ทำไมต้องเชือดไก่ให้ลิงดู

ไม่มีความคิดเห็น โดย sutthinun เมื่อ 29 สิงหาคม 2012 เวลา 7:23 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 3564

ไม่ทราบท่านใด ทราบความหมายที่ไปที่มาของคำนี้ไหมครับ?

ทำไมต้องเชือดไก่ให้ลิงดู แมว หมา ดูไม่ได้เรอะ

เมื่อคืนนี้ฝนตกมาอย่างยืดยาว ตื่นเช้ามาเจอต้นลีลาวดีที่ปลูกคู่หน้าประตูเข้าบ้าน โค่นล้มเค้เก้ต้นหนึ่ง สังเกตเห็นระบบรากไม่ดี ไม่สามารถแบกน้ำหนักของลำต้นได้ เรื่องอย่างนี้ทำให้เราชะล่าใจ นึกว่ามันเติบโตไปได้เรื่อยๆ รากก็จะแผ่กว้างแข็งแรงพอที่จะพยุงลำต้นไว้ได้ แต่แล้วมันก็ไม่เป็นเช่นนั้น ลำต้นแบกกิ่งก้านที่หนักไม่ไหว รากไม่แข็งแรงพอ จึงล้มหงายผึ่ง..

แสดงว่าสิ่งที่อยู่รอบตัวเป็นอะไรที่เราไม่ทราบล่วงหน้ามากมาย

เรายังรู้ไม่ได้หรอกว่า ทำไมกบเขียดและแมลงเล็กชอบร้องระงม ทั้งๆที่ออกมาเจอะเจอกันท่ามกลางสายฝน ชุมนุมกันให้แอ่งน้ำ เกาะก่ายอยู่จนแทบจะขี่คอกัน ก็ยังส่งเสียงตะเบ็ง ร้องทำไม เรียกหาใคร หรือนัดกันเปิดมหกรรมดนตรีป่า ที่ยกเรื่องนี้มาฉุกคิด ก็เพื่อจะบอกว่า..เรารู้จักโลกใบนี้น้อยนัก แม้แต่เพื่อนร่วมโลกของเรา เราก็ยังไม่รู้จักพวกเขาเท่าที่ควร เมื่อไม่รู้จักมักจี่ จะทำอะไร?..มนุษย์ก็เลือกที่จะกระทำตามอำเภอใจ คุกคามทุกสิ่งทุกอย่าง โมเมเอาเองว่า..โลกทั้งใบเป็นของมนุษย์ฝ่ายเดียว สัตว์และสรรพสิ่งอื่นๆไม่เกี่ยว

มนุษย์พร่ำบ่นภาวนาว่า เข้าใจตนเองเข้าใจโลกนั้นเป็นฉันใด เข้าใจอะไร เข้าใจอย่างไร จะก่อสร้างอะไรถามใครเขาบ้างหรือเปล่า หรือนึกถึงเฉพาะการลงทุน กฎระเบียบ ข้อบัญญัติที่มนุษย์เป็นฝ่ายร่างขึ้นมา เอาความต้องการตัวเองเป็นตัวตั้ง มองไม่เห็นศีรษะเพื่อนร่วมโลก ที่เขียนๆนี่ผมก็เป็นนะ เพิ่งจะมารู้สึกนึกถึงในระยะหลังว่า เราทำอะไรไม่ท่าไปมากมาย

จะทำอะไรให้เข้าท่าเข้าทีได้ยังไงนะเธอ..

จะยึดถืออะไรเป็นเป้าหมาย

จะแสวงหาความถูกต้องได้จากที่ไหน

จะมีสถาบันใดบ้างที่เปิดสอนวิชา “มองโลกให้กระจ่าง”

ทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยใช้ง่ายขึ้น ถ้าเอาสิ่งเหล่านี้มายกเครื่องการเรียนการพัฒนา มนุษย์เราก็จะก้าวหน้าได้หลายขั้น ยกตัวอย่าง สมมุติว่าเราจะส่งเสริมการกินอยู่ของประชากรให้ดีขึ้น แทนที่จะพูดถึงโรคภัยต่างๆ ว่ามีโอกาสที่จะเป็นโรคนั้นโรคนี้ อันตรายอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเราๆท่านๆก็ทำกันอยู่ในระดับนี้แหละ

นานๆจะมีคุณหมอมาอธิบายแจกแจงรายละเอียดผ่านสื่อให้เห็นโจ่งแจ้ง

เอาภาพของหัวใจมาผ่าให้ดู ว่าคนเป็นโรคหัวใจมีสภาพบกพร่องในหัวใจอย่างไร ฉายภาพให้เห็นหลอดเลือดเส้นเลือดต่างๆโยงไปส่วนไหนยังไง ชี้ให้ดูเป็นจุดๆ ..การให้รู้เห็นให้เข้าใจจะเกิดความตระหนัก เมื่อเกิดความตระหนักก็จะตระหนก ความเข้าใจจะนำไปสู่ความตั้งใจ ที่จะลงมือบริบาลตนเองอย่างจริงจัง

ใช้ความกลัวตายเป็นยุทธศาสตร์การชี้นำให้ดูแลตัวเอง?

เรื่องการสอนการส่งเสริมวิชาความรู้ ถ้าสามารถแสดงให้เห็นภัยร้ายแรงอย่างเจาะใจ การยกระดับการเรียนรู้ก็จะก้าวหน้าขึ้นอย่างเป็นระบบ ปัญหาอยู่ที่เรามีความสามารถ/ความตั้งใจที่จะยกเครื่องการขยายระดับความรู้ให้สูงขึ้นๆได้อย่างไร ถ้าสังคมไทยปฏิรูปการเรียนรู้ในระดับเจาะลึกเจาะใจ การเรียนรู้จะมีอานุภาพสูงขึ้นอย่างมาก

ความรู้ครึ่งๆกลางๆทำให้ปัญหาอ้อยอิ่ง

บ้านเมืองเรามีกำลังเสพย์ติดยาบ้าเป็นตังเม โดยภาพรวมแล้วอาการน่าเป็นห่วงอย่างที่สุด แต่มันก็ไอ้แค่นั้นแหละเธอ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังทำงานแบะๆพูดไม่ได้ไอไม่ดัง บางคนอาจจะรู้ดีถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ถ้าขืนปากโป้งก็มีโอกาสจะเป็นโรคไข้โป้ง และก็มีตัวอย่างให้เห็นไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้ ที่ผู้คุมเรือนจำโดนลอบยิงเสียชีวิต สื่อยังวิจารณ์ว่า “เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู”

ไม่ทราบว่ามีเรื่องที่ปากโป้งไม่ได้กี่พันกี่หมื่นเรื่องในขณะนี้

ในสังคมบ้านเราเกิดปัญหาในลักษณะดังกล่าวนี้กี่เรื่อง ทำไมกฎหมายบ้านเมืองทำอะไรไม่ได้ การสืบทราบจับยาเสพย์ติดเป็นอย่างไร คนเสพย์คนขายรายย่อย จะส่ออาการให้ติดตามต้นตอไปได้ไม่ยากนัก แต่ในทางปฏิบัติก็เกิดขึ้นแบบไฟไหม้ฟางรายวัน ถ้าเรื่องบำบัดทุกข์บำรุงสุขยังง่อนแง่นอย่างนี้ เราจะหวังให้สังคมสงบสุขได้อยู่หรือ? มันไม่อีนุงตุงนังจนพังพาบหรือ? เราไม่มีหนทางร่วมด้วยช่วยกันในระดับพลังสังคมเลยหรือ?

ถ้าอำนาจเถื่อนแฝงอยู่ในอำนาจปกติ

ถ้าความถูกต้องแฝงอยู่กับความไม่ถูกต้อง

ถ้าความดีแฝงอยู่กับความไม่ดี

ถ้าสัดส่วนฝ่ายไม่ดีมีส่วนผสมฝ่ายดีมากขึ้นๆ

เ ร า จ ะ ทำ ยั ง ไ ง กั น ดี ล ะ เ ธ อ . .

ค น ง า น เ ล่ า ใ ห้ ฟั ง ว่ า > >

มีคุณยายท่านหนึ่งอายุมาโขแต่ยังแข็งแรงดี

ขี่รถจักรยานยนต์ใหม่เอี่ยมไปซื้อของในตลาด

คุณยายแต่งกายทะมัดทะแมง สวมหมวกกันน็อคเสียด้วย

ผ่าน4แยกไฟจราจร ..ตำรวจเรียกตรวจ

“คุณยาย ขอดูใบขับขี่หน่อย”

“ไม่มีจ๊ะ”

“อ้าว! ..ถ้ายังงั้นต้องจอดรถแอบข้างๆ แล้วไปคุยกับสารวัตรแล้วละครับ”

คุณยายยั๊วะ..”ฉันแก่จนป่านนี้ ใครเขาจะออกใบขับขี่ให้”

“ถ้าอยากจับฉัน..ก็เอารถไปสิ เอาไปเลย..

ว่าแล้วคุณยาย..ก็เดินตุปัดตุป่องกลับบ้านอย่างน่าสงสาร

ไม่ทราบว่าจะไปซื้อสิ่งของอะไรที่จำเป็นหรือเปล่า

คุณตำรวจก็งงเต๊กนะสิครับ!

เจอคุณยายวัยเกษียณ..ไม่มีใบขับขี่ จะจับ หรือ จะปล่อย!

เรื่องนี้น่าเห็นใจทั้ง2ฝ่าย

คำตอบสุดท้าย..อยู่ตรงไหนละครับ?

คนงานที่เล่า..ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า..

ทียาบ้าเต็มบ้านเต็มเมืองมันไม่ไปจับ

มาดักจับแต่เด็กนักเรียนกับคนทำมาหากิน และยายแก่ๆนี้แหละ

เรียกยังไง..คุณยายแกก็ไม่สน ไม่กลับมาเจรจาด้วย..

