เบิ่งตาแลไทยแลนด์ในอีก20ปีข้างหน้า****

อ่าน: 4999

 

 

คนบ้านป่าได้รับการชี้ชวนให้มองเมืองไทยในอนาคต20ปีข้างหน้า นับว่าเป็นโจทย์ที่น่าใคร่ครวญไม่เบาเลยนะครับ ล อ ง ค า ด ห วั ง สิ ว่ า ป ร ะ เ ท ศ ของฉัน จ ะ เ ป็ น ฉั น ใ ด ? . . มองสังคมมองประเทศไม่เหมือนมองคนสวยหรอกนะเธอ มันมีมุมให้พิเคราะห์พิจารณายุบยับไปหมด โดยเฉพาะการมองแบบคาดการณ์นี่สิ ถึงตอนนั้นผมไม่มีโอกาสได้ทราบผลการคาดคะเนที่ว่าไว้ จะใกล้เคียงหรือเอนเอียงไปสุดกู่ประการใดก็ไม่อาจทราบได้

อีก20ปี ใ น ห มู่ เ ร า รุ่ น เ ก๋ า ส์ กึ๊ ก ก็ ค ง แ ย ก ย้ า ย ไ ป เ ป็ น ธ า ตุ อ า ก า ศ ที่ ไ ห น ก็ ไ ม่ รู้ จะยังชีพอยู่ก็แต่รุ่นสวยสะพรั่งตอนนี้ แต่ตอนนั้นก็คงนมยานจนเอาพาดบ่าได้แล้วละ เรื่องอย่างนี้มองคนเดียวไม่กระจ่างหรอก มั น ย า ก ก ว่ า ต า บ อ ด ค ลำ ช้ า ง ห ล า ย เ ท่ า นั ก ..เมื่อรับการบ้านมาก็ต้องทำการบ้านสิเธอ แต่มีปัญญาแค่หางอึ่งจะทำอะไรได้ จึงมองหาตัวช่วย..สมาชิกชาวFB.และลานปัญญาโปรดสะท้อนทัศนคติช่วยผมด้วย อย่าปล่อยให้คนป่าไปขายขี้เท่อบนเวทีเลยนะแม่คุณ

 

เมื่อเร็วๆนี้ได้รับซองเอกสาร เปิดอ่าน..สะดุ้งโหยง!..เรื่อง ขอเรียนเชิญไปเป็นองค์ปาฐกถาบรรยายพิเศษ ..ด้วยวโรกาศมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร์รามาธิบดี จักรนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมราชบพิตร เจริญพระชนมพรรษา 84 สำนักงานสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง9แห่งทั่วประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงพร้อมใจกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติภายใต้โครงการประชุมสัมมนาวิชาการนานาชาติ “การยกระดับคุณภาพชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น อาเชียน” ครั้งที่ 1 (International Symposium on Local Wisdom and Improving Quality of Life) ในระหว่างวันที่ 8-11สิงหาคม 2555 ณ อุทยานหลวงราชพฤษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเชิญชวนภาคประชาชน ผู้ปฏิบัติ นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ จากประเทศกลุ่มประชาคมอาเชียนและประเทศภูฐาน,จีน,ญี่ปุ่น,อินเดีย,เกาหลี,ไต้หวัน,มานำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อาทิ Mr. Muhammad Yunus ผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน (Grameen Bank) ในการบรรยายเรื่อง”การพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน”

หลายปีผ่านมานี้ ผมไปเกี่ยวข้องกับงานคล้ายๆกันนี้ในหลายเวที สิ่งใดที่เป็นงานถวายเทิดพระเกียรติพ่อหลวงของเรา ผมยินดีไปขยายขี้เท่อสุดฤทธิ์สุดเดช แต่ด้วยข้อจำกัดของสติปัญญาที่จำกัดจำเขี่ยและร่อยหรอบริบททางวิชาการ ก็ได้แต่น้อมถวายความจงรักภักดีพ่อหลวงตามมีตามเกิด ทั้งๆที่ตั้งใจไว้เปี่ยมล้นที่จะทำหน้าที่พกนิกรที่ดีของพระองค์

แต่ก็นั่นแหละเธอ..

บ้านเราตอนนี้มีพสกนิกรหลายสายพันธุ์

พูดไปก็กระเทือนทรางกันเปล่าๆ

เรามาช่วยกันเทิดพระเกียรติพ่อพระในดวงใจสไตล์เราๆชาวFB.ดีไหมครับ

 

เท่าที่สนทนาเบื้องต้น ผมเห็นความมุ่งมั่นที่จะสนองพระราชดำริเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอย่างเต็มสติปัญญาก็น่าชื่นใจ เมื่อวานให้เจ้าหนูฝนไปประสานงาน ก็ได้งานมาเต็มหน้าตัก ดร.ฝน เล่าว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาต้องการจะสรุปงานในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในบทสรุปของ20มิตรประเทศที่สะท้อนความเห็น จึงทาบทามมาว่าเราจะอาสารับทำให้ได้ในรูปของพ็อกเก็ตบุกส์ให้ได้ไหม?

เห็นไหมละครับ..วิธีคิดของฝ่ายดำเนินงานบรรเจิดขนาดไหน?

ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ถ้าผมสรุปมุมมองประเทศใน20ปีก็คงงั้นๆแหละ แต่ถ้าพี่น้องชาวFB.และลานปัญญาช่วยกันลงขันความคิดช่วยผม เขยเชียงใหม่คงจะไม่ตกม้าตายที่ดอยสุเทพแน่นอน ช่วยๆเขยเชียงใหม่หน่อยนะครับ

เพียงแค่แย้มพรายเรื่องออกมานิดๆ..

ใบหน้าของพี่น้องก็ลอยฟ่องมาเต็มอากาศ

ท่านใดจะอาสา ขอได้โปรดเอามือลง..

แล้วก็เริ่มวางศิลากฤษ์เบิกตัวอักษรได้เลย

รีบๆตะครุบ..ระวังตัวหนังสือจะกระโดดออกมาจากหน้ากระดาษ!

