ตอนที่ 2
จากบทสรุปของพวกเรา หลายท่านเห็นตรงกันว่านักศึกษาควรจะได้ฝึกปฏิบัติมากกว่านี้ ช่วงที่มาอยู่ที่น่าน3ปี ทางศูนย์ฯควรจะหาที่ดินให้ฝึกปฏิบัติคนละ 2-5ไร่ เพื่อเอาวิชาความรู้ที่เล่าเรียนมาฝังลงหลุมแล้วให้ผลิผลิตผลทางวิชาการออกมาเห็นเป็นรูปธรรม นั่นก็หมายความว่านิสิตแต่ละคนจะได้เรียนเชิงประจักษ์ ได้เพาะปลูกได้เลี้ยงสัตว์ได้ปลูกต้นไม้ด้วยมือตนเองจนครบวงจร เพื่อให้ตระหนักว่าทรัพยากรธรรมชาตินั้นสำคัญต่อมวลมนุษย์อย่างไร?
คณะชาวเฮอยากเห็น..แปลงเรียนรู้ของนิสิตแต่ละคน ยามใดที่มีการจัดงาน เจ้าของผลิตผลจะได้นำมาผลิตมาทำเลี้ยงดูแขกเหรื่อ ในยามปกติก็จะนิสิตก็จะได้บริโภคอาหารของตนเอง เป็นการซึมซับจิตวิญญาณของธรรมชาติ เรียนรู้การใช้วิถีชีวิตเกษตรกรพันธุ์ใหม่อย่างเข้มข้น จะได้มีความเพิ่มทักษะการเกษตรอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อไปผ่องถ่ายให้กับครอบครัวยามที่กลับไปพัฒนาบ้านเกิด
บั ณ ฑิ ต ส า ย พั น ธุ์ ข้ า ว ก ล่ อ ง มั น จั ก ก ะ จี้ น ะ ข อ รั บ .
บัณฑิตย้อมผมสีแดงแช๊ด ก็จักกะจี้ ครับผ๊ม!
คุณหมอจอมป่วนให้ความเห็นว่า..คนไหนที่ชอบการจัดการ การแปรรูปต่างๆ ก็เข้าไปร่วมมือกับกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ศูนย์เรียนรู้ต่างๆ ไปเอาโจทย์มาจากชนบท เข้ามาวิเคราะห์และใคร่ครวญว่าจะใช้วิชาความรู้แปลงและแปรรูปวัตถุดิบในชุมชนให้มีมูลค่าและคุณค่าเพิ่มขึ้นอย่างไรได้บ้าง อย่าไปมองแต่โครงการใหญ่ๆ เรื่องแบกะดินนี่แหละเหมาะที่จะปูพื้นฐานให้นักก่อการการเกษตรมือใหม่ยิ่งนัก ควรมองเรื่องใกล้ตัวให้ทะลุ แล้วจะรู้ว่ามีเรื่องที่น่าเข้าไปตะลุมบอลมากนัก ที่สำคัญนิสิตจะได้รู้เห็นข้อมูลภาคการผลิตระดับในชุมชนอย่างถ่องแท้
จะไปพัฒนาชุมชนก็ต้องคลุกอยู่กับชุมชนสิครับ
เข้าไปปิดประตูตีแมวเลย
การปลูกฝังวิชาการเกษตรที่ทรงพลัง..ควรจะผ่านการลองผิดลองถูก
ได้ศึกษาวิเคราะห์ปัญหา เอาปัญหามาตีแตก
ประยุกต์วิชาความรู้เข้ากับเทคโนโลยีและอัตลักษณ์ของพื้นถิ่นตนเอง