เออ หนอ ความหมางเมินกระจายตัวไปทั่วถ้วนทุกหัวระแหงสังคมไทย

ค น ไ ท ย กำ ลั ง จ ะ ยิ้ ม ฝื ด ยิ้ ม ย า ก ขึ้ น ทุ ก ที

รึ คำว่าสยามเมืองยิ้ม มันเป็นหมันไปเสียแล้ว

จะช่วยชาติ ก็ ช่ ว ย ๆ ยิ้ ม กั น ห น่ อ ย น ะ ค น ส ว ย


สารบัญสารภาพรัก

ไม่มีความคิดเห็น โดย sutthinun เมื่อ 19 สิงหาคม 2012 เวลา 12:38 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 3971

 

เมื่อคืนนี้นะเธอ..ฝนพรำๆ..แต่แมลงเม่าบางตัวก็ยังบินมาเล่นไฟ คงโดนฝนกระแทกปีกเปียกจนหงายเค้เก้..เช้าๆกองทัพมดก็เกณฑ์กันมาขนเอาซากแมลงเม่าไปเข้าอาณาจักรของมด จะเห็นว่าไม่มีอะไรสูญเปล่าในระบบของธรรมชาติเลยนะเธอ

ผมตื่นมาเช็ดโต๊ะ พร้อมกับอาบแดดอุ่น อากาศกำลังสบายๆ ข้อดีของคนอยู่ป่าก็อากาศนี้แหละน้อง ฝนตกอย่างนี้อากาศสะอาดมาก ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีดูกระชุ่มกระชวย ยังนึกเสียดายว่าเย็นวานนี้เราปลูกชำผักน้อยไป ไม่อย่างงั้นจะลงตัวพอดีเป๊ะเลย

ปลูกแล้วเทวดารดน้ำให้ เป็นอะไรที่สุดยอดจริงนะ

ในชีวิตเราถ้าสังเกตสังกาก็จะเห็นว่ามีบรรณาการจากสวรรค์ประทานให้อยู่เสมอๆ

แสงแดดอันแสนอบอุ่น

อากาศสะอาดปราศจากมลพิษ

เสียงนก/ไก่/ร่าเริงแจ่มใส

คนบ้านป่าปรึกษากันว่า..เช้านี้จะกินอะไร แหม..ยอดผักได้น้ำฝนอวบอวดสะพรั่ง ถ้าจะแกงลาวสักหม้อจะฮ้อแรดไหมละเธอ ถั่วฝักยาวกำลังดีมีลูกห้อยอยู่2ฝัก ฟักทองอ่อนลูกเล็กๆกำลังขบเผาะ ยอดตำลึง ยอดแมงลัก ยอดชะอม ยอดผักชีลาว โขกน้ำพริกใส่กะปิปลาทูผงที่ทำไว้ใส่น้ำพริก พอน้ำเดือดปุดๆก็ใส่ผักและเครื่องปรุง ตักใส่จานกินกับข้าวกล้องมะลิแดงร้อนๆ เธอเอ๋ย..

อ้าว! โฉมยงแอบตุ๋นขาสุกรไว้แต่เมื่อคืน

เช้านี้คงจะต้องหลีกทางให้ขาใหญ่เสียแล้ว

แกงพื้นบ้านเลื่อนไปมื้อเที่ยงก็ได้นะ

ระหว่างที่เดินไปเดินมา เจอปรากฏการณ์บนโต๊ะอาหาร ผมเอาผ้าเช็ดแต่ยังไม่แห้งสนิทดี กะเอาแสงแดดช่วยจะได้ฆ่าเชื้อโรคไปด้วย พอพื้นเซรามิคโดนแดด หยัดน้ำเล็กๆเกาะตัวเรียงแถวรอยหยดน้ำที่ใหญ่กว่า ถ้าไม่สังเกตไม่เห็นนะนี่ สวยแปลกดีเหมือนกันนะเธอ ของอย่างนี้คนไม่ขลุกก้นครัวไม่มีโอกาสได้เห็นหรอกนะ แสดงว่า-หู-ตา-ปาก-จมูก-ของเรา เป็นเครื่องมือไขว้คว้าหาความรู้ได้เสมอ ถ้ า เ ร า รู้ จั ก ใ ช้

ตอนนี้ผมมีความรักตุนไว้มากมาย เก็บเอาไว้ก็ไม่มีดอกเบี้ย จึงอยากจะแจกจ่ายออกไปทุกวันๆ ถ้าคนเรามีใจให้แก่กัน ช่วยให้กำลังใจกัน สันติสุขให้หมู่เฮาจะไปไหนเสีย

ลองเปิดสารบัญยิ้มหน้าที่หนึ่งดีไหมเธอ?

จะ อ ยู่ อ ย่ า ง เ วิ้ ง ว้ า ง กั น ทำ ไ ม เ ล่ า ?

บ อ ก รั ก กั น ดี ก ว่ า . . จุ๊บๆๆ

วันใดที่คนไทยรักกัน วันนั้นชาติเข้มแข็งและเจริญ

ยิ้มสยามจะเป็นตำนานอยู่แล้ว

ฝึกเอาไว้จะได้ยิ้มสวยๆขึ้น

อ ย่ า ทำ เ ป็ น เ ล่ น ไ ป น ะ เ ธ อ . .

· ยิ้มเป็นใบเบิกทาง

· ยิ้มเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพ

· ยิ้มเป็นกาวใจที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่ากาวตราช้าง

· ยิ้มเป็นวิธีเสริมสวยที่ดีที่สุดในโลก

· ยิ้มเป็นตัวชี้วัดอารมณ์บ่มความสุข

· ยิ้มเป็นอะไรที่อยากจะชี้ชวนให้คนสวยยิ้ม

· อ้อ! ยิ้มแล้วอย่าลืมคอมเมนท์เสียละ คิ คิ..


จะมาสวนป่าละล้าละลังทำไมละเธอ ****

อ่าน: 2164

ไปบางกอกคราวนี้ไม่ได้เขียนบันทึกทุกวัน เพราะโน๊ตบุกค์มันเดี้ยง เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทไม่ได้จึงต้องชะลอความคิดมาจนถึงวันนี้ หลังจากรับประทานมื้อเย็นกัน3คน คุณชายพยายามจะแก้ปัญหาเรื่องลงรูปภาพให้ แต่ไม่สะดวกเรื่องการมอง จึงยกยอดไปพรุ่งนี้เช้า

ในการอภิปรายให้สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล(องค์กรมหาชน)ที่โรงแรมรามาการ์เด็นท์ครั้งนี้ นับเป็นการประชุมที่เต็มไปด้วยสิ่งสวยๆงามๆ โดยเฉพาะบุคคลากรที่มาร่วมงาน เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรไมตรี เห็นแล้วอยากจะขนกลับสวนป่าเสียทั้งหมด ยิ้มหวานๆทั้งนั้น.. จะเป็นเพราะตื่นเต้นที่ได้พบคนสวยหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ทำ ใ ห้ ผ ม ลื ม บ อ ก เ ล่ า เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ค้ น พ บ จุ ด พิ เ ศ ษ ใ น ธ ร ร ม ช า ติ

นั่นก็คือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนอิจฉามดแดง..

ทำ ไ ม ต้ อ ง อิ จ ฉ า ม ด แ ม ล ง !

จะไม่อิจฉายังไงละครับ..

ใ น เ มื่ อ ม ด ทุ ก ตั ว มั น มี เ อ ว ม า ต ร ฐ า น

เ ธ อ เ ค ย เ ห็ น ม ด แ ด ง ตั ว ไ ห น พุ ง พ ลุ้ ย ไ ห ม ล ะ . .

มดแต่ละตัวหุ่นเช้งวับกันทั้งนั้น อิ อิ..

ขอขอบคุณคณะดำเนินงานประชุมในครั้งนี้ จัดได้ดีเหลือเกิน ประทับใจมากนะแม่ต้อยและหนูพอลลา..ทำเอาผมแทบไม่อยากกลับบ้าน ท่านที่มาอุดหนุนหนังสือ ถ า ม ดู แ ล้ ว ล้วนมาจากจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ลงเวทีมาได้มอบลายเซ็นให้บางท่าน แต่งานนี้มีเรื่องแปลกใหม่ที่คาดไม่ถึง..

มีหลายท่านมาขอถ่ายรูปด้วย

แ ล ะ มี บ า ง ท่ า น โ น้ ม ศี ร ษ ะ ล ง ม า ใ ห้ เ ค า ะ โ ป๊ ก . .

บอกว่า..อยากได้กำลังใจแบบหนักหน่วง

เอาละสิ ! ถ้าจะอย่างนั้น..ส น อ ง ไ ป ห ล า ย โ ป๊ ก !

ขอให้เจริญๆ ประสบสุขและบุกบ่าฝ่าอุปสรรคไปได้ด้วยดีเถิดแม่คุณ!

บ่ายวานนี้ ศ า ต ร า จ า ร ย์ ท า ง ด้ า น รั ฐ ป ร ะ ศ า ส น ศ า ส ต ร์ เจ้าของตำราตำรับรัฐประศาสนศาสตร์เปรียบเทียบที่เกษียณแล้วท่านหนึ่ง อยากจะคุยด้วยแล้วชวนให้ไปเที่ยวที่บ้าน รายการพิเศษอย่างนี้มีรึจะไม่เจ้นไปหา ชวนเจ้าดร.ฝนไปเป็นพี่เลี้ยง..หลังจากโทรศัพท์ถามเส้นทางรู้แล้ว..บอกเท็กซี่บึ่งไป และแล้วก็ได้เจอกัน ได้รับเลี้ยงอาหารว่างที่อร่อยๆ ได้เดินชมห้องทำงาน ไปเห็นวิธีทำงานและกระบวนการทำงานที่อึ้งกิมกี่.. อาจารย์กำลังเขียนตำราพจนานุกรมทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ร อ บ โ ต๊ ะ จ ะ มี ถุ ง ติ ด เ ท ป ห้ อ ย ล้ อ ม ร อ บ ที่มุมห้องตรงกันข้ามเต็มไปด้วยถุงเอกสารอีกกองเบ่อเร้อ

โอ้แม่เจ้า..