 

อนึ่ง. ช่วงที่เขยเชียงใหม่ไปอยู่หลายวัน น้าอึ่งอ๊อบ ครูอึ่ง ครูอาราม อุ๊ยจันตา เจ้าหนูฝน ฯลฯ อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว คงไม่ยากนักที่จะไล่กอด ยังหนักใจแต่ญาติทางไกล ทำยังไงจะนัดมาพบปะกันสักวันหนึ่ง ในช่วง7-11 สิงหาคมนี้ เ ร า ม า ก ร ะ ดี๊ ก ร ะ ด๊ า กั น ดี ไ ห ม ค รั บ ? คุณหมอจอมป่วน เจ้าตาหวาน พี่บางทราย ท่านอัยการชาวเกาะ รอกอดส์ หมอเบริด์ หมอเจ๊ แหม..ถ้าจะให้ล่ารายชื่อทั้งหมดคงไม่ต้องกินข้าวเช้าแน่ ผมคิดไปถึงลุงเอก พระอาจารย์ไร้กรอบแห่งนาซา และผองญาติในลานปัญญาทุกท่าน ไม่ให้กระเด็นเล็ดลอดหายไปได้สักคนหรอกหนา อยากจะขออนุญาตจับเข่าถามว่า..มาเที่ยวเชียงใหม่กันไหม?

 

เ ป็ น ไ ป ไ ด้ ไ ห ม ค รั บ ที่เราจะนัดจัดงานวันเฮฮาศาสตร์ ฉบับมินิในช่วงดังกล่าว ถ้าตัดสินใจร่วมกันว่าจะลุย ท่านที่มีเวลาก็มาเที่ยวมาชมและมาคุยงานกัน หลังจากจบงานนี้ก็ค่อยไปนั่งละเลียดความครุ่นคิดคำนึง ดึงเอาความรักความคิดถึงมาแชร์กันคนละเข่งสองเข่ง

เรื่องนี้สำคัญนะครับ มุมที่มองต่างอาชีพและประสบการณ์นั้นมีเสน่ห์ยิ่งนัก โ ด ย เ ฉ พ า ะ ค ว า ม มี อิ ส ร ะ แ ห่ ง ตั ว ต น ..ไม่ได้เขียนเสนอผลงานวิชาการ หรือเขียนแบบรายงานเจ้าสำนัก แต่..เป็นการเขียนตามใจฉันที่เห็นและเข้าใจ ขออนุญาต..ฉ ะ อ้ อ น ฉ อ เ ล า ะ ม า ถึ ง ที่ รั ก ส ม่ำ เ ส ม อ เมื่อบรรลุจุดประสงค์ปลงใจแล้ว ทั้งรูปหล่อและรูปสวยกรุณาบอกกล่าวเล่าแจ้งFB.และลานปัญญาด้วยเถิด

โปรดเปลี่ยนความเข้าใจ ให้เป็นความตั้งใจโดยพลัน ! อิ อิ..

 

ผมโชคดีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวันนี้ ถึงชีวิตจะลุ่มๆดอนๆเพราะโดนสังคมจับเหวี่ยงจนกายาบอบช้ำ แต่หัวใจยังกระชุ่มกระช่วยกระยิ่มยิ้มย่องได้อยู่นะเธอ ..ก่อนที่จะมองไปข้างหน้า20ปี ก็ขอมองย้อนหลังไป20-30-40ปี ในช่วงชีวิตของเราๆท่านๆนี่แหละ สังคมไทยเปลี่ยนแปลงแบบพุ่งกระฉูด หลายเรื่องเป็นเสมือนมีอภินิหาร แต่หลายเรื่องก็พาลพาโลจนเกินความคาดหมาย ตอนผมเป็นเด็กๆ เตี่ยแม่ได้สร้างบ้านเป็นลักษณะร้านค้าเล็กๆในตัวกิ่งอำเภอที่ไกลปืนเที่ยง เป็นบ้าน2ชั้นด้านล่างเทพื้นปูนซีเมนต์

<· เจ้าพื้นซีเมนต์นี่แหละครับที่มันบ่งบอกความหัศจรรย์อย่างเอกอุให้แก่คนชนบท ผู้คนแถบนั้นตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะได้เห็นพื้นบ้านแข็งแกร่ง-ดูเรียบและเย็น-เ ด็ ก ๆ ช า ว บ้ า น ต่ า ง พ า กั น ม า ลู บ ม า น อ น ก ลิ้ ง เอาไปโจดขานกันเป็นเรื่องแปลกใหม่

<· <!–[endif]–>วิทยุก็เข้ามา ยุคที่ใช้ถ่านไฟฉายเป็นลังๆนั่นละครับ ชาวบ้านก็มารุมดูกันอีก แปลกใจตู้อะไรนะทำไมมันรายงานข่าว/ร้องเพลง/ประกาศเลขหวยออกอากาศ

<!· <!–[endif]–>ต่อมามีทีวีมันยิ่งมาขยายความอึ้งทึ่งๆและทึ่ง สมัยนั้นใช้ไฟปั่น ยังแพร่ภาพออกอากาศเป็นขาว-ดำ เด็กๆตื่นเต้นมาเฝ้าดูกันจนไม่กินข้าวกินปลา เลิกง้อรถหนังขายยา ไม่ต้องวิ่งตามโฆษกประกาศรอบหมู่บ้าน..ฮัลโหลๆ..คืนนี้จะฉายหนังกลางแปลงที่หน้าสุขศาลา กินข้าวกินปลาแล้วรับมากันนะครับ

<· <!–[endif]–>พาหนะใช้เกวียนบรรทุกสิ่งของ ต่อมาก็มีรถจิ๊ปลากไม้ รถมอเตอร์ไซด์ มาแทนรถจักรยาน ก่อนที่จะรู้จักรถอีตุ๊กอีแต๋นอยู่หลายสิบปี

<!· <!–[endif]–>เจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาประชุมประจำเดือน ล้วนขี่ม้าบักจ้อนมาประชุม หน้าที่ว่าการอำเภอจะมีหลักสำหรับผูกม้าไว้ใต้ร่มไม้ เด็กๆไปเกี่ยวหญ้าม้ามาขาย หอบละ50 สตางค์ อีตอนเลิกประชุมทุกคนต่างกลับบ้านนี่สิครับ มีม้าวิ่งฝุ่นตลบออกทุกทิศทุกทาง มองดูคล้ายๆกับในหนังคาวบอย

