ทำไมฝรั่งเจริญกว่าไทย (๒๖)

โดย withwit เมื่อ 7 March 2011 เวลา 11:42 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1844

พื้นฐานของความเจริญทางวัตถุของฝรั่งในวันนี้มาจากการวิเคราะห์เป็นส่วนใหญ่ เช่น วิเคราะห์หาระเบียบของดวงดาว ยารักษาโรค โครงสร้างอะตอม และสมมติฐานของธรรมชาติ

ที่ฝรั่งชอบคิดวิเคราะห์เพราะมีพื้นฐานแนวคิดแบบเชิงเส้น (linear thinking) มานานจนนำไปสู่การนับถือศาสนาคริสต์เพราะเข้ากันได้กับแนวคิดเชิงเส้นนั่นเอง

การคิดเชิงเส้นคือการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล กล่าวคือ เมื่อมีสิ่งหนึ่งก็ต้องมีสิ่งหนึ่งเกิดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งต้องมีสิ่งอื่นอีกสิ่งหนึ่งเกิดมาก่อนหน้านั้นเสียอีก และต่อๆไปจนไปถึง “จุดกำเนิด” ของสรรพสิ่ง ดังนั้นเมื่อมีมนุษย์ก็ต้องมีที่มาว่ามาจากการสร้างของพระเจ้านั่นแล

ส่วนพวกไม่เชื่อพระเจ้าก็คิดว่าเมื่อมีโลกก็ต้องมาจากการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ (the big bang) ออกจากมวลเข้มข้น ในระดับสสารก็วิเคราะห์หาสิ่งกำเนิดแยกย่อยกันไปจนถึงระดับเล็กกว่าอะตอมไปแล้ว

การคิดเชิงเส้นทำให้พัฒนามาเป็นคนมีเหตุผล นำสู่การคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้มาก และการคิดแบบเชิงเส้นนี้สอดคล้องกับนิสัยตรงไปตรงมา (directness) ของฝรั่งดังที่เคยเสนอไว้ในตอนที่ … แล้ว

ส่วนคนไทยเรานั้นมักเก่งในการคิดแบบไม่เชิงเส้น (ไม่ตรงไปตรงมา) โดยเอาเรื่องหลายๆเรื่องมาต่อเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างเหลือเชื่อ เช่น การทอผ้าลวดลายมหัศจรรย์ทั้งหลาย (ผ้าโบราณฝรั่งไม่ค่อยมีลวดลาย) งานจักสานอันวิจิตร การแต่งกลอนที่มีสัมผัสนอกในวุ่นวายหลายตลบ การวาดภาพในงานศิลปะก็งอนไปงอมาเต็มไปหมด และการปรุงอาหารนั้นก็หลากรสมากในอาหารจานเดียวกัน (ส่วนฝรั่งมีรสเค็มรสเดียว) ส่วนหนังไทยเราก็ต้องมีครบทุกรส..บู๊รักโศรกตลกโป๊

ว่าไปแล้ว “การคิด” แบบไทยนั้นใช่ว่าใช้สมองคิดไปเสียหมด แต่อาจถือว่าใช้ระบบองค์รวมของความเป็นคน(ไทย)ช่วยในการคิดด้วย ถือว่าเป็นจุดแข็งสำคัญของชาติที่ผู้วางนโยบายพัฒนาชาติพึงตระหนัก จะได้พัฒนาได้ตรงกับจุดแข็งของเรา จะทำให้เรามีเอกลักษณ์พิเศษในโลก

ไม่ใช่เห็นฝรั่งเขาเจริญเพราะคิดวิเคราะห์เก่ง ก็เฮโลจะเลียนแบบเขาเสียหมด (อย่างนี้เรียกว่า เป็นคนไม่รู้จักคิด หรือ นัยหนึ่ง โง่ นั่นเอง)

เราต่างพากันประณามการสอนแบบเก่าของไทยเราว่าล้มเหลว ที่สอนแต่ให้นักเรียนจำ จำ และจำ โดยไม่สอนให้คิดมากเท่าที่ควร จนไปปฏิรูปการศึกษาให้สอนให้รู้จักคิดมากกว่าจำ โดยหารู้ไม่ว่า ในการจำนั้นถ้าทำให้ดีมันก็สอดแทรกการคิดได้ ส่วนในการคิดนั้นกว่าจะคิดอะไรออกมันต้องจำอะไรไว้มหาศาล (เช่น คนที่คิดเลขได้ไวก็ต้องจำแม่สูตรคูณได้หมดและจำวิธีการคิดลัดได้มากกว่าคนอื่นนั่นเอง) ผมเชื่อเหลือเกินว่าคนที่คิดได้เก่งที่สุดก็ต้องเป็นคนที่จำอะไรได้แม่นและมากที่สุดด้วย จากนั้นจึงเอาความรู้ที่จำไว้มาวิเคราะห์สังเคราะห์ขึ้นให้เป็นข้อวินิจฉัยอันฉลาดปราดเปรื่องเหล่านั้น