กว่าจะเป็นตำราวิชาการสักเล่มหนึ่งมันช่างมโหรทึกเหลือเกิน

ผู้เขียนจะต้องใช้ความอุตสาหพยายามอย่างยิ่งยวด

ผมนึกไปถึงคนที่เอาไปศึกษา..อ ย่ า ท้ อ ถ้ อ ย

ถ้ า ท่ า น ท ร า บ ที่ ไ ป ที่ ม า จ ะ เ ห็ น ค ว า ม เ ห นื่ อ ย ย า ก ข อ ง ผู้ เ ขี ย น มันทบเท่าทวีคูณความยากกว่าการนำเอาวิชาความรู้ไปใช้ไปอ้างอิงไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า ผมจึงไม่แปลกใจเลย ที่ทำไมประเทศของเราชอบไปลอกตำราฝรั่งมาสอน กว่าที่จะผลิตตำราสายพันธุ์แท้ของเราขึ้นมาสักหนึ่งเล่ม มั น ลำ บ า ก แ ส น เ ข็ น จ น เ ลื อ ด ต า แ ท บ ก ร ะ เ ด็ น

กลับมาถึงที่พักยังไม่หายหอบแดด ขาใหญ่ไล่ตามมาติดๆ ชวนไปเลี้ยงมื้อเย็นที่ร้านเบียร์หิมะ ได้พบได้รู้จักนักพัฒนาระบบไอที3-4จีซึ่งจะทำให้ไอเพดที่แจกเด็กประถมทั่วประเทศใช้งานได้ ระหว่างที่ท่านผู้เชี่ยวชาญปรึกษาหารือกัน ผมก็ก้มหน้าก้มตาเจี๊ยะกุ้งหอยปูปลา พ ร้ อ ม กั บ ป ล ง อ นิ จ จั ง ไ ป ด้ ว ย คิดถึงผักหญ้าอาหารแบบพื้นบ้านของเราเองเป็นบ้า

เออหนอ..จ ะ มี ค น ก รุ ง สั ก กี่ ค น

ที่คิดจะเลี้ยงเพื่อนๆด้วยอาหารปลอดสารพิษ

เลือกเมนูผักมากกว่าเลือกอาหารทะเล

รึ..ถ้ า ร า ค า ไ ม่ แ พ ง ดู ไ ม่ ดี ไ ม่ มี ส กุ ล . .

ปู บ า ง ก อ ก ตั ว ใ ห ญ่ ๆ ก้ า ม โ ต ๆ ..ตัวละพันกว่าบาท..

ปู น า บ้ า น ผ ม อย่างมากก็ ตัวละบาท . .

คนบางกอกจึงอยู่กับสินค้าราคาแพง

เปลืองงบประมาณกระเป๋า และฟุ่มเฟือยทางด้านจิตใจเป็นบ้า..

ตอนนี้โน๊ตบุกส์ผมมีปัญหาเรื่องการลงภาพ

ขออนุญาตโพสต์ภาพผ่านมือถือไปพลางๆก่อนนะครับ

หมู่นี้ค้นพบวิธีการเดินทางที่สะดวกสบายอย่างมาก ผมก็เพิ่งทราบว่ามีรถตู้วิ่งประจำเส้นทาง สตึก-กทม. ไปกลับวันละหลายเที่ยว รถใหม่นั่งสะดวกสบาย คนโดยสารมาไม่มาถึงเวลาจะออกทันที คิดดูสิ วันนี้ผมนั่งมากับผู้โดยสารอีกท่านหนึ่ง มันยิ่งกว่าเช่าเหมาตู้อีกนะเธอ

อยากจะชวนแห้วว่า..รถเที่ยวสุดท้ายออก 16.00 .

วันสุดสัปดาห์เคลียงานให้ปลอดโปร่งเปลี่ยนกระโปรงแล้วกระโดดขึ้นรถ

เสื้อผ้าไม่ต้องขนมา..นุ่งผ้าถุงสวมเสื้อบักกะแหล่งก็สบายเหลือล้น

3ทุ่มมาถึงสวนป่า

ตอนนี้ลานซีเมนต์ข้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะปรับเป็นลานอเนกประสงค์ จะเต้นแอร์โรบิค-เล่นโยคะ-เตะตะกร้อ-ตีแบตบินตัน-ตีปิงปอง-ปูเสื่อนั่งเสวนา-นอนชมดาวก็ยังได้ ยังมีโปรแกรมง่ายๆให้เลือก..

ตื่นเช้าๆ..เราจะได้ขี่จักรยานออกกำลังพอเหงื่อซึมๆ

วกกลับมาอาบน้ำรับประทานผักสดๆจากแปลงข้างบ้าน

ช่วยกัน-เก็บ-หั่นๆ-ซอยๆ-ผัด-ต้ม-ยำ-ตำ-แกง

ประเดี๋ยวเดียวก็ควันโฉ่หอมฟุ้งออกจากหม้อจากกะทะแล้ว..

หลังจากนั้นก็จะได้ผ่อนพักใจไปจนถึงเย็นวันอาทิตย์

เดินทางกลับเที่ยว16.00.ไปถึงบางกอก3ทุ่ม

ยังเหลือเวลานอนพักผ่อนเอาแรงไปสู้งานวันจันทร์ได้..

วิธีนี้ช่วยย่นย่อระยะห่างระหว่างหัวใจกับหัวใจได้นะเธอ ไม่ต้องปวดหัวจัดตารางการเดินทางวุ่นวะวุ่นวายเช่นเมื่อก่อน ไม่แน่นะต่อไปเครื่องบินโดยสารก็อาจจะมาบริการทำนองนี้ สวนป่านี่นะ..อยู่ห่างจากสนามบินบุรีรัมย์10กม.เท่านั้นจิบอกไห่ มีบางคนเย้าว่าครูบามีสนามบินส่วนตัว..อิ อิ..แต่ตอนนี้มีรถตู้โดยสารบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จะชักช้าให้ความคิดถึงขึ้นสนิมเขรอะก็ตามใจ..

สำหรับญาติมิตรที่อยู่แดนไกลจากเหนือจรดใต้ ก็มีช่องทางสะดวกขึ้นมาก เชียงใหม่-ภูเก็ต-อุบล-ระยอง ฯลฯ มีรถทัวร์นครชัยแอร์วิ่งถึงบุรีรัมย์ทุกวัน ไม่ต้องกัลวลเรื่องขับรถมาเองให้เมื่อยตุ้ม มาเมื่อไหร่คุณชายอาสาไปรับเองเลยนะครับ คิ คิ..

ที่เล่าเรื่องนี้

ก็เพื่อชี้ชวนให้ เห็นพัฒนาการเรื่องคุณภาพชีวิตเชิงบูรณาการ

ไ ม่ ใ ช่ อ ย า ก จ ะ ม า ๆ ๆ .. มัวแต่โอ้เอ้วิหารราย..

ผมละเสียดายโอกาสชีวิตของคนเธอเป็นบ้า ..

จะมีเวลาลังเลในชีวิตของเราไปได้อีกนานสักเท่าไหร่ครับ

ไ ม่ รั ก ไ ม่ บ อ ก ห ร อ ก น ะ เ ธ อ

ด้วยวิธีเดินทางในปัจจุบัน พบว่า..

ข้อดี..ถ้าเราอยู่ในระหว่างทางผ่าน โชเฟอร์ก็จะแวะไปส่งไปรับได้ด้วยถ้าท่านพักอยู่ถนนสายวิภาวดีจะสดวกมาก ผมพักอยู่พหลโยธินเพลส์ ไม่ต้องเดินทางไปขึ้นรถที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถึงจะอยู่นอกเส้นทางก็โทรฯประสานให้รถคอยตรงจุดนัดพบได้

ข้อดี..นอกจากไม่ต้องวิ่งมาลงรถทัวร์ในตัวจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ถ้าไปกันเป็นหมู่คณะอาจจะเจรจาให้ไปส่งถึงสวนป่าได้ด้วย ก็เท่ากับว่าสวนป่ามีรถตู้วิ่งประจำเส้นทางแล้วนะสิเธอ..

ข้อดี..ท่านไม่ต้องขับรถมาเอง เดินทางโดยวิธีนี้ไม่เหนื่อย ทันใจ ไม่หลงทาง แถมประหยัดอีกต่างหาก ค่ารถ 380 บาท/เที่ยว

ข้อเสีย..รถวิ่งเร็วมาก บางกอก-สวนป่า ใช้เวลา6ชั่วโมง สำหรับท่านที่หัวใจสั่นคลอนควรพกยาหม่องยาดมติดตัวไว้

รายละเอียดมีดังนั้นครับ

เบอร์โทรประสานกลาง 084-9318759

กทม.-สตึก เบอร์โทรประสาน 090-820-9869

สตึก-กทม.- เบอร์โทรประสาน 090-821-1981

มีวันละ 5 เที่ยว -7.00.-9.00.-11.00.-13.30.-16.00 .

ขากลับเที่ยวนี้ ผมเลือกเวลาออกจากบางกอก9.00.มาถึงสตึกบ่าย2

จะเห็นว่า..ถึงจะไม่ได้ออกมาอยู่สวนป่านานๆแบบคุณชาย

แต่เธอก็มีช่องจะคลิกชีวีให้มีชีวาสดใสได้

ข น เ อ า ค ว า ม ข ม ขื่ น ใ น ก รุ ง ม า ทิ้ ง ล ง ห ลุ ม ปุ๋ยผักที่นี่

ยังจะมีอะไรที่ดีกว่านี้รึคนสวย..