ถ้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะมอบคืนลูกหลานสายพันธุ์เกษตรแนวใหม่คืนให้แก่แผ่นดิน เพื่อเป็นของขวัญที่ชาวจุฬาจะตอบแทนประเทศชาติ ประชาชนคนไทยต้องการได้เห็นของขวัญดังกล่าวนี้ ซึ่งมันควรจะแตกต่างทั้งตัวทรัพยากรบุคคล ความรู้ความคิดความสามารถผสานความเข้าใจให้เป็นความเข้าใจ การไปอยู่อาศัยในชนบทนั้นมันไม่ยากจนดิ้นล้มดิ้นตายอะไรหรอก ผืนแผ่นดินไทย/สังคมชนบทไทยไม่ได้เสียหายจนใครไปอยู่ไม่ได้ ชนบททุกวันนี้มีอินเตอร์เน็ท-ไฟฟ้า-ประปา-ถนนคอนกรีต-โทรศัพท์-โทรทัศน์-วิทยุ-แม้กระทั้งร้านเซเว่นก็มีให้เธอเปิดแข่งขัน ทุกอย่างขึ้นกับการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจให้ตระหนักถึงความงดงามและความดีงามของชนบท
มันดีเท่าไหร่แล้วที่ได้กลับมาอยู่เลี้ยงดูพ่อแม่
ได้โผกลับมาทำงานในถิ่นเกิดที่เคยวิ่งเล่นสมัยเป็นเด็กๆ
เ ลิ ก เ ป็ น บั ณ ฑิ ต เ น ร คุ ณ กั น เ ถิ ด
รักบ้านเกิด กลับถิ่นเกิด ทำหน้าที่ลูกหลานไทยที่เปี่ยมสำนึกดี
นอกจากกัดไม่ปล่อยแล้ว เธอควรกอดไม่ปล่อยอีกด้วย
ถามตัวเองให้ชัด เจ้าเป็นไผ
ทำไมถึงรู้สึกนึกคิด จึงเห็นดีเห็นงามกับการทิ้งถิ่น
คนเรานะเธอ..ถ้าดีจริง..ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอก
เธอกลัวทำไม? ถ้าภูมิรู้ภูมิธรรมของเธอเป็นของจริง อยู่กับความจริง ผิดก็ได้เรียน ถูกก็ได้เรียน ทำเรื่องธรรมดาให้เป็นเรื่องพิเศษ เรียนรู้วิธีทำงานบนฐานความไม่พร้อม เกษตรกรก็เหมือนผัก มีหลายสายพันธุ์ แล้วแต่จะเลือกเฟ้นมุ่งไปทางด้านไหนอย่างไร? การเรียนรู้ไม่มีวันจบ ถ้าเธอเป็นผู้เรียน ชีวิตเธอจะสนุกและบรรเจิดมากกับที่ได้ออกมาใช้ชีวิตในท้องฟ้ากว้าง
พ่อแม่พี่ป้าน้าอาต่างก็เป็นต้นทุนที่ชัดเจนอยู่แล้ว เธอก็เรียนวิชาความรู้ไปแล้วนี่ ถ้ากลับไปอยู่บ้านสร้างอาชีพการงานให้ดีขึ้นไม่ได้ก็นับว่าประหลาดแล้วละ คนรุ่นเก่าเขาไม้ได้ฝึกหัดฝึกฝนอะไรอย่างเป็นระบบเหมือนเธอ เขายังทำไร่ทำนาส่งเธอมาเรียนได้..ทุกอย่างที่มีอยู่แล้วเป็นทุนทรัพย์มหาศาล รอให้เธอได้เข้าไปพัฒนาการ ใช้วิชาความรู้ได้อย่างสนุก มด ปลวก แมลง นก ไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่ไหน มันยังสร้างที่อยู่อาศัยใช้ชีวิตได้อย่างธรรมชาติได้ ทางคณาจารย์ก็พร้อมที่จะสนับสนุนอยู่แล้ว นับเป็นโอกาสทองของชีวิตที่หาไม่ได้อีกแล้ว
อย่าไปสนใจแสงสีในบางกอกนักเลย
กรุงเทพฯนับวันจะเน่าและเละเทะ