สภาพการณ์ดังกล่าวนี้ มีมาก่อนหน้าเพลงผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม พ..2504 หลังจากนั้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติฉบับต่างๆก็ทยอยออกมา ในช่วงแผนพัฒนาฉบับที่8 ก่อนหน้าช่วงฟองสบู่แตก ในแผนฯมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แต่พอเศรษฐกิจมีปัญหาเราก็ปรับแผนฯมาเน้นเรื่องความเป็นนิกส์ ลดความสำคัญของการพัฒนาการศึกษา ผลเป็นประการใดท่านทั้งหลายก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว

 

ดังนั้นถ้าจะตั้งข้อสังเกต พอให้ได้ข้อสรุปหยาบๆในการพิจารณาวันข้างหน้า ก็คงจะมองสภาพการณ์บ้านเมืองในเวลานี้กระมังครับ สังคมบ้านเรามีข้อดีข้อด้อยประการใด มันก็จะไปส่งผลในอนาคตภายหน้าครบเครื่องเรื่องกลไกของสังคม พอจะประมาณได้ว่า

“ถ้าจะดูวันหน้า ก็ควรดูวันนี้”

“ทำวันนี้ให้ดี วันข้างหน้าก็จะออกมาดี”

<!· วันนี้..เราทำหน้าที่พลเมืองไทยแล้วหรือยัง!<!–[endif]–>

<!· วันนี้<!–[endif]–>..เราเป็นพกสกนิการที่ดีแล้วหรือยัง!

<!· วันนี้<!–[endif]–>..เธอเล่นบทไหนในฐานะประชาชนคนไทย!

อย่างน้อยคนไทยก็ควรทำหน้าที่ 2 ประการ

1 ทำ ห น้ า ที่ ก า ร ง า น ข อ ง ต น ใ ห้ เ รี ย บ ร้ อ ย ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไรก็ขอให้มีความรับผิดชอบ

2 ทำ ห น้ า ที่ พั ฒ น า แ ล ะ ดู แ ล สั ง ค ม ถ้ายังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้กระแสเถื่อนลากจูงสังคมเข้ารกเข้าพง สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ถามว่าสังคมเราเกิดอะไรกันครับ

“ถ้าเราลอยเพสังคม สั ง ค ม ก็ จ ะ ล อ ย เ พ เ ร า ”

สั ง ค ม ที่ ถู ก ล อ ย เ พ วั น นี้ วันข้างหน้าจะไม่เพแตกรึครับ!

หลายท่านอาจจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว ฉันรวย ฉันพร้อมเผ่น ฉันพร้อมแก้ปัญหาด้วยตนเอง เรื่องของสังคมก็ปล่อยให้เป็นสวะลอยไปในน้ำเน่าปล่อยให้เหตุการณ์บ้าๆบอๆล้วงควักประเทศชาติกันไป บางกลุ่มคนก็อึ้งกิมกี่ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ได้แต่เข้าวัดเข้าวาสงบจิตสงบใจ บางกลุ่มก็ถือโอกาสชุลมุนแย่งชิงฉกฉวยประโยชน์ สถาบันต่างๆคลอนแคลน เกิดสภาวะวิกฤติศัทธา กาวใจไร้ประสิทธิภาพ ทั้งๆที่ประชาชนคนไทยโชคดีที่สุดในโลก ก็ลองนึกดูสิเธอ

<!1. คนไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่พระประมุขทรงทุ่มเททำงานให้แก่คนไทยตลอดพระชนชีพของพระองค์ ทรงยอมเหนื่อยยากเพื่อให้พกสกนิกรกินอิ่มนอนอุ่น ทรงทำหน้าที่พระมหากษัตริย์จนเป็นเลิศเป็นแบบอย่างทั้งโลก ได้รับการยกย่องและชื่นชมเสมอมา ทั้งในระดับราชวงศ์ ระดับประมุขของประเทศ และระดับสหประชาชาติ

<!2. คนไทยมีสถาบันศาสนา เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ศาสนาเป็นวินัยทางสังคมที่ผู้คนน้อมปฏิบัติ มีวัฒนาธรรมจารีตประเพณีและครรลองครองธรรมเป็นหลักชัยให้ดำเนินรอยตาม

<!3. คนไทยมีความเป็นชาติ ชาติที่มีความพร้อมมีอัตลักษณ์ มีความเป็นไท มีปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและพัฒนา

<!4. คนไทยมีความเป็นไท ยิ้มสยามเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของจิตใจและอารมณ์ มีความเอื้ออาทรกัน “ข้าวบ้านเหนือ เกลือบ้านใต้” บ่งบอกถึงความสมานไมตรีจิตทุกระดับ มีภูมิปัญญาคอยดูแลวิถีไทให้ปกติสุขเรื่อยมา

<!5. คนไทยอาศัยอยู่ในพื้นที่ๆมีความหลากหลายทางชีวภาพ จึงมีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศความชุ่มชื้นพอเหมาะต่อการเพาะปลูก ภาคการเกษตรได้ทะนุบำรุงภาคอุตสาหกรรมจนรุ่งเรือง

<!6. คนไทยมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองให้ก้าวทันโลกภายนอก ชนบททุกวันนี้มีไฟฟ้าทุกซอกทุกซอย มีประปาหมู่บ้าน มีถนน2เลน4เลนบรรจบกันทั่วประเทศ มีวิทยุทีวีไม่รู้กี่ร้อยช่อง มีอินเตอร์เน็ท และกำลังแจกเท็บเล็ทให้เด็กนักเรียนชั้นประถมทั่วประเทศ มีสพานข้ามแม่น้ำเชื่อมประเทศเพื่อนบ้านหลายจุด มีสนามบินทันสมัยไม่แพ้ประเทศใดในโลกนี้

ถ้าพิเคราะห์ถึงต้นทุนและปัจจัยในการพัฒนาประเทศ โดยเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ประเทศของเราได้เปรียบทางด้านกายภาพมาก ถ้ารัฐบาลและคนไทยใส่ใจเรื่องเทคโนโลยีที่เหมาะสม ส่งเสริมการผลิตบุคลากรทางด้านเทคนิคอย่างเป็นรูปธรรม โดยพิจารณาโครงสร้างทางด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ลูกหลานไทยที่ศึกษามาทางด้านอาชีวะ นอกจากจะไม่เป็นปัญหาสะสมให้ระบบการพัฒนาสังคมแล้ว ยังเป็นตัวคูณที่ไปเสริมสร้างความเข้มแข็งที่ทรงพลัง ไปเกื้อหนุนให้แรงงานช่างที่ขาดแคลนในประเทศและในต่างประเทศ จุดสำคัญดังกล่าวนี้จะช่วยการสร้างงานสร้างชาติให้ดำเนินไปได้อย่างเท่าทันกับสถานการณ์โลก

