ว ไม่ได้ลอกเลียนแบบจีนมาอย่างแน่นอน
ที่ว่าไม่ได้ลอกเลียนมานั้นมีเหตุผลนะครับ คือ ขั้นตอนการทำข้าวปุ้นจะซับซ้อนกว่าการทำเส้นก๋วยเตี๋ยว เนื่องจากมีขั้นตอนสำคัญเพิ่มขึ้นมาคือ การหมัก ซึ่งทำให้เส้นเหนียวและ “หอม” (ตุๆ ซึ่งบางคนก็ว่าเหม็น)
ที่ จ. กาฬสินธุ์ มีอำเภอหนึ่งชื่อว่า อ.กุดข้าวปุ้น ทำให้ผมต้องแวะรถเข้าไปเยี่ยม สอบถามชาวบ้านทราบว่าอำเภอนี้อายุหลายร้อยปีแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีบ้านทำข้าวปุ้นสักหลัง
ขนมจีนนั้น เดาว่าคนภาคกลางคงมารู้จักกินกันสมัยรัตนโกสินทร์นี่เอง พร้อมกับการเข้ามาของคนจีน ก็เลยคิดตั้งชื่อกันเอาว่า ขนมจีน เพราะเส้นคล้ายก๋วยเตี๋ยวของจีน ส่วนทางภาคเหนือดูเหมือนจะเรียกว่า ขนมเส้น
คนไทยเรามีนิสัยไม่ดีอยู่อย่าง คือ ไม่ค่อยภูมิใจ หรือ มั่นใจในตนเอง เห็นอะไรของเราคล้ายแขกก็ว่าลอกมาจากแขก เห็นอะไรคล้ายจีนก็ว่าลอกมาจากจีน ลาว เขมร เช่นปลาร้า ก็ว่าลอกมาจากปลาฮ็อกของเขมร แม้แต่ปลาบึกก็ไม่มีในไทยหรอก โน่น ว่ายมาจากฝั่งลาวโน่น (ชาวไทยริมโขงนักล่าป่าบึกเล่าให้ผมฟังอย่างนั้น)
ไม่คิดกันในมุมกลับบ้างว่า เขาอาจลอกไปจากเราก็ได้นะ ว่าไปแล้วโอกาสเขาลอกเรามากกว่าด้วยซ้ำเพราะคนไทยเราไม่ค่อยเดินทางไกล ส่วนแขก จีน นั้นเขาเดินทางมาก มาเห็นอะไรดีๆเข้าเขาก็ลอกเอาไปใช้บ้างเมืองเขา
ยิ่งข้าวปุ้นนั้นขั้นตอนของเราซับซ้อนกว่า เป็นไปได้ยากว่าเราลอกมาจากเขา ถ้าลอกมาขั้นตอนต้องเท่ากันหรือซับซ้อนน้อยกว่า ดังนั้นถ้าจะว่าลอกกันแล้วไซร้ ความเป็นไปได้มากกว่าคือ จีนลอกไทย แล้วอิตาเลียนลอกจีนไปอีกที
มาวันนี้คนไทยหาหลักฐานอย่างไรก็ไม่เจอว่าลอกมาจากจีน ก็เลยค้นมาจนเจอได้ “จนได้ว่า” ลอกมาจากมอญนี่เอง เพราะ มอญเรียกแป้งว่า คะนม และเรียก เส้นว่า ชิน ฮะห้า ใช่เลย คะนมชิน ..เข้ากันเป็นปีขลุ่ยได้เสมอ
นักวิชาการไทยเขาสรุปไว้ล่วงหน้าแล้วว่า คนไทยคิดอะไรไม่เป็นเลย ต้องลอกคนนอกมาหมด (แล้วพ่อแม่ของท่านนักวิชาการไม่ทราบลอกวิธีการสืบพันธุ์จนให้กำเนิดท่านมาจากไหน ????)
หรือว่าอย่างมากที่สุดก็แค่ต่างคนต่างคิดค้นโดยอิสระ
แค่คิด “อย่างมาก” แค่นี้ คนไทยเราส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าคิดแล้วหละ…ก็เอ้า..ไปกิน “คะนมชิน” ลาดน้ำสปาเก็ตตี้กันต่อไปก็แล้วกัน ..โชคดีเด๊อ
…คนถางทาง
« « Prev : อิทธิพลไทใหญ่ต่อวัฒนธรรมอาหารล้านนา
Next : โกงไม่ว่าถ้าทำให้ชาติเจริญ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ขนมจีน…จากมุมมองของหลานมอญ เจ็ก ไทย"