ไปไหนเห็นแต่รถติด นั่งอุดอู้อยู่ภายใต้การบังคับของไฟเขียวไฟแดง
ใช้ชีวิตเหมือนเต่า..ไปไหนมาไหนคลานไปทีละกระดึบๆๆ
คนกรุงถูกมัดตราสังด้วยความเจริญจอมปลอมและแถกเถื่อน
กลับบ้านเรา..รักรออยู่
เธอเข้าใจไหม? ความหวังใหม่ของชาติมันยิ่งใหญ่อลังการประมาณไหน เทียบไม่ได้หรอกกับการที่เธอเรียนเพื่อไปเป็นลูกกระจ๊อกในโรงงานต่างๆ ถ้าจะมาเรียนเพื่อไปเป็นบัณฑิตโหลๆเหมือนคนอื่น นับว่าน่าเสียดายโอกาสทองชีวิตนัก เธอจะไปเพิ่มอัตราโหลๆทำไมเล่า ลุกขึ้นอย่างทระนง ประกาศความเป็นลูกจุฬาฯสายพันธุ์หัวเสริมใยเหล็ก
ที่ผ่านมา ทุกสถาบันมุ่งผลิตบัณฑิตทิ้งถิ่น ถ้าจุฬาฯสามารถผลิตบัณฑิตคืนถิ่นได้ย่อมเป็นคุณแก่แผ่นดินนี้อเนกอนันต์ ประเด็นที่เราได้รับคำถามจากบัณฑิตที่น่าพิจารณาอย่างยิ่งก็คือ ความตระหนก..ไม่มั่นใจที่จะกลับไปพัฒนาบ้านเกิด ยังไม่ทราบว่าจะเอาอะไรไปต้นต้นที่บ้านเกิด เ รื่ อ ง นี้ ถื อ เ ป็ น สิ่ ง ป ก ติ ตราบใดที่เรายังไม่ได้ให้นักศึกษาฝึกงานอย่างเข้มข้น สถาบันยังไม่มีพื้นที่แบ่งให้นิสิตรับผิดชอบทำการเกษตรประณีต จัดให้มีที่พำนักอยู่อาศัยในแปลงเกษตรของตนเอง ทำการเพาะปลูก/เลี้ยงสัตว์ในระดับบ่มเพาะวิชาการ+วิชาชีพ ผ่านงานการปฏิบัติ
สิ่งใดก็ตามถ้าผ่านมือย่อมผ่านใจเข้าไปเพาะความตระหนัก
การที่วิพุทธิยาจารย์มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังถือเป็นแรงบันดานใจที่ดี
แต่ถ้าไม่มีกิจกรรมมารองรับทุกอย่างจะกลายเป็นไฟไหมฟางได้
การเรียนวิถีเกษตรนั้นต้องลงทุนด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ควรเรียนรู้เรื่องกิจกรรมก่อนที่จะผันผ่านไปเป็นกิจการ ไม่อย่างนั้นเราจะได้แต่บัณฑิตที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่มีพลังกายพลังใจพอที่จะยืนหยัดพิสูจน์ความสามารถของตนเองได้ สุดท้ายก็ผลิตบัณฑิตที่ไม่สามารถ
ปลดครุยลงลุยโคลนได้
ถ้าเป็นพันธกิจของมหาวิทยาลัยแห่งอื่น ผมอาจจะไม่มั่นอกมั่นใจอะไร แต่สำหรับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีท่านอาจารย์อรรณพและคณะที่หัวใจเต็มร้อย ยึดคติ “กัดไม่ปล่อย” หัวใจเสริมใยเหล็กกันทั้งนั้น ด้วยบารมี เกียรติภูมิ และความพร้อมของจุฬาฯ ลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเอง เครดิตและแนวร่วมก็มีมหาศาล .จุฬาฯทำได้อยู่แล้วละครับ