น่าเสียดายที่สุดที่บัดนี้เราปฏิรูปการศึกษา ห้าม รร.ไทยท่องอาขยาน (แต่สูตรคูณกลับให้ท่องเหมือนเดิม นี่มันสองมาตรฐานแท้ๆ) เลยทุกวันนี้เด็กไทยเราจำก็ไม่เก่ง คิดก็ไม่เป็น ศิลปะ และความพริ้วแบบไทยก็ไม่เหลือ (เพราะไม่มีอาขยานในใจ) อีกหน่อยก็คงเป็นขี้ข้าเขาได้อย่างเดียว (ตอนนี้ก็เป็นอยู่แล้ว)

จุดแข็งของคนไทยเรานั้นคือการ จำ และ การคิดสังเคราะห์ การคิดแบบไม่เชิงเส้น แบบองค์รวม ไม่ใช่การ ”คิดวิเคราะห์” เป็นเชิงเส้นแบบฝรั่ง ดังนั้นผมจึงขอเสนอให้รัฐบาลและผู้รับผิดชอบด้านการบริหารการศึกษาของชาติช่วยกันปฏิรูปการศึกษาเสียใหม่ ให้สอดคล้องกับลักษณะเด่นของเรา คือ ทำให้การ “คิดสังเคราะห์” เก่งเสียก่อน เพื่อเป็นบันไดไปสู่การคิดวิเคราะห์อีกที (เพื่อไปสู่สังเคราะห์อีกรอบ) กล่าวคือใช้การจำ และการคิดสังเคราะห์เป็นกุศโลบายไปสู่การคิดวิเคราะห์

ถ้าเราไปหักด้ามพร้าด้วยเข่า ด้วยการให้คิดวิเคราะห์แบบฝรั่งเลยผมว่าคงไปไม่รอดแน่ และถ้ายิ่งไปตัดตอน “การจำ” ออกไปแบบที่คิดกันผิดๆมาสิบกว่าปีแล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะการจำนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งการวิเคราะห์และสังเคราะห์

พระเกจิสอนว่าการปฏิบัติธรรมให้ได้ผลนั้นมีสองวิธีใหญ่คือ สมาธินำปัญญา (เจโตวิมุต) และ ปัญญานำสมาธิ (ปัญญาวิมุต) ถ้าใช้วิธีที่เหมาะกับลักษณะตนก็บรรลุธรรมได้เร็วกว่าที่ใช้อีกวิธีหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ได้ผลเท่ากัน ผมว่ามันเหมือนกับการพัฒนาชาติไทย เราจะเอาสังเคราะห์นำวิเคราะห์ หรือวิเคราะห์นำสังเคราะห์ก็ได้ อย่าไปคิดแต่ลอกเลียนวิธีการฝรั่งกันนักเลย

สำหรับการเมืองไทยเราก็สังเคราะห์ (สงเคราะห์) กันไปมาแบบที่ว่า “ไม่มีศัตรูถาวรนั่นเทียว” การโหวตก็โหวตแบบเฉโก ในขณะที่นักการเมืองฝรั่งโหวตแบบตรงไปตรงมา ประเด็นนี้สำคัญมาก มันบอกว่าเราไม่อาจใช้ระบบประชาธิปไตยแบบตะวันตกได้ ต้องปรับระบบให้เข้ากับนิสัย “ไม่เชิงเส้น” ของคนไทยให้ดี ไม่เช่นนั้นประชาธิปไตยไม่มีวันเบ่งบานในผืนแผ่นดินไทย

และถ้าการเมืองไม่เจริญเสียแล้ว ก็คงไม่มีวันที่ประเทศไทยจะเจริญเท่าฝรั่งไปได้

« « Prev : ไก่ปิ้งก่อโรคมะเร็ง

Next : อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ทำด้วยฝาหม้อพิสูจน์ความผิดของวิทยาศาสตร์ในตำราที่เชื่อกันมานาน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 March 2011 เวลา 1:07 am

    ควรค้นหาวิธีเจริญแบบไทยให้ไปโลดกว่านี้ดีไหมครับ
    เพราะฝรั่งคล้องช้างแพ้คนไทยแน่ๆ
    จุด่อน จุดแข็งอาจจะมีอยู่
    เพียงแต่มันแอบแอ่้งไหมอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ อิอิ

  • #2 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 March 2011 เวลา 2:40 am

    ญี่ปุ่น มีอะไรคล้ายกับไทยมากครับบาท่าน เช่น สังคมแนวดิ่ง ไม่กล้าเถียงผู้ใหญ่กว่า รวยกว่า หรือ การศึกษาสูงกว่า ยกเว้นญี่ปุ่นมีวินัย ส่วนไทยไม่มี

    ผมมองเห็นว่าญี่ปุ่นเจริญมาจนวันนี้ด้วยการสังเคราะห์มากกว่าวิเคราะห์ กล่าวคือ เอาความรู้ที่ได้จากการวิเคราะห์ของฝรั่งมาสังเคราะห์ให้เป็นรถยนตร์ โทรทัศน์ มือถือ ได้ดีกว่าคนต้นคิด(วิเคราะห์)เสียอีก


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.37604594230652 sec
Sidebar: 0.26527309417725 sec