สวัสดีสวีเดน (๓)
สะบัมกลับมาถึงตัยแล๋นด์จากสะด๊กก๊กธม..เอ๊ยสะต๊กโฮมแล้วครับ ตัวดำเมื่อมเป็นขะแมร์เลยผม เพราะตากแดดตากลมหนักอักโขอยู่ ได้ไปเห็นอะไรมามากหลาย นับว่าคุ้มค่าเงินหลวงที่จ่ายให้ไปเที่ยวอยู่ จนเขียนบันทึกไว้นับสิบหน้า วันนี้จะลองเล่าสักสามประเด็นพอสังเขป
-ที่น่าสนคือคนสวีเดนพูดอังกฤษเก่งมาก พวกแสกนฯทั้งหมดน่าจะเป็นกลุ่มประเทศอื่นที่พูดอังกฤษเก่งที่สุด เรียกว่าผมฟังอังกฤษจากคนสวีเดนได้ชัดกว่าฟังจากคนอังกฤษเสียอีก เพราะเขาพูดสำเนียงอเมริกันที่ผมคุ้นเคยมากกว่าสำเนียงอังกฤษ ทุกคนพูดอังกฤษได้คล่อง ตั้งแต่คนเก็บขยะยันอาจารย์มหาลัย สอบถามดูได้ความว่าเริ่มต้นเรียนประกิดกันเมื่อ ป 4 อายุ 10 ขวบ (ของเขาเข้ป. 1 เมื่อ 7 ขวบ หลังเราหนึ่งปี) ส่วนของเราเริ่มเรียนกันตั้งแต่ออกจากท้องแม่ หรือถ้าโดยทางการก็ตั้งแต่ 3 ขวบ เมื่อเข้าอนุบาล เรียนกันจนจบปริญญาตรี ใช้เวลาเรียนอังกฤษ 2 ปีเต็ม แต่ทำไมพูดอังกฤษไม่กระดิกหู …….จริงอยู่ภาษา Nordic เดิม กับภาษาอังกฤษมีรากร่วมกันอยู่ เพราะต่างก็เป็นสาย Germanic language ด้วยกัน แต่ก็อุปมาได้แบบไทย-เขมร แหละครับ ก็ช่วยได้นิดหน่อยเท่านั้นในการเรียนภาษา …ผมว่าพวกนักการศึกษาไทยน่าจะดจร. ไปดูงานกันหน่อยว่าเขาสอนภาษาอังกฤษกันอย่างไรจึงดีเช่นนี้….ตรงกับแนวคิดเพี้ยนๆของผมที่ได้เคยเขียนเสนอไว้แล้วว่า ตอนเด็กเล็กๆ ต้องให้เรียนภาษาไทย และวัฒนธรรม จนฝักรากลึกเสียก่อน ก่อนให้เรียนอังกฤษ อย่าไปเห่อกันนักเลย พวกไวกิ้งให้เริ่มเรียนที่ 10 ขวบ นับว่าดีมาก เพราะลิ้นยังไม่แข็ง แต่วัฒนธรรมไวกิ้งมั่นคงแล้ว ภาษาอังกฤษไม่อาจมาทำร้ายได้,,,ส่วนของผมเสนอขนาดว่าไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษให้เปลืองเงินและเวลา แต่ถ้าเรียนโท -เอก ให้สอนเป็นภาษาอังกฤษให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
-สวีเดนน่าจะเป็นประเทศที่ก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในโลก ถ้าจะเป็นรองก็แต่เยอรมันเท่านั้นแหละ กิจกรรมทุกอย่างเขาทำเป็นอัตโนมัติไปเสียหมด เช่น โทรศัพท์ก็ใช้เครดิทคาร์ดได้เลย ขึ้นรถเมล์ก็รูดคาร์ด (จ่ายเงินสดก็ไม่ได้อีกด้วย ทั้งที่เยอรมันยังจ่ายเงินสดได้อยู่เลย) เล่นเน็ตริมถนนก็รูดคาร์ด ใช้ตู้เก็บของที่สถานีรถไฟก็รูดคาร์ด (เยอรมันยังใช้บริกรอยู่) ทั้งหมดนี้ช่วยตัวเองนะไม่มีบริกรคอยบริการแต่ประการใด เหลือแต่เข้าส้วมที่ยังต้องหยอดเหรียญ (30 บาท..โหดชะมัด รัฐสวัสดิการแท้ๆ ทำไมมันบริการส้วมฟรีไม่ได้หรือไร ทั้งที่เป็นเรื่องจำเป็นต่อชีวิต)
-อาหารไทยปอปมากๆ แต่อนิจจา บริษัทที่ทำอาหารสำเร็จไทยขายจนร่ำรวยคือ บ.จากฟินแลนด์ เห็นสินค้าเต็มร้านค้าไปหมด ลองซื้อมากินดูกล่องหนึ่ง แกงพะแนงเนื้อ เอามาเว็ฟที่โรงแรมคนจน (รร. คนจนมักมีห้องครัวให้ ส่วนรร.คนรวยไม่มี) วาว..อร่อยประมาณว่ากินข้าวตังคลุกแป้งเปียกเหยาะผงกะหร่ยังไงยังงั้น ซึ่งผมว่าแบบนี้มันช่วยทำลายชื่อเสียงอาหารไทยเรานะ สมควรที่รัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรมน่าคิดทำอะไรสักอย่าง เช่น มีการประทับตรารับรองว่ารสชาติไทยแท้จากกระทรวงฯ แล้วคิดค่าประทับตรามันแพงหน่อย ..รับรองว่าไม่กล้าคิดกล้าทำกันหรอก แต่ที่พวกเขาสั่งให้เราประทับตรา ISOxxxx EuroII และ ฯลฯ เราก็เสียเงินค่าประทับตราให้พวกนั้นกันใหญ่
-คนถางทาง
Next : บทที่ไทยไม่เคยเรียนจากการเสียดินแดนให้ฝรั่งเศส » »
3 ความคิดเห็น
ดีใจที่กลับมาแล้วค่ะ บล็อกเงียบไปซะนานจนคิดถึงฝีปาก…อิอิ
เมืองไทยมี”ของ”เยอะครับ ต้องรีบปล่อยรีบแสดงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพื่อที่จะได้เลื่อนขั้น ไม่ได้ดูเลยว่าทำอะไรไว้กับลูกหลานบ้าง เมื่อแก่ตัวไป ก็ต้องอยู่กับผลที่ตัวเองสร้างไว้
ไทยเราอยู่ระหว่างสามอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ในโลก คือ จีน อินเดีย และ (ฝรั่ง) …พวกนี้มาที่หลังแต่ดังกว่า
ถ้าเราไม่ใจแตก หรือสมองเสื่อมเสียก่อน รับรองว่าเราจะยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
แต่พอยิ่งใหญ่แล้ว จะเอามันไปทำอะไรก็อีกเรื่อง เช่น กรีก โรมัน อินเดีย จีน อังกิด เมกา ญี่ปุ่น ต่างก็ไร้สาระมามากแล้ว …มีอำนาจในมือ แต่ไร้วิสัยทัศน์ โลกยฺเรามันก็เลยอยู่ได้แค่นี้แหละครับ พับเผ่น (ไปอยู่ริมทะเลไบคาลอาจดีกว่า)