การส่งมอบของขวัญให้แก่ประเทศชาติในวาระทองของจุฬาฯ
ของขวัญที่ประเทศนี้รอคอยมานานนับ100ปี ใน พ.ศ.2560
ยังมีเวลาลุ้นกันอย่างเต็มที่
คงไม่มีเหตุผลที่จุฬาฯจะมาสร้างหลักสูตรผลิตบัณฑิตขึ้นมาเพื่อลอยเพสังคม ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสังคม โดยเฉพาะการผลิตบัณฑิตทางการเกษตรที่ใจร้ายใจดำไม่แยแสที่จะเอาความรู้ไปอุ้มชูสังคมและทดทนบุญคุณพ่อแม่ที่แก่เฒ่า เฝ้าเลี้ยงดูบุตรหลานตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ทนทุกข์ทนสู้ความเหนื่อยยากเพื่อจะให้ลูกกลับมาอยู่ด้วยในยามเฒ่าชรา มารับไม้ต่อ เอาวิชาความรู้มาปรับปรุงบ้านเกิดให้เจริญก้าวหน้าพอที่จะอยู่กับยุคสมัยเขาได้ ช่วยให้ครอบครัวและชาติตระกูลได้ทำหน้าที่ผดุงโลกใบนี้ไว้ด้วยระบบการเกษตรที่ไม่ปีนเกลียวกับธรรมชาติ
บัณฑิตทางการเกษตรทิ้งถิ่นนับแสนคนมาแล้ว สงสัยว่าไปเรียนวิชาหัวใจพลาสติกมารึไร ทำไมจึงมีอคติต่อชาติภูมิของตนเอง นอกจากไม่ดูดำดูดีแล้ว บางคนยังร่วมมือคนอื่นเอาเปรียบภาคการเกษตรของบรรพบุรุษอีกแน๊ะ ถ้าเป็นภาษา”ลูกลูกทุ่ง” เขาเรียกว่า “พวกเลี้ยงเปลืองข้าวสุก”
ผันตัวเองไปเป็นพวกวัวลืมตีน
ผันตัวเองไปเป็นคนใจไม้ไส้ระกำกับบ้านเกิด
ผันตัวเองไปเป็นหมาหลงอยู่บนทางด่วน
ปัญหา สถาบันการศึกษาสอนวิชาทิ้งถิ่นอย่างบ้าเลือด ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยๆแล้วนะครับ ชนบทล่มสลาย วิถีชุมชนพ่ายแพ้กระแสเถื่อน ก็เพราะคนรุ่นหลังไม่ได้ทำหน้าที่สืบทอดอนาคตของชนบทนั่นเอง เรื่องนี้จะโทษเด็กอย่างเดียวไม่ได้หรอก ในเมื่อสถาบันการศึกษามุ่งเน้นเอาลูกหลานเขาไปครอบวิชา”รับใช้คนอื่น” นโยบายทุกรัฐบาลก็เป็นส่วนสำคัญ ที่มีวิสัยทัศน์สุดโต้งไปทางภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เราแทบไม่มีต้นทุนทางด้านเทคโนโลยีและวิชาการเท่าที่ควร ต้องนำเข้าทุน นำเข้าความรู้ นำเข้าเทคโนโลยี นำเข้ามลภาวะมลพิษที่อันตราย สร้างความวิบัติและความหายนะอย่างน่าสะพรึงกลัว พวกขาใหญ่และเสียงดังเหล่านี้ นำพาชาติไปสู่หลุมดำ ทำให้สังคมของประเทศทุพลภาพ ทรัพยากรเสียหายยับเยินเพราะเอามาอุดหนุนให้เกิดอุตสาหกรรมที่ซ่อนเร้นความแถกเถื่อน
