ต้นไม้ก็สอนคนฉลาดได้
ความโง่ ความฉลาด ในความเห็นผมมันไม่สัมบูรณ์ แต่เป็นสัมพัทธ์เสมอ
เช่นคนโง่มากย่อมเห็นคนโง่น้อยกว่าเป็นคนฉลาด
คนฉลาดมากที่สุดย่อมเห็นคนฉลาดมากเป็นคนโง่เป็นต้น
ทั้งที่คนฉลาดมากนี้อาจโง่น้อยกว่าคนโง่น้อยที่คนโง่มากนิยมว่าฉลาดเสียอีก
บางทีคนฉลาดมากที่สุดกลับถูกคนโง่มากหาว่าโง่เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอก
(ความจริงไม่บางทีแต่บ่อยๆ ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าท่านโดนมามากที่สุด)
ส่วนต้นไม้ และสัตว์นั้นถ้ามันพูดได้ โพสต์เป็น คงสนุก
เพราะมันฉลาดแต่เกิดโดยไม่ต้องเข้าโรงเรียน
ส่วนมนุษย์หลายคนเรียนจนเป็นหมอ วิศวะ ดร.
แต่ทำกังหันลมยังสู้ลูกยางที่หล่นจากต้นไม้ไม่ได้เลย
ต้นไม้ฉลาดขนาดหากินเอากับดิน น้ำลม ไฟ รอบๆ ตัว
ไม่ต้องไปเข้ารร.หาวิชา เพื่อไปหากินให้ยุ่งยาก
แถมไม่ลำบากใคร
ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม (แต่เป็นสิ่งแวดล้อมเสียเอง)
มนุษย์เราบังอาจไปเรียกพวกเขาว่าเป็นสิ่งแวดล้อม
โดยเย่อหยิ่งคิดเอาตัวเองเป็น “ศูนย์กลาง”
ทั้งที่พวกเขาเป็นศูนย์กลางมาก่อนเราหลายพันล้านปี
สูเราต่างหากที่เป็น สิ่งแวดล้อมของเขา
น่าพิศวง คนบางคนคล้ายต้นไม้ คือฉลาดแต่กำเนิดโดยไม่มีใครสอน
สอนตัวเอง และวิวัฒน์ตนเองไปได้เรื่อยๆ
ตัวอย่างเช่นเด็กอายุ 7 ขวบสำเร็จอรหันต์
คนแบบนี้เขาเรียกว่า “เนื้อนาบุญ” ของโลก
ประเทศไทเรามีคนแบบนี้มาก
แต่ท่านมักไม่แสดงตัว มักหลบลี้หนีหน้า
ถ้าควานหาเจอ
ต้องรีบช่วยกันใช้ประโยชน์จากท่านให้มากที่สุด
« « Prev : ตลกแดก..แหวกม่านประเพณี
Next : การบริหารองค์กรแบบบิวตัน (Buton) » »
8 ความคิดเห็น
ท่านจอหงวนเข้ามาแต่ละที บล็อกมีชีวา ..
