นโยบายคลานขึ้นจากน้ำท่วม ฉบับบ้านนอก

อ่าน: 1488

งานแถลงนโยบายงบประมาณของรัฐบาลเมื่อวานนี้ หลังจากท่านนายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ใช้งบประมาณครอบคลุมไปทุกย่อมหญ้า รัฐฯจะกระจายเม็ดเงินให้ทั่วถึงทุกรายหัว เพราะเป็นรัฐบาลสนองความต้องการประชาชน ทุกตัวอักษรล้วนเป็นเจตนาดีที่โดนใจเหล่าประชานิยมทั่วหน้า ตามด้วยท่านประธานฝ่ายเศรษฐกิจประกาศลั่น เราจะไม่ยอมให้น้ำมาท่วมเสียหายยับเยินอย่างนี้อีกแล้ว ฉิบหายเท่าไหร่ก็ต้องควักเงินมาทำให้ได้ เราต้องเรียกความเชื่อมั่นของต่างชาติมาให้ได้ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งต้องมีมาตรการป้องกันน้ำได้อย่างเด็ดขาด ไม่ต้องตาลีตาเหลือกกระเสือกกระสนเสียหายปี้ป่นอีกต่อไป เป็นเจตนาดีที่มุ่งมั่นอย่างยิ่งเลยใช่ไหมครับ ใครได้ฟังก็ขอเอาใจช่วยให้เป็นจริง ไม่ใช่ราคาคุยอย่างที่ผ่านมาๆ

รอเชียร์ รอดู รอรับบริจาคข้าวห่อ ต่อๆๆไป

หลังจากรู้สึกยินดีกับพี่น้องที่ตกน้ำ..ไม่เป็นท่าไปแล้ว

ไม่รู้จะทำอะไรได้

ผมมาสนใจระบบของรถใต้ดิน

อ ยู่ ใ ต้ ดิ น แ ท้ ๆ แ ต่ ไ ม่ มี ผ ล ก ร ะ ท บ จ า ก น้ำ ท่ ว ม

แปลกไหมละครับ ทางรถไฟอยู่ต่ำยิ่งกว่าที่ลุ่มมากมายนัก น้ำไม่ได้สะกิดผิวสักเอ๊ะ ถ้าของเขาดีและปลอดภัยอย่างนี้ ทำไมรัฐบาลไม่เสนอนโยบายสร้างเมืองใต้ดินละครับ จะได้ขุดดินใต้กรุงเทพออก แล้วอพยพเมืองลงไปอยู่ใต้ดิน แบ่งทำทีละเขตๆ ค่อยๆต่อเชื่อกันไป


ถ้าทำกันอย่างขนาดใหญ่ ดิ น ที่ ขุ ด ขึ้ น ม า จำ น ว น ม ห า ศ า ล ก็เอามาเทเป็นคันคูดินขนาดใหญ่ กว้าง 20 เมตร สูง 8 เมตร ปลูกต้นไม้สวยๆ2ข้าง จะเกิดทิวทัศน์สวยงามปลกตาไม่ซ้ำแบบประเทศอื่น นักท่องเที่ยวก็จะแตกตื่นมาบ้านเราเพิ่มขึ้น ธุรกิจท่องเที่ยวก็จะแจ่มใส ยิงนกโป้งเดียวได้หลายตัว

จัดการวางผังเมืองใหม่ ขยับขยายหลีกทางให้มีพื้นที่สำหรับทำทางไฮเวย์น้ำผิวดิน เพิ่มขึ้นจากเขื่อนดินถาวรริมฝั่งแม่น้ำ พื้นที่ตรงไหนตัดขัดก็เวนคืนทำระบบสาธารณูปโภค ไล่มาจากเหนือจรดภาคกลาง นอกจากเราจะได้ทางระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพแล้ว ช่วงที่ไม่มีพายุฝนกระหน่ำ เราก็ยังกักเก็บน้ำขากแหล่งนี้มาทำประปา มาทำการเกษตร เสริมระบบน้ำที่มีอยู่เดิม ถ้าพิจารณาให้เห็นคุณประโยชน์ครอบคลุมอย่างนี้ จะเห็นจุดคุ้มทุนคุ้มค่าได้อย่างสมเหตุสมผล