ถ้าระบบการศึกษาเน้นมาทางด้านสายอาชีวะ มากกว่าที่จะไปเน้นทางสายสังคม ที่ผลิตกันจนเกร่อแถมยังด้อยคุณภาพอีกต่างหาก ขอเสนอให้ปรับปรุงบางสถาบันที่สอนสายสังคม ให้เปลี่ยนมาสอนสายอาชีวะให้ได้สัดส่วนระหว่างอาชีวะกับสายสังคม70:30 ไม่อย่างนั้น ประเทศนี้จะสะสางเรื่องแรงงานช่างเทคนิคขาดแคลนด้วยวิธีไหนละครับ

ปัญหาอยู่ที่..ค่านิยมเต่าล้านปีของผู้ปกครอง ต้องการให้ลูกเรียนสายสามัญ -เรื่องเงินค่าหัว ทำให้แต่ละโรงเรียนกักเด็กไว้นาน ไม่แนะนำให้เด็กไปเรียนปวช.ปวส. –นโยบายเชิงโครงสร้างของสถาบันอาชีวะควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง-ข่าวด้านลบของเด็กอาชีวะ ทำให้เกิดภาพพจน์ที่ไม่ดีในสายตาสังคม -วิธีการเรียนการสอนเน้นทฤษฎี ทำให้เด็กมีคุณสมบัติเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่สนใจทำงานที่ใช้แรงงาน ไม่นิยมไปฝึกงานฝึกทักษะ ต้องการเรียนแบบจบง่ายๆได้กระดาษเปื้อนหมึกพอใจแล้ว หลังจากนั้นก็ถูลู่ถูกังกระเสือกกระสนเอาตัวไม่รอด ตกงาน เลือกงาน อู้งาน เบื่องาน แบบมือขอตังส์ ให้พ่อแม่เลี้ยงไปจนโข่ง

 

จุดยักแย่ยักยันเรื่องการผลิตบุคลากรทางด้านสายอาชีวะ

จะยกเครื่องกันอย่างไร? ใครเป็นพระเอก ใครเป็นพระรอง

นโยบายที่เป็นรูปธรรม ความรับผิดชอบ มีประสิทธิผลแค่ไหน?

ในยุคของการเปลี่ยนแปลงอย่างดุเดือดนี้ การแข่งขันขึ้นอยู่กับคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ในประเทศนั้นๆเป็นสำคัญ

ถามว่า คุณภาพคนไทยอยู่ในระดับไหน มีศักยภาพเป็นอย่างไร?

ใ ค ร จ ะ เ ป็ น ค น รับผิดชอบ ต อ บ คำ ถ า ม นี้ ?

จุดเปราะบางของสังคมไทยอยู่ที่ความรู้ไม่พอใช้ ทำให้เราต้องนำเข้าวิชาความรู้ นำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือ นำเข้าเทคโนโลยี นำเข้าทุน นำเข้าแม้กระทั้งวัฒนธรรมประเพณีที่มีทั้งเหมาะสมและซับซ้อน ที่ควรคำนึงก็คือ..เรายังนำเข้าปุ๋ยเคมีสารเคมี ยาฆ่าแมลง เครื่องจักรกลการเกษตร พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์และเมล็ดพันธุ์มีมูลค่าปีละหลายแสนล้านบาท หักลบกลบนี้แล้วคงจะเหลือแต่ถุงกระดาษ ที่ซ้ำร้าย..เรายังนำเข้าพืชผักผลไม้เพิ่มมากขึ้นทุกปี นี่แหละหนอความล่าช้าของการพัฒนาฝีมือแรงงาน

สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือการสอนวิชาทิ้งถิ่น

ลูกหลานไทยเรียนไปแล้วหาทางกลับบ้านไม่เจอ

ภาคการเกษตรกำลังง่อยเปลี้ยเสียขา

เด็กรุ่นใหม่ไม่นิยมศึกษาภาคการเกษตร

หรือที่ศึกษาจยไปแล้วก็ไม่ทราบว่าหายไปหาย

ปล่อยให้ภาคการเกษตรต่ำต้อยเป็นลูกเมียน้อย

ต้องแบมือขอทุน ขอความเอื้ออาทรอย่างน่าเวทนา

ถ้าเปลี่ยนจากลบเป็นบวกไม่ได้ เจ้าประคุณเอ๋ยไม่รู้จะออกหัวออกก้อย

อย่ามาชวนเป่าหยิงฉุบนะตัวเอง..

สรุปว่า..เราพัฒนามาจนถึงขั้นเลือกจะโชว์เบอร์โชว์ใจกันแล้ว ต่อไปจะเป็นยังไงคงต้องขอเวลาเขียนทบทวนอีกสักตั้ง ในชั้นนี้ขอรายงานช่วงจังหวะเวลาที่นัดพบปะ จะได้ไม่คลาดเคลื่อนและคลาดครากัน

ผมมีภาระกิจดังนี้

วันที่ 8 สิงหาคม 2555 บรรยายพิเศษกลุ่มย่อย หัวข้อ “ผู้ปฏิบัติจริงในชุมชนท้องถิ่น” เวลา 13.00-14.30 ณ อุทยานหลวงราชพฤษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 9 สิงหาคม 2555 บรรยายพิเศษในประเด็น “วิถีชีวิตชุมชนอยู่กันอย่างไร หากมองไกล 20 ปี” ในมุมมอง

v มิติต่างประเทศ โดย Mr. Muhammad Yunus ผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน

v มิติประเทศไทย โดย หม่อมราชวงค์ดิศนัดดา ดิสกุล

v มิติชุมชนท้องถิ่น โดย ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์

เวลา 09.00 เป็นต้นไป ณ อุทยานหลวงราชพฤษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

วันที่10สิงหาคม 2555 ร่วมประชุมเสวนาโต๊ะกลม เพื่อกำหนดแนวทางการยกระดับคุณภาพชีวิตและภูมิปัญญาในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนในหัวข้อ “ชุมชนท้องถิ่นจะอยู่กันอย่างไร หากมองไกล20ปี” กับผู้นำในระดับชาติและกลุ่มอาเซียนประมาณ20-30คน เวลา 09.00-16.00.ณ อุทยานหลวงราชพฤษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

วันที่11จะกลับบางกอกไฟล์บ่าย หรือจะเอ้อระเหยยังบ่แน่บ่นอน

 

ง า น นี้ ห นั ก ห น่ ว ง ทั้ ง ต อ น อ ยู่ บ น เ ว ที และ ล ง เ ว ที

ตั้งแต่นี้ไปคงต้องทำการบ้านแล้วละเธอ

ถ้าคนสวยว่างช่วยไปหิ้วปีกลงจากเวทีด้วยเน้อ มี ใ ห้ เ ลื อ ก ถึ ง 3 วั น

อิ อิ..