ตื่นเช้าๆชวนกันถีบจักรยานสูดโอโซน

อาบน้ำ ปะ แ ป้ ง ม อ ง เ ล่ ย ะ ..ให้สดชื่น

แล้วนั่งจิบน้ำชาอาบแดดอุ่นฟังเสียงนกเขาขันท่ามกลางลมเย็นสบาย

นั่งทอดอารมณ์..อ่านหนังสือ เล่นFB..รึจะลุกไปปลูกผัก

ทำขนม ทำกับข้าว นั่งเม๊าท์กัน คิ คิ..

ก็ ล อ ง ถ า ม ใ จ ตั ว เ อ ง ดู น ะ เ ธ อ . .

จะจ่อมจมขมขื่นกับการทรมานขับรถฝ่าจราจรจราจลทุกวัน

รึจะนั่งรถสบายๆเป็นคุณนายเฉิดฉายมาเที่ยวสวนป่า..


สะกดรอยสวนป่า

อ่าน: 2860

จะเขียนหนังสือสักเล่ม “โมเดลบุรีรัมย์”

มันไม่ง่ายเหมือนปลูกต้นไม้ เพราะเป็นงานที่ตนเองไม่ถนัด

แต่เมื่อจำเป็นต้องสรุปบทเรียนของชีวิต

ก็ต้องพยายามเขียน และเขียน

โชคดีเป็นบ้า ที่มีคุณชายอาสาดูสาระ/ดีดสิ่งที่เกะกะออกทิ้ง

คัดกรอง ตรวจสอบ ตรวจตรา มีคนอาสาอยู่เบื้องหลัง

ตาบอด..มีคนจูงก็อย่างนี้แหละ ..

ใครก็รู้พูดว่า คนไทยมีนิสัยไม่รักการอ่าน จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมเห็นบางคนชอบอ่าน ชอบเขียน แสดงว่า..เหมาโหลไม่ได้หรอก ผมมีความเชื่อว่าคนไทยจะอ่านมากขึ้น หวังว่า..จะชอบซื้อหนังสือด้วย จัตุปัจจัยที่ท่านกรุณาจับจ่ายซื้อหนังสือเล่มนี้ พึงทราบด้วยเถิดว่า..ท่านได้ช่วยให้กำลังใจคนป่าตัวเล็กๆที่ดิ้นรนสร้างป่าในฝันให้เป็นจริง เป็นจัง เป็นแล้ว โน่นๆ..ต้นไม้ ใบไม้ กิ่งไม้ ดอกไม้ ผลไม้ ร่มไม้ เงาไม้ ทุกอย่างค่อยๆงอกเงยและงอกงามมาจนถึงกระทั้งวันนี้ วันที่จะปักธง..ปักใจ ไว้กับผืนแผ่นดินไทยตลอดไปๆ..

ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกกะโปโล เกิดและโตมาบนผืนดินผืนป่าแห่งนี้ มองไปไหนก็เห็นแต่ป่าไม้ ยังนึกแปลกใจว่าสมัยนั้นเราช่างห่างไกลปืนเที่ยง แทบไม่รู้จักคำว่าความเจริญเป็นยังไง แต่ชีวิตแช่มชื่นนะเธอ คนเรานี่นะ..เมื่อไม่รู้เห็นอะไรก็ไม่มีกิเลศอะไรมายั่วยุ เราก็อยู่ได้อย่างธรรมดาธรรมชาติทั้งวัน มีเรื่องให้เล่นสนุกจนลืมทุกข์ลืมหิว ชีวิตมันไหวพลิ้วเหมือนยอดกิ่งไม้โดนแรงลมโยกไกว เหมือนนกป่าส่งเสียง.. จะหัวเราะ..ร้องเพลง..รึร้องไห้ก็ไม่รู้ เหมือนสายหมอกๆจางมาแอบพบหยดน้ำค้างใสกระจ่างที่ยอดหญ้า เหมือนแววตาของเหยี่ยวที่เริงร่าถลาลมอยู่บนท้องฟ้ากว้าง..เหมือนดอกไม้ป่าที่โชยกลิ่นหอมละมุนลอยมาจากทิศไหนก็ไม่รู้ เหมือนความวับแวมของนกกะปูดที่ไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง เหมือนสัญญาณเสียงโป๊กๆของนกหัวขวานชักชวนให้ง่วงนอนยามบ่าย เหมือนไข่หมกขี้เถ้าที่ยายเขี่ยออกมาป้อนหลาน..เหมือนและเหมือน ..โลกใบนี้งดงามและงอกงามทั้งปีทั้งชาติ

สวนป่าในอดีตแทบไม่มีฤดูกาล เช้า-สาย-บ่าย-คล้อยทุกอย่างไม่เคลื่อนไหวแตกต่างกันมากนัก เช้ามีสายหมอก บ่ายมีลมเย็น ค่ำคืนมีน้ำค้างมาทำหน้าที่ดูแลบรรยากาศให้ร่มรื่น เสียงฟ้าร้องครืนๆ เมฆลอยต่ำ จากนั้นไม่นานเทวดาก็ปล่อยเม็ดฝนให้ทำไร่ทำสวน นอนดูหยาดน้ำรวมตัวกันไหลลงผ่านชายคาสู่โอ่งใบใหญ่ ถึงจะสีออกชาๆแต่ก็สะอาดทีเดียวแหละ อึ่งอ่างคางคกออกมาเริงร่าสายฝน ขณะที่ไส้เดือนอุ้มลูกจูงหลานอพยพขึ้นสู่ที่สูง ต้นไม้ใช้ใบและรากซึมซับน้ำเก็บไว้ในลำต้น

ทุกสิ่งจัดไว้เป็นระบบที่สมบูรณ์ยิ่ง

ไม่มีของเสีย ของตกค้าง และไม่รู้จักมลภาวะ

ป่าเล็กๆแห่งนี้ปลอดภัย ปกติสุข เกาะเกี่ยวกันไว้อย่างอื้ออาทร

ไม้เล็กอาศัยไม้ใหญ่ อยู่ด้วยกันพึ่งพากันอย่างญาติ

ลูกสุกของผลไม้ป่าเป็นอาหารของนกและสัตว์เคี้ยวเอื้องนานาชนิด

โชคดียิ่งกว่าเด็กสมัยนี้ที่มีร้านเซเว่นอยู่ทุกหัวมุมถนน

ไม่มีความแร้นแค้น ความหิวโซ ความสับสนอลหม่านใดๆ

ป่าจริงๆ คือถิ่นพำนักของความปกติสุข ความสงบ ความร่มเย็น ความพอดีและความเพียงพอ

ไม่มาก ไม่น้อย พอดีๆ ด้วยกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ

สิ่งที่นอกเหนือจากความสมดุลจะปรับตัวจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

ก็ลองนึกดูเถิดเธอ ..เจ้าเด็กน้อยคนหนึ่งได้ซึมซับสภาพสวรรค์บนดิน สวรรค์ที่ไม่ต้องฝันไม่ต้องเรียกหา ทุกสิ่งทุกอย่างมีพร้อมสรรพเต็มตาเต็มใจ ถามว่าเด็กบ้านป่าเหงาไหม? โธ่..วิ่งเล่นทั้งวันและได้เพื่อนเล่นมากมาย..ยามลูกยางหล่นไล่เรียงตามแรงลม หมุนติ้วละลิ่วลงมาจากยอดยางสูง มีฝูงนกแขกเต้าบินโฉบตามเจี๊ยวจ๊าว ..ทิ้งตัวลงนอนกับผืนพรมหญ้า ดูการลีลายิมนาสติกที่แสดงโดยฝูงนกกับลูกยางพลิ้วไสว ดูฟรีด้วยนะเธอ หลายครั้งที่เผลองีบอย่างอิ่มเอม

นี่คือความปรกติสุขที่เคยได้รับเมื่อครั้งกระโน้น

ตั้งแต่กระนั้นมาจนกระทั้งบัดนี้ ชีวิตของมานพน้อยได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วแบบกระชากลากถู ภายในเวลาไม่นานปีเท่าใดนัก สวรรค์ก็หายไปในพริบตา มีภาพนรกบนดินโผล่ขึ้นมาแทน มีอสูรกายในรูปร่างต่างๆพากันมาเรื้อทึ้งสวรรค์อย่างเอาเป็นเอาตาย

โอ้โห นี่ป่าไม้ต้นโตๆทั้งนั้น สภาพเนื้อดินอุดมสมบูรณ์แสนโอชะของพืชไร่พืชผล แต่เกษตรกรไม่ดูตาม้าตาเรือว่าธรรมชาติสะสมไว้เลี้ยงตัวเอง พวกตาบอดสีมองเห็นว่า..ของดีๆฟรีๆที่เห็นอยู่โทนโท่นี้จะเก็บไว้ป่าทำไม? พากันมาจับจองหักร้างถางพงเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่เพาะปลูกไม่ดีกว่าหรือ? เมื่อมีเหตุและผลกำกับเช่นนี้ การโค่นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่หลายคนโอบขึ้นเรียงรายเหมือนนิ้วมือ ถูกตัดเผาเรื้อความรกร้างมาเป็นผืนดินเปล่าเปลือย

· เพื่อจะปลูกพืชต้นเล็กๆกะจ้อยร่อยแทนต้นไม้ใหญ่

· เพื่อจะปลูกพืชล้มลุก ให้ตัวเองล้มลุกคลุกคลานในภายหลัง

· เพื่อจะเปลี่ยนความยั่งยืนไปสู่ความยับเยินและยุ่งเหยิง

· เพื่อจะแสดงความรู้ความสามารถทางวิชาการ/เทคโนโลยีอวดแมลงเม่า

แทนที่จะเปลี่ยนของดีให้เป็นสิ่งดีๆยิ่งขึ้น ผลกลับตรงกันข้าม การทำมาหากินที่ผิดตัวผิดฝา..ปีนเกลียวกับธรรมชาติ ผลลัพธ์ช่างน่าสมเพชนัก