น้ำมา น้ำต้องมีที่ไป ไม่ใช้น้ำมา ต้ อ ง ม า ร อ รั บ บั ต ร คิ ว

มาจัดสรรน้ำตอนที่ทะลักเข้าเมืองแล้ว..สะอื้น อ่วม กระอัก เหลือทน

ถ้ากรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆทำกันอย่างนี้ หน้าตาที่ดินและเมืองจะได้รับการยกเครื่องบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งประเทศครั้งใหญ่อย่างแท้จริง อาจจะมีคำถาม เราจะทำได้รึเรื่องบ้าบอคอแตกอย่างนี้ ทำได้สิเธอ รถไปใต้ดินเรายังทำสำเร็จมาแล้ว ประเทศฮอลแลนด์เขายังค้นพบวิธีสร้างประเทศจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ประเทศเรามีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเก่งไม่แพ้ชาติไหนในโลกหรอกนะเธอ เลิกเสียทีวิ่งไปลอกกากเดนวิธีการของต่างชาติมาก็อปปี้ทำ ประเทศเขาก็ออกแบบให้สอดรับกับสภาพปัญหาของเขา

สำหรับพื้นที่ทำการเกษตรนาน้ำชลประทานอย่างในแถบภาคกลาง ถ้าดูภาพบนเครื่องบิน เราจะเห็นรูปที่ดินวางเป็นแถวเป็นแนวอยู่แล้ว แทบทุกแห่งเชื่อมต่อกับคลองส่งน้ำ ถ้าใช้รถเม็คโครขุดคันดินกว้าง6เมตร สูง3เมตร ทั่วทุกพื้นที่ ด้านบนตบแต่งเป็นถนน ปลูกต้นไม้สองข้าง

เราจะได้แก้มลิงเป็นตารางหมากรุกเต็มพื้นที่

เราจะได้น้ำสำรองทำการเพาะปลูกช่วงแล้ง หรือทำประมงแบบพอเพียง

ถ้าพื้นที่มีปัจจัยเอื้ออวยอย่างนี้ พื้นที่นาจะหมุนเวียนไปปลูกพืชอื่นได้อีก

ไม่ต้องก้มหน้าก้มตาทำแต่นาอย่างเดียว

เป็นการยกระดับการใช้ประโยชน์ที่ดินได้หลากหลายวัตถุประสงค์

ส่วนพื้นที่ทำการเกษตรนาน้ำฝน ภาคอีสานเคยมีคนคิดเรื่องจะสูบน้ำโขงมาทำการเกษตร พิจารณาดูแล้วเป็นความคิดครึ่งเดียว ไม่สมประโยชน์กันการลุงทุน ถ้าเอารถแมกโครมาขุดแหล่งน้ำตามพื้นที่กรรมสิทธิ์ที่ดินของแต่ละราย ค่อยๆขายความคิด เลือกจุดที่สนใจและมีความพร้อม เรื่องนี้ลงทุนไม่มาก เป็นการปรับสภาพพื้นที่ทำกินการเกษตรขนาดใหญ่ ทุกพื้นที่มีถนนหนทางเข้าไปถึง มีแหล่งน้ำสำรองใช้ยามฝนทิ้งช่วง และหลังจากการเก็บเกี่ยวสามารถที่จะทำกิจกรรมในท้องไร่ท้องนาเพิ่มขึ้นหลากหลายรูปแบบ

การสร้างงานที่เป็นรูปธรรม

คำตอบอยู่ที่ผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้น

ชาวบ้านจะบอกเราเองว่าเขาความเป็นอยู่เขาดีขึ้นอย่างไรด้วยเหตุอันใด

การแจกเงินใครๆก็ชอบ

แต่ถ้ามีแต่เงินไปไม่มีความรู้กำกับไปด้วย

มันไม่ต่างอะไรกับสามล้อถูกหวย

คิดครึ่งเดียวทำครึ่งเดียวผมที่ได้ก็ จิ๊ดเดียว

ถ้าทุกข์ของชาวนาเป็นทุกข์ของแผ่นดิน

ไม่เปลี่ยนไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น..ทุกข์ถาวรจึงเกิดขึ้น

ถ้าแผนฟื้นฟูชาวไร่ชาวนาแบบดั่งเดิมใช้ได้..

ชาวนาไม่เปลี่ยนจาก เ ก ษ ต ร ก ร ไปเป็น ก ร ร ม ก ร หรอกนะเธอ

ลองคิดและทำด้วยสติของปัญญาไทยดีไหมครับ

ไ ป ต า ม ก้ น เ ข า ก็ เ ห มื อ น กิ น ทุ เ รี ย น ทั้ ง เ ป ลื อ ก

ในโลกนี้จะมีผู้ใดศึกษาปัญหาระบบน้ำของประเทศไทย

เท่ากับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ในกะโหลกคนไทยมีก้อนสมองคุณภาพดีไม่แพ้ใครหรอก เพียงแต่ต้องยอมรับความสามารถคลังสมองของคนไทย วางแผนศึกษาวิจัย ระดมความรู้ความคิดเห็นให้เกิดเป็นพลังแห่งชาติ ไม่อย่างนั้นเราจะไปตั้งต้นวางรากฐานของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าแข่งกับอาเชียน แข่งกับสังคมโลกเขาด้วยเรื่องอะไรละครับ ถ้าเลิกวิธีคิดและวิธีทำแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด มาเป็นการตัดเสื้อผ้าให้พอดีตัว เมื่อนั้น ประเทศไทยชาติเชื้อไทยจะเริ่มตั้งไข่จริงๆเสียที

