คนไม่มีไฟ

อ่าน: 2265

ผมเกิดมาทันสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่ญี่ปุ่นยกธงขาว ทั่วโลกอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพง แต่คนที่อาศัยอยู่ในป่าดงดอยก็คงไม่กระไรนัก เพราะเคยชินจนปรับตัวเป็นปกติ แต่คนที่อยู่ในหมู่บ้านต้องแบ่งสันปันส่วนสิ่งของที่จำเป็น ความเป็นพี่น้องในวัฒนธรรมก็พอเกลี่ยความต้องการให้กันได้ อีกส่วนหนึ่งยุคนั้นคนไทยพึ่งตัวเองเป็นส่วนใหญ่ได้แทบทั้งหมด เสียดาย..ทำไมไม่ทำสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ จอมพล ป. ยังเคยรณรงค์ให้ปลูกผักสวนครัว ชูเรื่องในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แผ่นดินของเรา อุดมสมบูรณ์ ..

วิถีไทยสมัยที่ผมเป็นเด็ก ๆ ชาวบ้านจะยกเรือนสูง ด้านล่างทำเป็นคอกวัวควาย กลางคืนก็จุดไฟไล่ยุง ควันก็คงจะฟุ้งขึ้นไปบนเรือนเป็นครั้งคราว ถ้ามองเรื่องการอนามัยคงจะไม่ดีนัก เหตุผลสำคัญชาวบ้านอาจจะมองเรื่องความปลอดภัยจากโจรขโมยวัวควาย แถมยังประหยัดด้วย เพราะไม่ต้องไปทำคอกอีกแห่งหนึ่ง เรียกว่าเรือนแบบทูอินวันได้ไหม? แต่ที่แน่ๆชาวบ้านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเรื่องเชื้อเพลิง พึ่งสติปัญญาตนเอง

อ่านต่อ »


คนเผาถ่าน

อ่าน: 5933

(สารภาพบาปด้วยการปลูกป่าไม้อย่างที่เห็น)

สมัยที่มาอยู่สวนป่ายุคบุกเบิกนั้น ถ้าวันไหนออกไปเดินตอนเช้าตรู่ก็จะเปียกชื้นเย็นจากน้ำค้างโดนเสื้อผ้า แต่สมัยนี้ไม่มีแล้ว น้ำค้างหายไปพร้อม ๆ กับป่าไม้ ใบหญ้าจึงเหี่ยวสลดไม่สดชื่นเหมือนยามเช้าตรู่สมัยก่อน ที่สวนป่านอกจากกรณีขาดแคลนน้ำแล้ว เรื่องเชื้อเพลิงก็มีวิวัฒนาการ ชาวสวนยังใช้ก้อนเส้า 3 ขาตั้งเป็นเตาฟืน ใช้หม้อดินเป็นภาชนะหลัก ถึงก้นหม้อจะดำอย่างธรรมชาติของเตา แต่ข้าวข้างในสุกหอมกรุ่น

อากาศยามเช้านั้นเย็นนัก นอนฟังเสียงน้ำค้างหยดเปาะแปะทั้งคืน ด้วยความเย็นเฉียบทำให้ไม่อยากตื่น นอนคุดคู้อยู่ในผ้าผวยจนแดดออก ถ้าตื่นสายเกินไป ยายจะปลุกขึ้นมากินน้ำข้าวใส่เกลือปะแล่ม ๆ หนาว ๆ ได้เครื่องดื่มอุ่นอร่อยมันพิเศษจริง ๆ นะครับ จำได้มาจนเท่าทุกวันนี้ น้ำข้าวจากข้าวไร่ที่ตำด้วยครก ที่เราเรียกว่าข้าวซ้อมมือนั่นแหละ คนอยู่ในป่าไม่มีโรงสีที่ไหนนี่ครับ แต่ก็ได้ข้าวที่มีคุณภาพสุดยอดโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องมาคุยเรื่องข้าวอินทรีย์ให้เมื่อยตุ้ม เพราะสมัยนั้นปุ๋ยเคมียาฆ่าแมลงเป็นยังไงไม่รู้จัก ..

อ่านต่อ »


ความมั่นยืนในหัวใจ

อ่าน: 2914

(ตัดต้นไม้ 2 ต้น ขยายพื้นที่ปลูกผักให้โปร่งขึ้น)

สังคมมนุษย์โลกมีมุมมองออกจากความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้ง น้อยนักที่จะมองความมั่นคงความยั่งยืนในภาพรวม ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าต้องเอาเรื่องปากท้องของตนเองให้รอดก่อน แต่กิเลสไม่เข้าใครออกใคร พอมีเงินความคิดก็เปลี่บน อำนาจเงินชักจูงให้ไปสู่อำนาจอื่นกลายเป็นกิเลสกองใหม่ที่ใหญ่และบ้าคลั่งยิ่ง ๆ ขึ้นไป ความละโมบทรัพยากรของโลกที่เป็นส่วนรวมของมนุษย์ทุกคนมาเป็นของส่วนตัว สมัยนี้เขายกย่องด้วยนะว่าเป็นคนเก่งมีความสามารถ ที่ดึงตัวเองไปยืนแถวหน้ายิ้มระรื่นว่าข้าแน่ ข้าเนียน ข้าโกงเก่ง เป็นตัวอย่างให้แมลงเม่าบินตามไปเป็นฝูง เมื่อมันเป็นกระแสเถื่อนที่มอมเมาคนยุคใหม่ ใคร ๆ ก็ตะเกียกตะกายเอาแบบอย่าง โลกใบนี้จึงเต็มไปด้วยศาสตร์งูกินหาง ที่สอนวิชาบูด ๆ เบี้ยว ๆ โดยแม่ปูขาเป๋ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ลองตรองดูเถิดว่าสังคมมนุษยชาติจะอยู่โดยไม่ย่ำยีธรรมชาติได้อย่างไร ?