· มีเกษตรกรสักกี่คนที่กินอิ่มนอนอุ่น

· มีเกษตรกรสักกี่คนเข้าใจในวิถีชีวิตกับธรรมชาติ

· มีระบบเกษตรกรรมประเภทไหนที่ไม่สร้างความเสื่อมโทรมบ้าง

· มีวิชาความรู้อะไรที่ถ่ายทอดให้เห็นว่า คนเราอยู่ที่ไหนต้องทำให้พื้นที่ตรงนั้นดีขึ้น

· มีพื้นที่ตรงไหนละที่อุดมสมบูรณ์ที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์

เมื่อไม่มีไม่ความหลากหลาย ผลผลิตมันก็ค่อยๆลดน้อยลงๆ จากหัวมันสำปะหลังโตเท่าโคนขา ก็ลดลงมาเท่าแขนเด็กเป็นโรคตานขโมย ทุกอย่างมีแต่ลดๆๆ คราวนี้ก็เป็นเสือติดจั่นสิครับ หันรีหันขวางมองหาประตูออกแทบไม่เจอ ได้ยินเสียง..โฆษณาชวนเชื่อ..เรื่องการเพิ่มผลผลิต อยากรวยมาก อยากได้มาก ก็บุกรุกขยายพื้นที่ให้มากขึ้น ทุ่มเทปัจจัยการผลิตกระหน่ำลงไป ห้ามพักยกด้วยนะ ถ้าไม่เดินหน้าตามเขาบอก ผลผลิตเกิดให้เห็นทันตา บ่งบอกว่ามันจะขาดทุนแน่ๆ เกรงว่าทุนหายกำไรหด แถมยังถูกผลักไสให้รุนไปข้างหน้าอย่างไม่ยั้งคิด ปุ๋ยรึไปเป็นหนี้มา ยารึไปซื้อมาฉีดฆ่าๆแมลงที่นับวันจะหัวแข็ง แม้แต่ควายไถนาอยู่ดีๆก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด พากันขายควายทิ้งไปดาวน์ควายเหล็กมาใช้ ตกน้ำเมื่อไหร่ก็วิ่งตาตั้งไปหาร้านซ่อม ออกลูกก็ไม่ได้ ขี้ก็ไม่ได้ปุ๋ย แก่หง่อมไปเรื่อยๆจนเป็นเศษเหล็ก ลองพิจารณาหาจุดความเจริญดูสิ อยู่ที่ไหน ทำไมมันมีแต่เศษๆๆ สมบัติพัสถานแม้แต่ชีวิตก็กำลังเป็น-กะ-เศษ-ตระกร-อยู่รำมะร่อ

เออ วิถีเกษตรกรไทยมันหายไปไหนนะ

มันไม่ทันสมัยไม่ทันกินจริงหรือ

มันเสียหายจนเอามาปัดฝุ่นขึ้นมาใหม่ไม่ได้หรือ

รึ ว่ามันหมดน้ำยาจนไม่น่าสนใจไปเหลียวแล

เอาละไม่ว่ากัน..ถ้าวิถีไท-ปัญญาไทยมันตกต่ำถึงเพียงนั้น

ไหนลองบอกสิว่า..จะไปทำการเกษตรแบบไหนที่มันดีกว่าของดั่งเดิม

บอกได้ไหมพ่อมหาจำเริญ..ว่ า ข ณ ะ นี้ อ ยู่ กั บ ค ว า ม รู้ อ ะ ไ ร ?

มีความรู้เพียงพอที่ตนเองจะดูแลชีวิตและครอบครัวได้จริงหรือ

ที่แสดงบทเกษตรกรพันธุ์ทางมาตลอด..ได้คำตอบว่าอย่างไร?

ร่ำ ร ว ย ผิ ด ป ก ติ ห รื อ ย า ก จ น ผิ ด ป ก ติ กั น แ น่

เงินกองทุนต่างๆที่เขาหยิบยื่นให้ มีมูลค่ามากกว่าป่าไม้ที่ไปโค่นทิ้งจริงหรือ?

เรื่องวิถีการเกษตรตกอ่างกะปินี่ ผมไม่รู้ว่าใครเป็นโจทย์เป็นจำเลย แยกแยะไม่ออกจริง ภายในเวลา50ปีที่เราทิ้งความเป็นไทย ทิ้งทักษะชีวิตที่บรรพบุรุษสะสมไว้ให้ ทิ้งๆๆ จนไม่เหลืออะไร ถามว่าจะเดินหน้าต่อไปได้จริงหรือ ถ้าไปไม่ได้เกียร์­ถอยมีหรือเปล่า แม่แรงสำหรับยกชะตากรรมมีไว้แล้วรึยัง ได้ศึกษาลู่ทางที่จะผลิกกลับมาสู่ความเป็นไทบ้างแล้วหรือยัง

คงเคยได้ยินคำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” จนเหม็นเบื่อแล้วใช่ไหม ?

เข้าใจว่าอย่างไร ไหนลองเล่าให้ฟังทีสิ

ไปสมคบคิดเรียนกันที่ไหนๆ จึงพากันถอดแบบทำ “เศษ-ฐ-กิจ-ไม่พอเพียง”

ชะลอหลังยาวเอ๋ย..มีโอกาสที่จะหันกลับมาเข้าลู่แห่งความดีงามอยู่แล้ว

ทำไมพากันเล่นตลกนักเล่า

หรือจะเปลี่ยนอาชีพไปเล่นจำอวดหน้าม่านแทนการทำไร่ทำนา

มีการเกษตรที่ไหนบ้างที่ทำแล้วบริเวณทำมาหากินมีสภาพแวดล้อมดีขึ้นเจริญขึ้น ความหลากหลายพลิกฟื้นกลับตามลำดับ น้ำหมอกน้ำค้างกลับคืนมา สายลมแสงแดดฟ้าฝนพร่างพรมตามระบบนิเวศเป็นปกติ นกหนูแมลงกับมาอยู่ร่วมผืนดินเดียวกันได้ ต้นหญ้าต้นไม้มีสิทธิในการหยั่งรากหยั่งต้นขึ้นมาได้ สิ่งที่ล้างผลาญเพื่อนร่วมโลกได้รับการเหยี่ยวยา

จะเกิดสิ่งเหล่านี้ได้

เกษตรกรต้องเป็นคนที่ยอมรับว่าเราเพียงแค่มาอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ช่วงสั้นๆเท่านั้น

ไม่ใช่มายึดครอง มาสะสมความชั่วร้าย มาสร้างภัยพิบัติไม่ยี่ร่าใดๆ

ควรตระหนักว่า..เพื่อนร่วมโลกทุกชีวิตเกิดมาย่อมมีสิทธิเสมอภาพเท่าเทียมกัน

จะเบียดเบียนใครก็บอกว่า..จะทำความเข้าใจ จะรับผิดชอบอย่างไร?

ละ ลด เลิก เป็นฆาตกรหมู่ล้างผลาญชีวิตเพื่อนร่วมยุคสมัยได้ไหมละ

จากโจทย์ที่รำพึงรำพันสะทกสะท้อนจนสะท้านข้างต้น ไม่ได้นึกสนุกมาเขียนขับลำนำเล่นๆหรอกนะเธอ อยากจะบอกว่า เมื่อเห็นกองทุกข์นั้นแล้ว ผมพยายามคลี่คลายทุกข์สถานะเกษตรกรพันธุ์แท้ของตนเอง จะต้องตอบโจทย์..โยนหินถามทางให้กระจ่าง ไม่อย่างนั้นมันก็จะดีแต่เป็นไอ้ขี้โม้คนหนึ่ง

ถามว่า..ผมเจ๋งนักรึ

ที่จะมาเสนอทฤษฎีการทำมาหากินวิถีไทที่ใส่ใจและพยายามทำความเข้าใจกับธรรมชาติ

เธอว่าเป็นไปได้ไหม ที่มนุษย์จะทำมาหากินทางด้านการเกษตร ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมให้น้อยที่สุด พลิกฟื้นความแห้งแล้งดินเลว ให้กลับมาเป็นพื้นที่แห่งความชุ่มชื่นร่มเย็นอีกครั้งหนึ่ง ทุกสิ่งที่ทำกำลังเป็นตัวบวกตัวคูณของกันและกัน

เปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยว ม า เ ป็ น เ ก ษ ต ร แ ก ง โ ฮ ะ !