ครูบาโป๊

อ่าน: 1408

(เรื่องนี้เด็กต่ำอายุกว่า19 ปี ควรมีผู้ปกครองดูแลใกล้ชิด)

วันนี้อากาศแจ่มใสดีจังเลยนะครับ เมื่อคืนยังโอดโอย แต่เช้านี้กระชุ่มกระชวยอย่างประหลาด พึ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดเรานี่หว่า..ตายแล้ว! ลืมเฉยเลย โอ้ๆๆ ..นัดกิ๊กที่เกิดวันเดือนเดียวกันจะไปดวลไวน์ ก็คงจะผ่านเลยไปแล้ว เธอก็คงน้อยใจมั๊งไม่เห็นโทรมาทบทวนหน่วยความจำ คงค่อยๆเว้าวอนกันใหม่..

เฮ้อ แก่แล้วก็หลงๆลืมๆอย่างนี้ละครับ

ดังนั้นเมื่อคิดอะไรได้ก็ต้องรีบๆทำก่อนจะลืม

เรื่องที่เคยรับรักใครไว้ก็จะต้องรีบนำมาบริหารให้เข้ามาตรฐานKPI.

วันนี้อารมณ์ดีเหลือหลายอย่างนี้ ไปใส่ปุ๋ยรดต้นน้ำต้นไม้เรียบร้อยแล้ว บ่ายๆกะว่าจะเอาอาหารข้นไปเลี้ยงเจ้าตาหวาน กับฝูงแพะให้อิ่มหนำสำราญสักมื้อหนึ่ง การทำบุญทำทานทำที่ไหนกับใครก็ได้บุญเท่ากัน ขึ้นอยู่กับใจเรารับรู้ได้หมดจดแค่ไหน

บุญอยู่ที่ใจอิ่มเอิบ ไม่ได้อยู่ที่จะขึ้นสวรรค์ลงนรกอะไรหรอก

ถามตัวเองว่า ทำแล้วสบายใจไหม ปิติไหม ถ้าใช่ ก็ใช่ แค่นั้นแหละ

วันเกิดคนอื่นเข้าเลี้ยงพระ

วันเกิดผมขอเลี้ยงแพะก็แล้วกัน

วันนี้ ขอเล่าเรื่องดีๆให้หมู่ญาติมิตรได้รับฟัง วันเกิดปีนี้มีเรื่องพิเศษมากมาย โดยเฉพาะที่ได้รู้จักคนดีคนงามน้ำใจในระยะที่ผ่านมา ไม่สามารถตีราคาเป็นมูลค่าได้ การรับรู้จากที่ท่านทั้งหลายเมตตาลงขันช่วยกันรักษาโรคเดี้ยงทางไกลเมื่อคืนนี้ ไม่สามารถไปซื้อหามิตรไมตรีที่ดีๆอย่างนี้ได้หรอก มีเงินกี่ล้านก็ซื้อไม่ได้

· ถ้าใครบอกว่าเงินซื้อน้ำใจที่บริสุทธิ์ได้

· มันขี้โม้! แสดงว่ายังไม่ผ่านกระบวนการแลกใจและทุ่มเทใจ

· ถ้าใจยังถูกบัดกรี

· ก็ยากที่จะแยกแยะเงื่อนปมต่างๆที่แทรกมาได้

มนุษย์เราจะมีอะไรสำคัญกว่าการ-เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย- บางคนเอาเปรียบกัน ออกเล่ห์กะเท่ห์โกงกัน ขัดเคืองใจ ยิงฆ่ากันในหมู่พี่น้อง ทั้งๆที่สมบัติที่หวงก้างมาไว้นั้น ก็ใช่ว่างจะเอาหลงหลุมได้ด้วยได้สักคน คนใจแคบ คิดทำอะไรก็คับแคบ อนาคตและวาสนาจึงอยู่ในรูแคบๆ เกิดมาทั้งทีไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอะไรหรอก และจะไม่ได้ความจริงใจจากใครสักคน มนุษย์เราจะยังไงๆก็สื่อความรู้สึกได้ว่า..อันไหนของจริง อันไหนของเสมือนจริง

เช้านี้..จู่ก็มีโจทย์จากโฉมยง

พ่อๆทำไมเราจะเพิ่มปริมาณผักและสมุนไพรเราได้มากๆ

อ้าว! ที่มีอยู่นี่ก็กินกันจนประหลับประเหลือกแล้วมิใช่รึ

น้องๆพยาบาลที่มาเขาให้ทำชุดเมี่ยงผักปลอดสารไปส่งวันละ 15 ชุด

เอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้น

น้องพยาบาลนะสิยกโขยงไปตรวจสุขภาพเจอโรคบานทะโร่

หมอทุกสำนักแนะนำให้รับประทานผักมากๆ

คนที่เคยมาไปบอกเพื่อนๆว่าที่สวนเรามีผักชั้นเยี่ยม

เมื่อวานทดลองจัดเป็นชุดๆไปส่งให้

โอ้ย! ถูกใจกันยกใหญ่ ชวนกันกินผักสนุกสนาน แล้วขอให้เราส่งประจำ

ปัญหาอยู่ที่เราจะมีเวลาทำให้เขารึ

แหม เรื่องดีๆอย่างนี้ ถามป้าสอนแล้ว ป้าจะช่วยเต็มที่ ทำแล้วมีความสุข..

ถ้าอย่างนั้นน้องเอ๋ย..