ภาคอุสาหกรรมดูก้าวหน้านำพาความเจริญมาให้
แ ต่ ทำ ไ ม สภาพของสังคมนับวันจะแตกแยกเสื่อมโทรมละครับ
ผู้คนในภาคเกษตรอ่อนแออ่อนไหวไม่สามารถพึ่งตนเองได้
ต้องอาศัยแบมือขอความช่วยเหลือภายนอกเหมือนเปรตขอส่วนบุญ
ภาคการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งควรจะเป็นวินัยและเข็มทิศชี้ทางที่ถูกต้องให้กับอนาคตของชาติ ก็ไม่ทราบว่าชี้โบ้ชี้เบ้ไปทางไหน? ทำไมผู้คนในชาติถึงไร้สำนึกและขาดความรับผิดชอบต่อบ้านเกิดเมืองนอนขนาดนี้ เราพัฒนาชาติกันอย่างไรละครับ กิเลศและอำนาจเถื่อนมันจึงเฟื่องฟูจนยากจะกำกับดูแลได้
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นเสาหลักของแผ่นดินนี้ ผลิตคนดีมีความสามารถมารับใช้ประเทศชาติบ้านเมืองหลากหลายสาขาอาชีพนับล้านคน ประชาคมของจุฬาฯ พลังของจุฬาฯไปซุกอยู่แห่งหนไหนหนอ ทำไมคนไทยในชนบทจึงยักแย่ยักยันอยู่อย่างนี้ หรือว่าคณะวิชาที่สอนๆอยู่นั้นขาดตกบกพร่องในบางประการ!
· เราลืมเปิดสอนภาควิชา รักชาติบ้านเมือง
· เราลืมเปิดสอนภาควิชา รับผิดชอบต่อบ้านเมือง
· เราลืมเปิดสอนภาควิชา กอบกู้วิกฤตบ้านเมือง
ช่วงท้ายของการตอบ-ถามปัญหา นักศึกษาได้ลุกจากเก้าอี้ ออกไปยืนล้อมวงกลม ให้คณะวิพุทธิยาจารย์เข้าไปอยู่เป็นไขแดง หลังจากนั้นเสียงแจ้วเจื้อยก็ดังขึ้น เนื้อร้องรำพันพึงถึงเจตนารมณ์ของบัณฑิตรุ่นแรก ที่ช่วยกันแต่งเพลงนี้ขึ้นมา. ฟังดูสิครับ
. เพลง’.กล้าดินผลิใบ
..จากบ้านนาแสนไกลสู่รั้วจามจุรีที่ยิ่งใหญ่
มาตั้งใจเรียนรู้วิธีจัดการ บริหารวิชาเกษตร
ด้วยอดทนและตั้งใจ เพื่อกลับไป ไปพัฒนาบ้านเรา
หลายคนบอกไม่ก้าวหน้า ไม่มีความมั่นคง
แต่เราทุกคนตั้งใจ ใช้ความรู้ฟื้นฟูแผ่นดิน
ให้กล้าดินของเราผลิใบ เกษตรไทยสักวันต้องนำชัยมา
สังคมเกษตรกรรมต้องการคนรู้คนเก่ง มาเป็นผู้นำและแก้ไข
ใช้ความรู้ ใช้ความมุ่งมั่น ใช้กำลังและความอดทน
เป็นสังคมเกษตรที่พัฒนา เมื่อกล้าดินของเราผลิใบ
ไม่นานก็จะออกผล เป็นสังคมเกษตรที่พัฒนา
ให้ชาติไทยก้าวไกล ก้าวไปก้าวหน้า
จะตั้งใจ เกษตรไทยต้องพัฒนา
ทำเพลงนี้ให้เป็นจริง ก็โย้นๆแล้วละครับ
จ ะ มี ข อ ง ข วั ญ อ ะ ไ ร ใ น โ ล ก หล้า
ที่ดีกว่าบัณฑิตจุฬาฯส า ย พั น ธุ์ใ ห ม่