คนเผาถ่าน
(สารภาพบาปด้วยการปลูกป่าไม้อย่างที่เห็น)
สมัยที่มาอยู่สวนป่ายุคบุกเบิกนั้น ถ้าวันไหนออกไปเดินตอนเช้าตรู่ก็จะเปียกชื้นเย็นจากน้ำค้างโดนเสื้อผ้า แต่สมัยนี้ไม่มีแล้ว น้ำค้างหายไปพร้อม ๆ กับป่าไม้ ใบหญ้าจึงเหี่ยวสลดไม่สดชื่นเหมือนยามเช้าตรู่สมัยก่อน ที่สวนป่านอกจากกรณีขาดแคลนน้ำแล้ว เรื่องเชื้อเพลิงก็มีวิวัฒนาการ ชาวสวนยังใช้ก้อนเส้า 3 ขาตั้งเป็นเตาฟืน ใช้หม้อดินเป็นภาชนะหลัก ถึงก้นหม้อจะดำอย่างธรรมชาติของเตา แต่ข้าวข้างในสุกหอมกรุ่น
อากาศยามเช้านั้นเย็นนัก นอนฟังเสียงน้ำค้างหยดเปาะแปะทั้งคืน ด้วยความเย็นเฉียบทำให้ไม่อยากตื่น นอนคุดคู้อยู่ในผ้าผวยจนแดดออก ถ้าตื่นสายเกินไป ยายจะปลุกขึ้นมากินน้ำข้าวใส่เกลือปะแล่ม ๆ หนาว ๆ ได้เครื่องดื่มอุ่นอร่อยมันพิเศษจริง ๆ นะครับ จำได้มาจนเท่าทุกวันนี้ น้ำข้าวจากข้าวไร่ที่ตำด้วยครก ที่เราเรียกว่าข้าวซ้อมมือนั่นแหละ คนอยู่ในป่าไม่มีโรงสีที่ไหนนี่ครับ แต่ก็ได้ข้าวที่มีคุณภาพสุดยอดโดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องมาคุยเรื่องข้าวอินทรีย์ให้เมื่อยตุ้ม เพราะสมัยนั้นปุ๋ยเคมียาฆ่าแมลงเป็นยังไงไม่รู้จัก ..