เปลี่ยนจากการเกษตรล้างผลาญ ม า เ ป็ น ก า ร เ ก ษ ต ร ที่ เ อื้ อ อ า ท ร

เปลี่ยนจากความมืดบอดทางปัญญา ม า เ ป็ น ผู้ เ รี ย น ที่ พ ร้ อ ม เ ปิ ด ต า เ ปิ ด ใ จ

เปลี่ยนจากการเกษตรแบบถูกมัดมือชก ม า เ ป็ น เ ก ษ ต ร ก ร ที่ มี ลำ หั ก ลำ โ ค่ น

เปลี่ยนจากการเกษตรเชิงรับ ม า เ ป็ น ก า ร รุ ก คื บ ที่ จ ะ เ อ า ธ ร ร ม ช า ติ ก ลั บ คื น ม า

โมเดลบุรีรัมย์ ..ผมทำอย่างนี้ครับ

ผมเอาภาพสวนป่าในอดีตมาตั้ง แล้วค่อยๆใส่ความหลากหลายที่อุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ด้วยการปลูกหน่ออ่อนของความหลากหลายให้แพร่ไปทั่วสวน หลังจากนั้นไม้ยืนต้นนานาชนิดก็เปลี่ยนหน้าตาที่ดินที่เสื่อมโทรม ให้พลิกฟื้นมาเป็นพื้นที่ๆธรรมชาติสามารถหยั่งรากลงไปได้ พลังของธรรมชาตินั้นน่าพิศวงนัก เพียงเวลาผ่านไปไม่ถึง10ปี ผมก็แน่ใจว่าอีสานบ้านเราสามารถเรียกธรรมชาติให้กลับมาเป็นทุนทางธรรมชาติได้ ทำอย่างที่ผมปลูกป่านี่แหละ สามารถตอบโจทย์ความยั่งยืน ความเพียงพอ ความเป็นเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง การที่มีต้นไม้เต็มสวน..ก็เหมือนมีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของมนุษย์

ถ้าใจเธอนิ่งพอ ที่จะให้ความรักและความรู้วิ่งออกข้างหน้าเรื่องการแสวงหาเงินทอง เธอจะค่อยๆเข้าใจสิ่งที่งอกเงยขึ้นในการครุ่นคิดคำนึง แล้วแปรมาเป็นแผนที่การลงมือเพาะปลูกความมั่นคงอย่างยั่งยืนให้งอกงาม ดุจเช่นระบบของธรรมชาติ ทำความเข้าใจแล้วพัฒนาเป็นความตั้งใจ ผลลัพธ์สิ่งที่ได้รับจะครบเครื่องเรื่องของหน้าที่ชีวิต

คนเรานี่นะครับถ้าช่วยกันทำหน้าที่มนุษย์ 3ด้าน คือ

1 ทำหน้าที่การงานของตนเองให้ดี ทำให้เต็มความสามรถ

2 ทำหน้าที่ดูแลสังคม เลิกลอยเพสังคม

3 ทำหน้าที่ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของธรรมชาติ เป็นเจ้าภาพร่วมกันในระดับครัวเรือน ชุมชน หมู่บ้าน ฯลฯ

ถ้าคนไทยทำหน้าที่ของตนเองให้ครบถ้วนทั้ง3ข้อนี้แล้ว เราก็จะได้คำตอบกลับมาว่า ประเทศไทยควรจะพัฒนาหลุดออกจากความสับสนอลหม่านในสังคมได้อย่างไร โดยการชูประเด็นบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน ที่มีธงอยู่ในหัวใจ แล้วช่วยกันยกธงนั้นขึ้นชูยังบ้าน ชุมชน ของตนเอง

ผมทึกทักเอาเองว่า ขณะนี้เรากำลังปวดหัวกับความเป็นไปในแผนภูมิของประเทศชาติ ที่ต่างฝ่ายต่างก็ยืนอยู่ในมุมของตัวเอง แล้วพยายามใช้กลอุบายต่างๆ ทั้งรุกและรับเพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆเข้ามารวมศูนย์ของตัวเอง เพื่อรวบยอดให้มีอำนาจแข็งแกร่งพอที่จะบันดาลอะไรๆให้ได้ดั่งใจตนเอง ถามว่า ทำอย่างนี้ผิดไหม ไม่ผิดหรอกนะครับ ถ้ามีอำนาจวาสนาแล้ว ชี้ชวนคนไทยทุกหมู่เหล่าให้ช่วยกันทะนุบำรุงประเทศตาม3ข้อที่กล่าวข้างบน ก็จะเป็นการใช้พลังทางสังคมให้ถูกทิศถูกทาง

เธอก็ลองนึกดูสิว่า ถ้าทุกถิ่นฐานของเรามีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติฟื้นคืนมา พลังของธรรมชาติก็จะสะท้อนกลไกของธรรมชาติออกมา กลไกของธรรมชาตินั้นสามารถเหยี่ยวยาตัวมันเองได้ จากที่เคยบุกรุกป่า มนุษย์ก็ค่อยๆถอยร่นออกมา ในขณะที่ถอยก็ซ่อมแซมความสึกหรอให้ธรรมชาติด้วย จัดสรรแบ่งโซนเสียให้เรียนร้อย จุดไหนเป็นพื้นที่อยู่อาศัย จุดไหนเป็นที่ตั้งอุตสาหกรรม จุดไหนเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้สมบูรณ์กระชับๆอย่างเป็นระบบ หมายความว่า จัดคนให้เข้าอยู่ในกรอบให้เป็นที่เป็นทาง เลิกสะเปะสะปะทำมือยาวสาวได้สาวเอา ต้องแสดงให้เห็นพลังของประชาธิปไตย จากการเรียนรู้เรื่องสิทธิหน้าที่พลเมืองไทย ผ่านแผนภูมิของการทำหน้าที่ของคนไทย ที่แตกแถวนอกลู่นอกรอยก็ค่อยๆตะล่อมกันเข้ามา ขอให้ตระหนักว่า ..ธรรมชาติคือแหล่งผลิตธรรมมะ เนื้อในแท้ที่เป็นแก่นสารของธรรมชาติก็คือธรรมะนั่นเอง ติดตามดูร่องรอยการเกิดอารยะธรรมและศาสนาต่างๆดูเถิด ทุกแนวคิดล้วนให้ความสำคัญของธรรมชาติ โลกใบนี้เป็นของมวลมนุษยชาติอย่างเท่าเทียมกัน ทุกคนควรเป็นเจ้าภาพร่วมของโลกใบนี้ ทำให้เกิดกระแสวัฒนธรรมประเพณีของชาติ ที่เข้าใจให้ตรงกันว่า..เราเกิดมาใช้ชีวิตมาพักพิงอยู่อาศัยชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็จากโลกนี้ไปกันทุกคน ซึ่งต่างก็รู้ๆเห็นๆกันอยู่แล้วนี่..ไม่มีใครเอาอะไรจากโลกนี้ไปได้แม้แต่ปีกริ้น แล้วเรายังจะสั่งสอนวิชากอบโกยกันอย่างอึงคะนึงไปทำไมเล่า เกิดมาเสียโอกาสทำดีทดแทนบุญคุณแก่โลก สูญเปล่าความที่น่าจะเป็นของชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย ทำไม่ไม่เกิดมาเรียนให้รู้ว่าจะดำรงชีพให้มีความสงบอย่างแท้จริงได้อย่างไร เรียนวิชาค้นหาตัวเองให้เจอ เรียนวิชาสัมพันธภาพชีวิตกับสิ่งแวดล้อม

เ ลิ ก เ รี ย น ท า ง โ ล ภ หั น ม า เ รี ย น ท า ง ทำ

คนยุคนี้มีความรู้ครึ่งเดียว

ยกตัวอย่างซื้อรถมาขับ พอรถเสียไม่มีความรู้พอที่จะซ่อมเอง

เราอ่อนแอจนสระผมตัวเองไม่ได้

หน้าตาตัวเองก็ต้องไปให้ร้านแต่งตัวให้ ..

เรื่องภายในของตนเองแท้ๆก็ต้องพึ่งพาภายนอกมากขึ้นๆ

ระบบการเกษตรที่อิงธรรมชาติและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม

เสนอวิธีทำมาหากินที่ไม่ทำลายต้นทุนธรรมชาติ

ถ้าเราเบิ่งตาแลพื้นที่ทำการเกษตรของประเทศ

เราก็จะได้พบเห็นพื้นที่เตียนโล่งยาวสุดลูกหูลูกตา

เห็นภูเขากระดำกระด่าง

เห็นพื้นที่แห้งแล้งดินเลว

เห็นพื้นที่เสื่อมโทรม

เห็นระบบการเกษตรที่ผิดตัวผิดฝาอยู่ทั่วไป

ทุกกรณีที่กระทำกันล้วนเป็นเรื่องคาบลูกคาบดอกทั้งสิ้น

· ทำมาหากินกันวิธีไหนครับ ถึงต้องลงทุนเรื่องปัจจัยการผลิตมากขึ้นๆทุกปี

· ทำมาหากินอย่างไรครับ ต้องซื้อปุ๋ยซื้อยาฆ่าแมลงอยู่ในอันดับต้นๆของโลก

· ทำมาหากินอย่างไรครับ ถึงเกิดความเสี่ยงความไม่แน่นอนตลอดมา

· ทำมาหากินอย่างไรครับ ถึงบ้านแตกสาแหรกขาด ไม่พออยู่พอกิน

· ทำมาหากินอย่างไรครับ ลูกหลานมันถึงไม่เห็นดีเห็นงามยอมรับงานต่อจากบรรพบุษ

· สอนกันมาอย่างไรครับ วิชาทางด้านการเกษตรจึงตกอยู่ในอันดับบ๊วยของการเลือกศึกษาต่อ

· พัฒนาทางด้านการเกษตรอย่างไรครับ ปัญหามันจึงเป็นวัวพันหลัก

· มีความรู้แค่ไหนครับ ที่จะมาสะสาง/ฟื้นฟูระบบการเกษตรให้ยั่งยืนคืนสภาพเป็นปกติ

พี่น้องครับ เมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรมโดยพื้นฐาน ถ้าคนไทยตระหนักและเข้าใจถึงศักยภาพประเทศของตนเอง ผืนแผ่นดินไทยไม่แค่เป็นเป็นครัวโลก แต่จะเป็นแผ่นดินธรรมเป็นดินทองที่เป็นตัวอย่างของโลกได้ แต่ก็นั่นแหละ ..วาสนาของประเทศไทย ทำไมคนที่อยู่อาศัยจึงตาบอดใสใจบอดสีก็ไม่ทราบได้ แทนที่จะตระหนักในคุณค่าของจารีตประเพณีและวัฒนาธรรมไทย ที่สะสมความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรมายาวนาน คนยุคใหม่กลับไม่แยแส ทิ้งมรดกที่เป็นหัวใจหลักของชาติ ไปไขว้คว้าอะไรมาทำก็ไม่รู้

