นักวิชาการไทย..ขี้ขลาดยิ่งกว่าลูกแกะ
นักวิชาการไทย..ขี้ขลาดยิ่งกว่าลูกแกะ
ผมเจอนักวิชาการจาก มหาลัยโอเตโก นิวซีแลนด์ มาสามคนแล้ว สองคนจบปริญญาเอกมาจากที่นั่น อีกคนเป็นอาจารย์ใหญ่ ทั้งสามคนมีพฤติกรรมเหมือนกันอยู่อย่างคือ กล้าหาญทางวิชาการล้นเหลือ และฉลาดมากด้วย
ทำให้เอะใจ จึงไปค้นดูหน้าเว็บของมหาลัยแห่งนี้ (Otago Univ.) พบว่าเป็น ม.วิจัยที่ดีที่สุดในนิวซีแลนด์ เก่าแก่ที่สุดด้วย
ค้นต่อไปพบว่า องค์กรจัดระดับการศึกษาโลก ได้ยกให้การศึกษาในนิวซีแลนด์ดีเป็นอันดับ 7 ของโลก รองจาก เดนมาร์ก ฟินแลนด์ สวิส …. ส่วนเมกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ไม่ติดฝุ่น
ที่ผมชอบมากที่สุดคือคำขวัญของโอเตโก ที่หัวนๆ สั้นๆ ว่า “dare to know” หรือ กล้าที่จะรู้ ส่วนองค์กรนักศึกษาก็ขานรับกันใหญ่ มีมอตโตเช่น “กล้าที่จะเรียนรู้”
มันช่างตรงใจผมจริงๆ เพราะผมได้พูดสอนนศ. ของผมมา 15 ปีแล้วว่า เราต้องกล้าที่จะรู้ อย่าปอดสิ เพราะนี่คือความกล้าหาญทางวิชาการที่คนไทยเราขาดมากๆ เอะอะอะไรก็ไปขอทานความรู้จากต่างชาติหมด ฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี จีน อินเดีย
เมื่อไหร่จะกล้าสร้างความรู้เอาไว้ใช้ด้วยหนึ่งสมองสองมือของเราเองเสียที
…ทวิช จิตรสมบูรณ์
Next : เมื่อปลาฝรั่งสอนหมาไทย (หมา=doc) » »
2 ความคิดเห็น
นักวิชาการไทยที่กล้าหาญชาญชัยก็น่าจะมีนะครับ
เพียงไม่แสดงออก ตามวิสัยไทย อาจจะใช้คำว่า”คมในฝัก” ก็ได้นะครับ
เรื่องกล้ามากกล้าน้อยก็เป็นธรรมดา
นะครับท่านจอหงวน อิอิ
บาท่าน
คมในฝัก ถ้าไม่กล้าชักออกมาใช้ยามศึก
ก็ไม่ต่างอะไรกับ ไม่มีคม ครับ
ผมยอมรับว่านักวิชาการไทยเก่งๆ มีพอควร
แต่เก่งแบบขี้ขลาด
ซึ่งแสดงว่า อาจไม่เก่งจริง
ทำเป็นอวดเก่งกับคนที่ไม่ค่อยเก่ง
เก๊กเก่งว่างั้นเถอะครับ
เก๊กหล่อ
เก๊กดี
ก็ยังดีกว่าไอ้พวกนักวิชาการ “hlog dag”
ที่ทุกวันนี้มันมีมากจริงๆ จนน่าตกใจ
คนอย่างบาท่าน หายาก คือแก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือพอมีความรู้อยู่บ้าง ตัวเองพอมีกิน ไม่อดตายแล้ว ก็อยากเอามาแบ่งปัน ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ชีวิตมนุษย์มันก็แค่นี้แหละครับ
ความดีเหมือนกับความชั่วอยู่อย่างหนึ่งคือ มันทำให้กล้า
บาท่านคือตัวอย่างทีพวกเราทุกคนควรศึกษาให้มาก