ภายในเดือนนี้แหละจะเห็นแปลงผัก/สมุนไพร/พรึบในเนื้อที่ 1 ไร่

ตอนนี้..ผักต่างๆกำลังงาม

มะเขือยาวสีม่วงแม๊..มันกำลังออกลูกสวยจริงๆ

ผักอื่นๆปลูกปะเลอะ คะน้าโตมานี่จะเจี๊ยะยังไงไหว

ตอนนี้กำลังออกแบบปลูกผักในถังปูนซีเมนต์

เพื่อเสาะหาเคล็ดลับไว้แนะนำคนกรุงที่มีพื้นที่จำกัด

ไม่นานเกินรอจะขอเอาผักในถังมาอวด

เมื่อคืน สร้างความลำบากให้กับโฉมยงพอสมควร เธอต้องตื่นมาประคบประหงมเจ้าฝ่าเท้าต้นเหตุ ป้อนยาลุกมานวดให้ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง นั่งแต่งกลอนเพื่อให้ใจมันไปอยู่ที่กลอน แต่งไปครางไป..โฉมยงบอกว่า..นอนได้แล้วพ่อ จะได้นวดให้สะดวกหน่อย นั่งคลำฝ่าเท้าอยู่อย่างนี้เมื่อยเหมือนกันนะ เอ้า..นอนก็นอน โอ้ย โอ้ย.. ระหว่างนั้นก็คุยกันเรื่องกินผักปลูกผัก..

จู่ๆเธอก็กระชากกางเกชาวเลที่ผมนุ่งนอน

เห๊ย!!เป็นบ้าอะไรละนี่ ไหนขอดูพุงพ่อให้เต็มตาหน่อย

โอ้ว.+โฮ้วๆๆๆ ..แตงโมยุบเท่าเดิมแล้วนี่พ่อ เหลือเชื่อจริงๆ..

ผมคิดว่านี่คือ..ของขวัญวันเกิดที่พิเศษสุดที่มอบให้ตนเอง

อากาศเย็นนะน้อง..รีบๆดูให้เต็มตา

เอ๊ยยยย!..ดูแต่ตามืออย่าต้องของจะชำรุด !

แคว๊ก แคว๊าก..


มาทำความรู้จักประเทศไทยกันเถอะ

อ่าน: 1592

ในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติอย่างรุนแรง

จะทำให้เรารู้จักแผ่นดินเกิดของเราอย่างทะลุปรุโปร่ง..

ถ้าเราใส่ใจที่จะมองให้เห็น..ตายังไม่บอดสี

ก่อนหน้านี้มีวิกฤติในสังคม

เราก็ได้เห็นความเป็นไปในสังคมไทยว่ามีลักษณะผิดปกติกว่าที่เคยรู้จัก

ทำไมคนไทยถึงปิดกั้นถนน

ฝักฝ่ายต่างๆไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยกันได้

ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ถึงจะแปลไทยเป็นไทยยังไงก็เถอะ

ไทยยังเขม็งขมันดึงดันไปเผาห้างสรรพสินค้า เผาศาลากลาง

ถ้าไม่เกิดวิกฤติเราจะไม่มีทางได้รู้เบื้องหลังความสับสนในสังคมไทย

:: ช่วงนี้เกิดวิฤติทางธรรมชาติ

อุทกภัยท่วมใหญ่ครึ่งแผ่นดิน

พื้นที่ลุ่มกลายเป็นทะเลสาบ

คนที่เคยอยู่อาศัยแต่ในพื้นราบกระเสือกกระสนหนีน้ำแทบปางตาย

วิถีชีวิตไทยเปลี่ยนขั้วกระทันหัน

ทุกอย่างล่มสลายไปกับสายน้ำในชั่วข้ามคืน..

โรงงานอุตสาหกรรมก็เพิ่งจะรู้ ..ว่า ตั้ ง อ ยู่ ใ น จุ ด ที่ น้ำ ท่ ว ม ไ ด้

หมู่บ้านจัดสรรก็เพิ่งจะรู้..ว่า ตั้ ง อ ยู่ ใ น ท ะ เ ล ส า บ

ลำคลอง ลำประโดงที่มีน้ำเน่าขังชั่วนาตาปี จ ะ มี วั น ที่ ถู ก ชำ ร ะ ล้ า ง อ อ ก ไ ป ไ ด้  ..

ถนนหนทาง สถานที่ราชการ วัดวาอาราม สนามบิน..จะมีวันถูกน้ำนองจับจองไหลหลั่ง

รถยนต์ รถเมล์ หมดวาระที่จะใช้เดินทาง.. มองหาเรือจนตาเล็ด

เมืองหลวง เมืองฟ้าอมรที่เป็นศูนย์รวมของสรรพสิ่ง ..วันนี้ไม่มีแม้แต่น้ำจะดื่มอาหารจะกิน

:: วิกฤติทำให้เรารู้จักหน่วยงานต่างๆ รู้ถึงความเป็นไปของบทบาทหน้าที่..ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

:: วิกฤติเที่ยวนี้ ทำให้เราได้รู้ถึงความสามารถของนักการเมืองและรัฐบาล

:: วิกฤติเที่ยวนี้ ทำให้เราได้รู้ถึงน้ำจิตน้ำใจของคนไทย

:: วิกฤติเที่ยวนี้ ทำให้เราได้รู้จักนักวิชาการ กลุ่มวิชาความรู้ที่ออกมาช่วยบ้านเมือง

:: วิกฤติเที่ยวนี้ ทำให้เรานะจังงัง..ที่มีการแย่งกุญแจเปิดประตูน้ำ

:: วิกฤติเที่ยวนี้ ทำให้เราได้รู้ถึงต้นทุนทางสังคมมีกี่กระสอบปุ๋ย

:: วิกฤตืเที่ยวนี้ ทำให้เราเห็นวิธีหนีน้ำ ต่อต้านน้ำ และน้ำอดน้ำทนของคนไทย

:: วิกฤติเที่ยวนี้ ทำให้เราปวดใจ กับคำว่าอย่าวิตก ทั้งๆที่รู้ว่าน้ำจะท่วมตาย

วิฤติเที่ยวนี้ ทำให้เรารู้จักแผ่นดินไทย สังคมไทย เศรษฐกิจ และการเมืองไทยแบบเปลือยล่อนจ้อน เป็นช่วงที่ข้อมูลเปิดอ้าซ่า ที่ไม่มีใครสามารถมาปิดบังความจริงได้ มีสภาพอย่างไร กลไกอย่างไร ทักษะอย่างไร เราดูได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ปัญหาโผล่มาให้แก้จนเต็มความสามารถ ปัญหาได้ช่วยวัดดวงคนไทย ไม่ทราบว่าจะทำให้คนไทยคิดได้แค่ไหน เพราะวัฒนธรรมไทยอะไรๆก็หยวนๆกันได้ ทั้งๆที่เจียนอยู่เจียนตาย ลืมได้ลืมง่ายคือไทยแท้