อ่านต่อ »


มุมตัวเอง

อ่าน: 2435

เฮ้อ..กว่าจะหาเจอที่เหมาะๆให้ตัวเองเวลาก็ผ่านเลยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ลูกน้องช่วยกันขุดดินพูนข้างผนังหลังบ้านเรือนเล็กใต้ชายคา เพื่อไม่ให้น้ำฝนไหลซึมเข้าฐานบ้านทำให้เกิดความชื้น ดินที่ขุดสูงกว่าพื้นทั่วไปประมาณ 1 คืบ กว้างประมาณ2เมตร ยาวเท่าตัวบ้าน มุมด้านซ้ายติดรากต้นเหรียง เยื้องมาหน่อยมีต้นลำดวน และต้นหอมหมื่นปีที่เพิ่งจะลงดินปลูก มองไปข้างหน้าเป็นแปลงผักที่ปรับปรุงใหม่ มองไปมองมาชักเข้าท่าแฮะ ถ้าเราจะปรับดินให้แน่นและเสมอกันแล้วปูด้วยอิฐแดง เราก็จะได้มุมส่วนตัวที่เอาเก้าอี้ฮ่องเต้มาวางนอนอ่านหนังสือ ภายในบริเวณที่อยู่ท่ามกลางสวนผักและต้นไม้นานา เพื่อเสริมบรรยากาศให้พิลาศพิไลก็ปลูกว่านสาวหลงอีกแถวหนึ่งด้านหน้า เจ้าว่านชนิดนี้จะมีกลิ่นสาวหลงหรือเปล่าไม่รู้นะโชยออกมาจากต่อมทางใบ สรุปว่าผมหาเจอแล้วมุมตัวเองแล้ว มีเนื้อที่ขนาดกว้าง 2×8เมตร นั่งๆนอนๆเอกเขนกคนเดียวคงสบายๆ จะมีชุดรับแขกเล็กๆที่ทำจากต้นตาลมาวาง ต่อปลักไฟไว้เสียบกระติกน้ำร้อน แค่นี้ก็มีที่นั่งๆนอนๆและคุยกับต้นไม้ใบหญ้าแถมยังรับแขก2-4คนกันเองได้อย่างลงตัว..ใครที่เคยมามุมนี้จะมีสมุดเยี่ยมให้ลงชื่อไว้ เผื่อกลับไปจะมีไอเดียต่อยอดออกไปอีก

ถ้ามองจากมุมที่ว่านี้ เราจะเห็นความเจริญงอกงามของผักและต้นไม้ชนิดต่างๆทุกวัน

นั่งๆนอนเบื่อก็ลุกเดินไปดายหญ้าใส่ปุ๋ยเปิดสปริงเกอร์รดน้ำ

เดินพิจารณาต้นโน้นต้นนี้เหมือนที่ครูอารามเล่าเรื่องดอกทุเรียน

คนปลูกต้นไม้น่าจะมีเรื่องมาให้ดีใจคล้ายๆกัน

เรียกว่า..กลุ่มความสุขทางใจอย่างเดียวกันจะได้ไหม? อ่านต่อ »


ภาควิชาแคว๊กศาสตร์

5 ความคิดเห็น โดย sutthinun เมื่อ 24 มกราคม 2010 เวลา 13:16 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 4811

(ประดู่แดงกำลังแต้มแต่งสวนป่าให้สดใส)

“เรื่องนี้คนเจ็บตา ตาแดง ตาแฉะ ยกเว้นตาเหล่ สมควรพิจารณา”

เช้านี้ได้คุยกับคุณครูผู้ซึ่งได้รับรางวัลเนื่องในวันครูสดๆร้อนๆ ในการที่จะกำหนดโปรแกรมออกแบบรับคณะคุณครู1คันรถบัส ที่จะมามาเยี่ยมสวนป่า ผมนะดีใจหลายที่จะได้เสวนากับครูผู้ซึ่งไม่หยุดนิ่งการแสวงหาความรู้ความคิดใหม่ กว่าคณะจะมาผมคงทำการบ้านส่วนใหญ่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนเหล่านี้จะสนุกกับการเจี๊ยะความรู้แบบง่ายๆ คุยซะเพลินเกือบลืมวันเวลาฟันธง ตกลงได้วันที่ 5-9 พฤษภาคม เป็็นช่วงรอยต่อระหว่างปลายร้อน-ต้นฝน ปีนี้ผมตั้งรับความร้อนแล้งเต็มที่ ต่อน้ำหยด-น้าฝอย น้ำสปริงเกอร์รอบบ้าน ครอบคลุมพื้นที่ 1 ไร่ ได้ปรับสภาพเป็นแปลงสวนครัวด้วยผักสารพัดนึก อธิบายเรื่องพึ่งตนเองเพื่อปากท้องตัวเองและครัวเรือนคนกันเอง ต้นไม้ใบหญ้าจะปลูกรอท่าเต็มที่เลยนะคุณครูอึ่ง อ่านต่อ »



Main: 0.77574014663696 sec
Sidebar: 0.34684085845947 sec