ตลอดเวลา30ปีที่ผมเฝ้ามองดูพี่น้องทำมาหากินโดยการเพาะปลูกทำไร่ทำนา เห็นแต่ปัญหาที่สะสมมากขึ้นๆทุกปี พื้นที่ทำกินก็เสื่อมโทรม ปลูกอะไรก็ไม่งาม เกษตรกรต้องเสี่ยงสารพัดอย่าง โรคแมลงรุกราน ปุ๋ยราคาแพง พืชผลราคาตก ถ้าเป็นนักมวยก็คงต่อยไม่ครบยก โบกมือลา ทิ้งคำว่าเกษตรกร ไปเป็นกรรมกร สอนลูกสอนหลาน มึ ง อ ย่ า ม า ทำ ก า ร เ ก ษ ต ร น ะ.. ไปเรียนไปพ้นๆอย่าหวนกลับมาอีก อย่ามาลำบากตกทุกข์ได้ยากเหมือนที่พ่อแม่โดนอยู่นี้ ทำงานกลางแดดกลางลม เ ห นื่ อ ย ส า ย ตั ว แ ท บ ข า ด สิ่งที่ได้รับกลับเป็นหนี้ก้อนโต

ที่มันเกิดวิกฤติในสังคมบ้าๆบอๆ

ความรู้สึกส่วนลึกไม่ได้ศรัทธาไอ้หมาน้อยตัวไหนหรอก

แต่อัดอั้นตันใจ..ที่ถูกเอาเปรียบถูกระทำสารพัดอย่างจากพวกหน้าไหว้หลังหลอก

พวกที่ทำมาหากินบนหลังของชาวไร่ชาวนา

พวกที่กินเล็กกินน้อยในงานส่งเสริมเกษตรกร

และพวกหาเงินทอนคืนจากทุกโครงการของรัฐบาล

ความทุกขเวทนาที่สะสมมานาน

เมื่อมีกระแสรวมตัวกันให้เกิดพลังรากหญ้าขึ้นมา

ขนวนการมันจึงกระเหี้ยนกระหือจนคนนอกยากจะเข้าใจ

พอจะเข้าใจบ้างไหม? ที่พูดมานี้

มันถึงเวลาแล้วที่ชาวไร่ชาวนาหมดความอดทน

ต้องการความชอบธรรมที่คุ้มค่ากับหยาดเหงื่อแรงงานที่ทุ่มลงไป

ไม่ใช้ทำงานแทบเป็นแทบตาย ยังมาถูกโขกสับเรื่องราคาและเงื่อนไขเถื่อนอิงระบบ

การแก้ไข ..ลูบหน้าปะจมูกไปวันๆ เลี้ยงไข้ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ เรื่องเงินกองทุน เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เงินห่าเหวอะไรอีกมากมาย แต่หัวใจทั้งหมด มันอยู่ที่เกษตรกรความรู้ไม่พอใช้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบการเกษตรเอาเปรียบจนผู้ผลิตหมดตัว ความรู้ด้านทำมาหากินที่ปลอดภัย กินอิ่มนอนอุ่น มีชีวิตที่เรียบง่าย ปลอดอบาย ไม่ขายผ้าเอาหน้ารอดอยู่ที่ไหน? อยู่กับใคร? ทุกวันนี้ส่งเสริมให้ทำอะไรเลี้ยงชีพ นโยบายที่หวังผลได้มีไหม? ฮ่วย!

อาชีพหดหายไปทีละอย่างสองอย่าง เพราะสภาพแวดล้อมมันติดลบจนไม่คุ้มกับค่าเสี่ยงลงทุน ชีวิตเกษตรกรนั้นแขวนอยู่ด้วยเส้นด้าย หนี้สินสะสมไว้ก้อนโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้าปีไหนเกิดภัยพิบัติก็เท่ากับซ้ำเติมเคราะห์กรรมกระหน่ำจนหงายเก๋ง ทยอยหมดเนื้อหมดตัวไปตามๆกัน

ทุกวันนี้หาคนรุ่นใหม่มาทำไร่ทำนาน้อยลงทุกที

แม้แต่แรงงานในภาคการเกษตรก็หลบเข้าโรงงานหมด

ที่ตื้อเลี้ยงหมูเลี้ยงปลาเลี้ยงไก่ก็ต้องไปสู้ราคากับขาใหญ่ที่ครองระบบการผลิตการตลาด

ระบบอุตสาหกรรมการเกษตรกำลังกลืนกินเกษตรกรรายย่อยใกล้จะสูญพันธุ์

คำว่าเกษตรกรต่อไปนี้ จะมีนิยามใหม่หมายถึงใคร?

ถามว่า คนไทยควรเรียนรู้อย่างไร ก็เรียนอย่างที่พี่น้องชาวFB.กำลังเรียนนี่แหละ ใครมีความรู้ในตัวก็เอามาแชร์กัน ยกตัวอย่างตอนผมเป็นงูสวัด ก็มีพี่น้องห่วงใยส่งคำแนะนำมาให้ ฝากยามาให้ สวนมนต์แผ่พลังจิตให้ ผมได้ความรู้เรื่องโรคนี้อย่างสมบูรณ์ หรือแม้แต่กำลังจะสร้างหมู่บ้านโลกสร้างอาศรมอยู่ในขณะนี้ ก็มีญาติที่ใจดีค้นคว้าแบบบ้านดีๆแปลกๆมาให้พิจารณา ..สิ่งนี้จะเรียกว่าสังคมแห่งการเรียนรู้ได้ไหมครับ ผมรู้สึกตัวว่าได้เป็นผู้เรียนตลอดเวลา มีความรู้มากขึ้น กว้างขวางขึ้น จึงเป็นความโชคดีอย่างมากที่ตกมาอยู่ในวงล้อมของญาติพี่น้องชาวFB.

เรื่องสัมพันธไมตรีคงจะไม่จบลงแต่เพียงนี้ ในเมื่อใจรู้ใจ มีแต่จะถอดใจมาวางเดิมพันลงขันทำอะไรดีๆให้แก่สังคม คนดีนั่งๆนอนๆอึดอัดกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะหย่อนขาไปยืนที่ไหน ไปพูดไปคุยไปร่วมกิจกรรมกับใคร มันถึงจะรู้สึกดีและเป็นไปตามความประสงค์ของเรา ผมเริ่มเห็นสะพานที่จะนำเราไปสู่สังคมอุดมปัญญาบ้างแล้ว แสงเรืองๆที่ปลายอุโมงค์กำลังขยายม่านตาเราแล้ว ถ้าเรามาระดมลงขันความรู้ความคิดให้กันกระชับมากขึ้น คงไม่ต้องใช้ศัพท์กระชับพื้นที่แบบทหารหรอกนะ คนสกุลสวนป่าควรจะใช้คำว่า”กระชับใจ” ดีไหมเล่าเธอ ..

30 ปี มีอะไรเป็นคำตอบ

ตื่นเช้ามา จัดการอาบน้ำให้แปลงผักข้างบ้าน แล้วค่อยมาอาบน้ำแปรงฟัน ระหว่างนั้นก็ทอดสายตาไปดูความเขียวสดใสของต้นผักใบไม้ใบหญ้า ก็จะทราบว่าการใส่ใจต่อสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวนั้นเราได้อะไร

เราจะทำหน้าที่อะไรเล่า ที่มีผลดีต่อตัวเอง-สังคม-ประเทศชาติ และของโลก

คงไม่มีสูตรสำเร็จหรอกนะเธอ เพียงแต่เธอควรมีพันธกิจเพื่อชีวิตกับสังคมเพื่อคืนดอกเบี้ยให้กับโลกใบนี้

ใช้อ็อกซิเจนฟรีกันมาทุกคนมิใช่หรือ?

เอาเป็นว่าจะสารภาพบาปว่าภายใน30ปีที่ผ่านมานี้ ได้กระทำอะไรบนผืนพิภพนี้บ้าง ผมเริ่มจากจุดฉุกคิดที่ว่า เราควรจะทำการเกษตรแบบไหน ที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติมากนั้น ให้เราก็อยู่ได้สภาพแวดล้อมก็อยู่ร่วมกันได้ ตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว ผมเห็นชาวไร่โค่นป่าดงดิบ จุดไฟเผาสิ่งที่รกเรื้อจากไม้ล้มที่ระเกะระกะ ไฟเข้าที่ไหนที่นั่นก็ราบเรียบเป็นหน้ากลอง เศษที่เหลือก็เอามากองสุมไว้แล้วก็เผาเผาควันโขมงในหน้าแล้ง เพียงไม่กี่ปีพื้นที่ตรงนั้นไม่เหลือแม้แต่ตอไม้ รถแทรกเตอร์ไถพรวนชนซ้ายชนขวาเดี๋ยวก็ตอก็สูญพันธุ์ หลังจากนั้นก็ทำการเพาะปลูกพืชไร่ตามฤดูกาล ทำนานเข้าๆดินก็แข็งกระด้าง แรงงานสัตว์ก็เข้ามาช่วย ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นแรงเครื่องยนต์ มีวิทยาการใหม่ๆเข้ามา เช่น เรื่องสายพันธุ์พืช ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ระบบการให้น้ำ ระบบการเพาะปลูก และระบบการเก็บเกี่ยว ทุกอย่างถูกปรับปรุงให้สะดวกและเรียบง่าย

ชาวไร่ชาวนาดูน่าจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ราคาผลผลิตก็ดูดีมีสง่าราศีมีชาติตระกูล

มีเรื่องประกันราคา เรื่องจำนำ เรื่องส่งเสริมเข้ามาเพียบ

แต่สิ่งหนึ่งที่ใครๆต่างก็มองข้ามและไม่แยแส คือต้นทุนทางธรรมชาติที่สูญหายมากขึ้นทุกวัน จนถึงจุดที่ เกษตรกรจะต้องลงทุนทางด้านปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อทำหลายพื้นฐานหลักของการเกษตรจนย่อยยับไปแล้ว

ผมขออนุญาตโม้ได้ไหมครับ ว่าสิ่งที่ผมทำมาได้ตอบคำถามสำคัญๆอยู่หลายประการ เช่น สามารถเรียกความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้คืนมา ได้ปิดจุดอ่อนที่เป็นช่องโหว่ได้อย่างดีขึ้นตามลำดับ ทุกอย่างที่สะสมมาเป็นทุนของสังคมและเป็นทุนของธรรมชาติ เพื่อเราทุกคน และเพื่อเพื่อนร่วมโลกของเรา

การก่อเกิดใบไม้ใบเดียว ก็เป็นจุดก่อหวอดที่เป็นพลังบวกแล้วนะเธอ ..