วิกฤติในวันนี้เป็นเพียงออเดิฟ

น้ำท่วมตัวจริงกำลังจะมาถึง

รึจะรอให้ถึงวันนั้น

เราค่อยมาสรุปกันว่า..เราเห็นประเทศไทยล่อนจ้อนแล้วหรือยัง

ไม่ทราบว่าท่านรู้จักน้าๆเหล่านี้ไหมครับ

น้าพิเชษฐ์ เอี่ยวชาวนา

น้านงค์ ปิยะโชติ

น้าพวง แก้วประเสริฐ

ทั้ง 3 ท่าน แสดงจำอวดหน้าม่าน ในรายการคุณพระช่วย

ท่านเหล่านี้น่าจะได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติไปนานแล้ว

ช่วงที่นั่งหง่วงดูน้ำเอ่อ น้ำท้น น้ำเน่า ลองซื้อซีดีจำอวดหน้าม่านมาชม

ท่านจะได้ผ่อนคลาย ..หัวเราะทั้งน้ำตา

ขอให้ความอดทน ทนอด สู้ๆกับน้ำ น้ำ น้ำ

น้ำมาแล้วก็ไป มันไม่อยากจะอยู่กับคนใจแคบใจดำหรอกนะครับ

Keyword:น้ำมาแรงและเร็ว แต่คนที่มีหน้าที่ให้ข่าว/แจ้งข่าว กลับบอกเชื่องช้าและแช่มช้อย

ช้าๆไม่ได้พร้าเล่มงามหรอก ชาวบ้านได้ความสับ ไม่แน่ใจ ไม่สามารถตัดสินใจได้

เซ่อจนคำนวณพลังน้ำไม่ได้เชียวหรือ

ถ้าไม่เซ่อ ก็ขออภัย รึมันคงจะมีอะไรๆที่คนไทยยังไม่รู้จัก


น้ำท่วมปะทะน้ำใจ

อ่าน: 1833

จากน้ำท่วม 47 จังหวัดในตอนแรก แล้วน้ำก็ไหลลงมาท่วมหนัก 24-26 จังหวัด ขณะนี้มาขมวดปมอยู่ 3-4 จังหวัดรอบกรุงเทพ สถานการณ์เฉี่ยวฉิวให้คนทั่วประเทศช่วยกันลุ้นระทึกตลอดเวลา คนที่ไม่ถูกน้ำท่วมอย่างผม ถูกข่าวสารท่วมทับใจจนนอนไม่หลับ ถึงงีบไปบ้างก็ยังเงี่ยหูฟังการรายงานข่าวสาร ที่หน่วยข่าวต่างๆแข่งกันรายงาน ทำให้เราเห็นแง่มุมหลายด้าน เช่น ข่าวเรื่องการอพยพช้างจำนวน100กว่าเชือกหลายครั้ง ขยับพื้นที่ไปเรื่อยๆ ช้างกินอาหารแต่ละวัน 30%ของน้ำหนักตัว เอาไปล่ามรวมไว้ที่สวนแห่งหนึ่ง ต้นไม้ที่อบต.ปลูกไว้ หายไปในพริบตา เสียดายถ้าย้ายทัน อพยพช้างไปไว้ที่ป่าสงวนแล้วล่ามไว้ ใช้วิธีตัดใบไม้ให้ช้างกิน จะช่วยบรรเทาเรื่องช้างขาดอาหารผอมโซได้มาก

ผมเพิ่งทราบว่ามีอาหารเม็ดสำหรับช้างด้วย

ไม่ทราบว่าราคา ก.ก.ละกี่บาท

แต่ยังไงๆราคาอาหารเม็ดสำหรับช้างคงไม่ถูกนักหรอก

ถ้าจะซื้อเลี้ยงช้างจำนวน 100 เชือก ก็คงอ่วมเหมือนกัน

น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ เราไม่ค่อยได้ทราบข่าวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเท่าใดนัก ข่าวของคนสำคัญมากกว่า ไม่สามารถแบ่งพื้นที่ข่าวให้เรื่องอื่นได้ เราจึงเห็นภาพ หมูตายลอยอืดถูกลางจูงออกมาจากฟาร์ม กลุ่มเลี้ยงไก่ ปลา กุ้ง จระเข้ สุนัข แมว แพะ นก เป็ด จะอลหม่านแค่ไหนก็ไม่รู้ มีฟาร์มแห่งหนึ่งย้ายกวาง 20 กว่าตัวอย่างทุลักทุเล เพราะกวางไม่เชื่องเหมือนวัวควาย ทางสวนสัตว์ดุสิตไม่ประมาทได้ย้ายสัตว์หายากไปไว้ที่สวนสัตว์เขาเขียวบ้างแล้ว

ตรงไหนที่น้ำบุก

มนุษย์ก็ต้องถอยร่น

แม้แต่นักโทษในเรือนจำก็ไม่เว้น มีนักโทษความประพฤติดีได้ออกมาช่วยป้องกันน้ำท่วม แสดงว่างานต่อสู้กับน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์คราวนี้ ผู้คนทุกหมู่เหล่าระดมสรรพกำลังช่วยกันสุดชีวิต อาสาสมัครจากทุกสำนักได้ผ่านประสบการณ์ครั้งสำคัญที่สุดของชีวิต เ ร า ไ ด้ เ ห็ น พ ลั ง น้ำ ใ จ ป ะ ท ะ กั บ พ ลั ง น้ำ ห ล า ก อ ย่ า ง ท ร ห ด รัฐมนตรีบางท่านโอบกอดนักลงทุนที่ร่วมชะตากรรมน้ำตาไหลพราก สู้สุดขีดสุดฤทธิ์แล้วเต็มที่แล้วทั้งวันทั้งคืน ก็ยังไม่รอด

นิคมอุตสาหกรรมมีเทคโนโลยีก้าวหน้าระดับโลก

แต่ลืม..ไม่เอาเทคโนโลยีป้องกันอุทกภัยมาด้วย

ความเสียหายจึงเกิดขึ้นนับแสนล้านบาท

คุณชายผู้ว่า กทม.ทำงานแบบถวายหัว

เอาอนาคตทางการเมืองเป็นเดิมพัน

ฟังแล้วชื่นใจเป็นบ้า

ตรงกันข้ามกับรัฐมนตรี..ต้ อ ง มี คำ สั่ ง ใ ห้ ล ง พื้ น ที่ อ ยู่ ใ น พื้ น ที่

นายกรัฐมนตรีเป็นสุภาพสตรียังลุยงานตัวเป็นเกลียว

รัฐมนตรีหลายท่านทำงานเป็นสั่งงานได้ถึงลูกถึงคน

แต่รัฐมนตรีบางคนก็น่าถีบ..