จะฮาก็ได้ สะดุ้งก็ได้ สะอื้นฮักก็ได้ หมั่นไส้ก็ได้
เลือกได้ตามอัธยาศัย
แต่วันไหนหายไป เหงาเป็นบ้า สงสัยเสพย์ติดลีลากระเทาะใจ อิอิ
ส่วนใหญ่ก็พยายามจะช่วยแต้มสีสันให้ลานปัญญาแหละครับบาท่าน
แต่บางคราข้อจำกัดทางเวลา และความทะเล้นทางความคิด การใช้สำนวนภาษาเฉพาะตน มันก็ล้นเกินคนเข้าใจ ทำให้หมั่นไส้สะอื้นสะออนไปได้หลากหลาย
เจตนาเดิมแท้ของผมไม่มีอะไรซ่อนเร้น เพื่อช่วยกันเข็นประเทศนี้ไปสู่ความเป็นอารยะตามที่และเท่าที่คิดได้ครับ
บาท่านและสมาชิกหลายท่านในลานปัญญานี้มีพลังและน้ำใจ ไม่งั้นผมไม่ย้ายจากวิกใหญ่มาฉายที่นี่หรอก อย่างน้อยก็ยังเสียงตบมือหรอมแหรมพอเป็นแรงใจให้รำต่อ อิอิ
ไม่อยากจะเซดเลยค่ะว่าคนหัวทื่อแบบหนู เห็นชื่อบันทึกแล้วก็เข้าใจล่ะค่ะว่า
“ต้นไม้ก็สอนคน(ให้)ฉลาด(ขึ้น)ได้” แต่ดันพาลไปสนุกคิดต่ออีกแบบว่า
“ต้นไม้ ก็สอนคนฉลาด ได้ (แต่สอนคนโง่ไม่ได้)” กั่กๆๆ
เห็นด้วยค่ะว่าต้นไม้สอนคนได้ และเคยถกกับคนช่างซักเรื่องสัตว์บรรลุธรรมได้ไหม
ตอนแรกเบิร์ดก็คิดแบบติดกรอบชัดเจนว่าไม่ได้ เพราะสัตว์ไม่มีวิวัฒนาการของสมองซับซ้อนเท่ามนุษย์ แต่คนช่างซักถามกลับว่าแน่ใจ?
เลยฉุกใจคิดว่าความเรียบง่ายไม่ซับซ้อนของสัตว์น่าจะทำให้กิเลสไม่หนา ไม่มีตัวตนให้ยึดเท่าเราก็ได้ และพระพุทธองค์ท่านก็เคยเกิดเป็นสัตว์ตั้งหลายชาตินี่นา ^ ^
เล่นคำซะทำให้งง…แต่ชื่อเรื่องก็สะกิดให้มาบอกว่าเห็นด้วยมากๆ…..ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดในโลกและเป็นเจ้าโลกที่แท้จริงคือต้นไม้….ไม่ใช่มนุษย์หรอก….ต้นไม้เป็นครูสอนทั้งธรรมและ(สัญ)ชาติ(ญาณ) ให้โดยไม่รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา….เมื่อไรที่ต้นไม้โดนรังแก…บูมเมอแรงกลับมาแบบ…มนุษย์เจ็บตัวทุกทีไป
เข้ามาตามอ่านลีลาอยู่นะคะ เพียงแต่เวลาทำให้ไม่ว่างพอให้นั่งลงตอบค่ะ
น่าสังเกตว่าสัตว์ยิ่งต่ำเท่าไรก็ยิ่งฉลาดเท่านั้น เช่น เชื้อเอดส์ มันไวรัสงี่เง่าแท้ๆ แต่ดันส่งสัญญาณหรอกยามแห่งร่างกายมนุษย์ได้ว่าเป็นพวกเดียวกัน
ส่วนมนุษย์เราที่ประกาศกร้าวว่าฉลาด เป็นสัตว์ประเสริฐกว่าใครนั้น เพียงเพราะคิดค้นพิมพ์ดีดได้เท่านั้นเอง
ถ้าต้นไม้มันอ่านออก คงขำกลิ้ง
แก้ผิด “หลอกยาม ”
ต้นไม้มันไม่ง่าวจนพิมพ์ผิดบ่อยๆแบบนี้หรอกสิบ่อกไห่
เอ้าลืมโต้ตอบ…
ชื่อบทความไม่ได้พิมพ์ตกนะ(ยะ)
หมายความตามนั้นเลย ต้นไม้(ที่เห็นกันว่าโง่ๆก็.)สอนคนฉลาดได้
ผมเคยสอนนศ.ว่า ใครเขาด่าเราว่า”ไอ้สัตว์” ก็ขอให้ขอบคุณเขา ที่ไม่ด่าว่า “ไอ้พืช”
ใครเขาด่าว่า ไอ้เหี้ย ก็ดีแล้วที่เขาไม่ด่าว่า ไอ้ผักกาดขาว