วินัยแห่งรัก

2 ความคิดเห็น โดย sutthinun เมื่อ 7 มิถุนายน 2012 เวลา 5:38 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 3459

ปีนี้สวนป่่าฟ้าฝนดีเหลือเกินเธอเอ๋ย พระพิรุณส่งลูกน้องมารดน้ำให้ทุกวัน อย่างวันนี้ฝนไม่น่าตกก็ตก ตอนขับรถออกไปซื้อของยังฟ้าแจ้งจ่างป่าง วิ่งกลับมาจวนจะถึงสวนอ้าว! ฝ น ต ก ถ น น ลื่ น .. ต้องค่อยๆคลานไม่งั้นตุปัดตุเป๋เอาได้ สาเหตุมาจากผมเอาดินไปถมทางเข้าหลายร้อยรถ ถมเฉยๆ..ไม่มีรถบดอัด ปล่อยให้ดินเกาะตัวตามยะถากรรม ซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควรถนนถึงจะอยู่ตัว ถ้าฝนไม่ตกก็เข้าออกสบาย แต่ถ้าฝนตกวันไหนพวกมอเตอร์ไซด์วัดถนนเอาง่ายๆ มีคนบ่นให้ฟังเสมอๆ2-3เรื่อง ก็คือผม..ไม่ติดป้ายเข้า-ออก-บอกกล่าวให้ชัดเจน

ใครมาไม่หลงถือว่าสอบวิชาแกะรอยลูกเสือผ่าน ส่วนมากจะ

”ห ล ง ท า ง เ สี ย เ ว ล า  ห ล ง ภ ร ร ย า บุ ต ร แ ย ะ ”

นอก จากป้ายแล้วก็เรื่องถนนเป็นหลุมเป็นบ่อนี้แหละ ผมนะอยากจะลาดยางหรือทำเป็นถนนคอนกรีต แต่เกรงว่าพี่น้องจะซิ่งเข้ามาแล้วแหกโค้งเข้าป่า จึงรักษาสภาพถนนให้เข้ามาแบบอ้อยอิ่ง จะได้ชมทัศนียภาพ2ข้างทางยังไงละเธอ แต่ก็มีคนแปลควาหมายเป็นอย่างอื่น

เขาบอกว่า..ใครมาหาครูบาสุทธินันท์ ต้ อ ง น อ บ น้ อ ม   ค่ อ ย ๆ ค ล า น เ ข้ า ม า ”

แหม  ก็แหง๋ละสิ ขืนขับรถซิ่งเหมือนทางไฮเวย์ดูสิ มีหวังตกหลุมคอหักตายเสียก่อนจะมาถึงจุดหมาย ผมก็ได้แต่นึกในใจว่า “อย่าบ่นไปเลยคนสวย เธอนานๆมาที พี่เข้าออกทุกวันยังไม่บ่นสักหน่อย”

วันนี้ไปรษณีย์มาส่งพัสดุภัณฑ์กล่องใหญ่

เป็นของฝากจากใจของพระอาจารย์เฮนดี้ แห่งเมืองไชยา

บุรุษไปรษณีย์เลอะเทอะเหมือนลูกหมาตกน้ำ

ถามว่าไปทำอะไรมา

แกกัดฟันตอบว่า..”ก็ ถ น น ส ว น ป่ า นี้ แ ห ล ะ มั น เ ล ะ สิ้ น ดี”

“เ ห วี่ ย ง ผ ม ต ก ถ น น ตั้ ง 2 ที

ครูบาน่ า จ ะ โ ร ย หิ น ห รื อ ล า ด ย า ง ไ ด้ แ ล้ ว

?๓๒๑+**W!HRRR ฮ่วย!

ผมไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เรื่องถนนปลอดฝุ่นไม่ปลอดหลุม ที่คุณชายไปร่วมแสดงฝีมือกับชาวบ้านก็นับว่าฮือฮามากแล้ว ยังจะมีเชื้อติดตามมาถึงสวนป่าอีกรึนี่ เรื่องถนนเป็นความเดือดร้อนกว่าสมัยก่อนมาก.. ยุคที่ขี่เกวียน ถีบจักรยาน ไม่มีใครเขาบ่นเรื่องถนนสักราย สภาพแย่กว่าทุกวันนี้อีก เออหนอ แทนที่จะกลับหลังหันไปขี่เกวียน ก็มายั่วยุให้ผมลาดยาง..

ตอนเย็นผมแวะไปเยี่ยมบ้านคุณชาย เห็นแมลงเม่าไม่รู้กี่ล้านตัวกองอยู่ใต้แสงไฟ  จึงหาถังมากอบใส่ไปเลี้ยงปลาเลี้ยงไก่.. โยนแมลงเม่าลงไปในบ่อปลา ไม่มีเสียงฮุบแม้แต่น้อย แสดงว่าเมื่อคืนปลาก็คงกินไปแล้วจนท้องคราก คืนนี้แมลงเม่าก็แห่แหนกันมาอีก ผมต้องเปิดไฟล่อระยะไกล-ระยะกลาง-และระยะใกล้ เพื่อจะกระจายแมลงให้ห่างออกจากที่นอนเรา ตอนหัวค่ำจะเปิดไฟพร้อมกัน พอแมลงมาเล่นไฟก็ปิดดวงที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วไล่ปิดไฟตัวกลาง ต้อนให้แมลงไปรวมพลกันที่หลอดไฟระยะไกล

ผ ม แ ป ล ก ใ จ ม า ก ที่ แ ม ล ง เ ม่ า นั บ แ ส น ตั ว บิ น ฉ วั ด เ ฉ วี ย ง

แ ต่ ไ ม่ เ ห็ น ตั ว ไ ห น เ ล ย ที่ ช น กั น ก ล า ง อ า ก า ศ

แ ม ล ง เ ม่ า มั น มี ร ะ บ บ นำ ร่ อ ง อ ย่ า ง ไ รรึ

ถึงมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้

ผ ม นึ ก ไ ป ถึ ง ก า ร จั ด ร ะ บ บ สั ญ จ ร ท า ง อ า ก า ศ ใ ห้ เ ค รื่ อ ง บิ น

จะทำได้ดีเท่าสักปลายเล็บของแมลงเม่าไหมนี่

แค่เครื่องบินขึ้นลงวันละไม่กี่พันลำก็ต้องรอกันจะแย่

แต่ที่เห็นโทนโท่อยู่นี้บินพร้อมกันเป็นหมื่นเป็นแสนตัวยังเฉยเลย

เทคโนโลยีที่มนุษย์คุยโอ้อวดกันนักกันหนา

บางทีก็โม้ไปข้างเดียวไม่ดูตาม้าตาเรือ

ถ้าแมลงเม่ารู้ มั น ค ง หั ว เ ร า ะ จ น เ ยี่ ย ว เ ล็ ด

มีคนเคยถามว่า  ทำ ไ ม แ ม ล ง เ ม่ า ถึ ง ม า เ ล่ น ไ ฟ

อ้าว! ผมจะไปรู้เรอะ

ค น เ ร า ยั ง มี นั ด มี เ ด ท กั น ไ ด้

ทำ ไ ม แ ม ล ง เ ม่ า มั น จ ะ นั ด กั น ม า จั บ คู่ กั น ไ ม่ ไ ด้

มันไม่ได้ทำลับๆล่อๆนะ

ชวนกันมาอย่างสง่าและเปิดเผย

ไหนๆจะร่วมหัวจมท้ายกันแล้วก็ขอดูหน้ากันชัดหน่อย

จะได้รู้เห็นหน้าค่าตากันว่าสวยปิ๊งตามที่ชอบที่ฝันไว้หรือเปล่า

แ ม ล ง เ ม่ า จ ะ ม า เ ล่ น ไ ฟ ต อ น หั ว ค่ำ ถึ ง 2 ทุ่ ม

หลังจากนั้นทุกตัวก็ยุติการบินลงไปกองกันอยู่ที่พื้น

เห็นไหมละเธอ..แ ม ล ง เ ม่ า ยั ง มี วิ นั ย

ไ ม่ ไ ด้ จี บ กั น พ ร่ำ เ พื่ อ แ บ บ ข้ า ม วั น ข้ า ม คื น หรอกนะ

เธอน่าจะเอาเป็นแบบอย่าง..

รัก ชอบ ก็ได้ นะ แต่ ต้ อ ง ภ า ย ใ น เ ว ล า   2  ชั่ ว โ ม ง

จะ ม า ก ะ ลิ้ ม ก ะ เ ลี่ ย เ ล ย เ ส้ น ค อ ร์ ฟิ ว ห า ไ ด้ ไ ม่

นี่ยังไงละที่เขาเรียกว่า..รั ก แ บ บ มี ข อ บ เ ข ต   อิ อิ..



Main: 0.1004638671875 sec
Sidebar: 2.3857469558716 sec