รับผิดชอบด้วยคนเน่าๆ น้ำมันก็ยิ่งเน่านะสิเธอ..

แปลแต่จริง คนที่ถูกน้ำท่วม กลับไม่มีน้ำอาบ

จ๋อม จ๋อม  ..


ดีกว่านั่งหายใจทิ้ง

อ่าน: 1666

ถ้าสถานการณ์เฉพาะหน้าสำคัญ

สถานการณ์เฉพาะหลังก็สำคัญไม่แพ้กัน

เห็นข่าวและภาพกำแพงต้านน้ำที่เร่งทำกันอย่างโกลาหล การถุงทรายทำกำแพงใช้ได้ผลดี ทำสะดวกแล้วยังกู้กลับคืนได้ง่าย แต่เหมาะกับสถานการณ์น้ำท่วมธรรมดาๆ ไม่สามารถที่จะเอามาใช้ป้องกันน้ำท่วมระดับมหาวิปโยคได้ ถ้าน้ำพุ่งกระฉูดหนุนเนื่องมหาศาล บางทีการเซาะซึมข้างล่างก็เป็นจุดเปราะบางได้ ความสูงความแรงความดันของน้ำคราวนี้เกินกำลังของกำแพงทรายจะต้านได้ การใช้ดินหรือหินเกล็ดก็มีจุดอ่อนเหมือนกำแพงทราย เพราะไม่สามารถสร้างสูงๆให้แข็งแรงได้

สรุปว่า ต้องหาวิธีสร้างกำแพงใหม่ที่แข็งแรง ทำง่าย ทำเร็ว

ผมลองคิดเล่นๆ แต่อยากให้ทดลองทำดู

โดยเอา ตู้ ค อ น เ ท น เ น อ ร์ เก่ามาใช้

เอารถเครนยกตั้งๆๆเรียงๆๆตามจุดที่กำแพงพัง

จุดที่จำเป็นต้องเร่งสร้างกำแพงใหม่

หรือจำต้องเร่งสร้างเสริมแนวป้องกัน

เรียงตู้ฯตามแนวตั้งในจุดที่น้ำลึก

เรียงตู้ฯตามแนวนอนในจุดที่น้ำตื้น

ถ้าเกรงว่าน้ำจะพัดตู้คอนเทนเนอร์ไหลไปตามน้ำ

ให้เอาดินหรือทรายใส่ลงบางส่วนถ่วงน้ำหนัก

เมื่อตั้งเข้าที่แล้วจึงเอาวัสดุหนักๆใส่ข้างในให้เต็ม

ถ้าสร้างตามแนวคิดนี้จะทำกำแพงได้เร็ว

หลังจากน้ำลดยังกู้คืนได้ง่าย

ตู้ ร ถ บ ร ร ทุ ก สิ น ค้ า เ ก่ า ร ถ ไ ฟ ก็ เ อ า ม า ใ ช้ เ ส ริ ม ไ ด้

ที่ช่วยคิดช่วยลุ้นอย่างนี้

เพราะเป็นห่วงพื้นที่กรุงเทพฯด้านใน

บ้านญาติโกชาวเฮก็อยู่ในนี้ไม่ใช่น้อย

จะขนถุงทรายจากบุรีรัมย์ไปฝากก็คงไม่ทันการ

จะชวนแห้วเปิดร้านขายทรายถุง..ก็ออกจะเกินไป

ผมชอบใจที่นักศึกษาเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง (เสียดายจำชื่อไม่ได้) ที่อาจารย์/นักศึกษาช่วยกันประดิษฐ์เครื่องบรรจุทราย ได้นาทีละ10กระสอบ แถมยังใช้แรงงานไม่กี่คน เรื่องนี้สมควรชื่นชมที่สถาบันการศึกษาเอาวิชาความรู้มาช่วยคลี่คลายปัญหาอย่างตรงจุด

ระหว่างน้ำท่วม นักศึกษาหลายสถาบันมาช่วยเหลือประชาชนอย่างแข็งขัน

หลังน้ำท่วม นักศึกษาสายช่างต่างๆจะช่วยได้อย่างมาก

จะสอนวิชาจิตอาสาก็ต้องเลือกโจทย์สดๆร้อนๆอย่างนี้แหละ

ช่างไม้ ช่างปูนฯ ช่วยซ่อมบ้าน

ช่างก่อสร้าง ข่วยสร้างบ้านตัวอย่าง

ช่างอ๊อกช่างเชื่อม ช่วยปะผุงานเหล็ก

ช่างไฟฟ้ ช่วยดูระบบไฟฟ้าในครัวเรือน ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า

ช่างยนต์ ช่วยซ่อมเครื่องยนต์ รถยนต์ มอเตอร์ไซด์

ช่างสี ช่วยซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์

ช่างเย็บปักถักร้อย ช่วยซ่อมแซมงานผ้า ที่นอนหมอนมุ้ง

ช่างโภชนาการ ช่วยแนะนำเมนูอาหารที่ปลอดภัยราคาถูก

ช่างศิลปะ ซ่อมแซมโบราณสถาน

ช่างโยธา ช่วยเรื้อเก็บวัสดุที่เกะกะกำแพงสู้น้ำ

ช่างออกแบบ ช่วยวางแผนวางผังการแก้ไขทางน้ำ/ร่องน้ำ/ถนน

ช่างเถอะ..ชวนไปเก็บขยะ ทำความสะอาดบริเวณทั่วไป

ช่างเขียน..ชวนมาเขียนบล็อกในลานปัญญา

ช่างคุย.. ไล่ไปเล่น Facebook..อิ อิ



Main: 0.099853992462158 sec
Sidebar: 0.065084934234619 sec