อ ย่ า ช ว น ค น ไ ท ย ..ข า ย ขี้ ห น้ า ช า ว โ ล ก อี ก เ ล ย

ถ้าทำเป็น..ประเทศเรายังไงๆก็ไม่ยากจนอยู่แล้ว

คนที่มีประเทศเป็นของตนเอง จะเรียกว่าคนจนได้อย่างไร

คนที่มีศาสนาสร้างวินัยและยึดเหนี่ยวจิตใจ จะเป็นคนจนได้อย่างไร

คนที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจุดรวมใจ จะเป็นคนจนได้อย่างไร

ขอแต่คนไทยเรียนรู้วิธีที่จะไม่เหยียบตาปลากัน

อย่าถือโทษ ให้อภัย เคารพการทำหน้าที่ของกันและกัน

จุดนี้ ..จะเป็นการเปิดนโยบายประเทศที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศนี้เคยมีมา


ข้าวต้มหม้อใหญ่

อ่าน: 1541

เราเปิดหน้าfacebook

จะมีช่องเล็กๆถามว่า..คุณกำลังคิดอะไรอยู่

ผมคิดอย่างนี้ครับบบบ > > >

ในช่วงที่น้ำท่วมคาราคาซังอยู่นี้

ลมหนาวก็จะมาเยือน

ความหนาวเหน็บจะแถมมาอีก

หนาวลมหนาวน้ำจะเป็นโจทย์ใหม่

เมื่อวานแห้วไปตลาดสดสตึก

ไปเหมาเสื้อหนาวสภาพยังดีๆสวยๆตัวละ 20 บาท

ทำไมมันถึงถูกอย่างนั้นนะ

ถ้าซื้อในห้างอย่างน้อยก็ตัวละ 300-500 บาท

แห้วเล่าเพิ่มเติมว่า..เ ป็ น เ สื้ อ ผ้ า ที่ ห นี น้ำ ท่ ว ม

บางตัวยังมีคราบน้ำติดอยู่นิดหน่อย

กางเกงขาสั้นที่ซื้อมาฝากผมก็ตัวละ 20 บาท

เสื้อสุภาพสตรีตัวละ 5-10 บาท

ตอนนี้แห้วเมาเสื้อโหลไปแล้ว

บอกว่าจะเก็บบางส่วนไว้ที่นี่

จะไม่ต้องเอาเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋ามาอีก

พ่อค้าเอามาไว้กองโตๆให้คนเลือกซื้อ

แหม  ถ้าเป็นอย่างนี้

เรื่องเสื้อผ้าหน้าหนาวนี้คงจะไม่กระไรนัก

>> จะยังห่วงแต่เรื่องอาหารการกิน สำหรับชาวเกาะที่ติดอยู่ในเมืองกรุง การช่วยเหลือพัฒนาการให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ  หลายองค์กรปรับแผนกระจายตัวไปทำอาหารเลี้ยง แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงอยู่ดี เพราะสภาพพื้นที่กว้าง ลึก ไกล ไปไม่ถึง น้ำก็ท่วมสูงขึ้นๆ ช่วงนี้การตั้งรับสภาพความช่วยเหลือค่อยๆดีขึ้น เรือมีมากขึ้น จุดระบายสินค้ามากขึ้น ..คนเรา ถ้าอิ่มท้องแล้วใจก็นิ่งไม่ร้อนรน สินค้าที่ขาดแคลนก็ทำลังทยอยมาวางตามชั้นต่างๆ ปัญหายังอยู่ที่การเข้าออก เรือกำลังทยอยมามากขึ้น  เรื่องการสัญจรเป็นปัญหาใหญ่ ถ้ามีเรือ10%ของจำนวนรถยนต์ อะไรๆก็น่าจะคล่องยิ่งขึ้น กรมทรัพยากรธรณีออกข่าวว่าจะใช้วิธีเจาะน้ำบาดาลขึ้นมาบรรเทาความเดือดร้อน เป็นวิธีช่วยแก้ขัดเรื่องน้ำได้อีกทางหนึ่ง ถ้าเกิดน้ำประปามีปัญหามากกว่านี้ น้ำบาดาลเป็นทางออกสำรองที่ไม่เลวใช่ไหมละครับ

>> ถ้าอากาศหนาวเย็น และน้ำก็ยังท่วมสูง

ถ้ามีรถยนต์ไปตั้งหม้อข้าวต้มร้อนๆบริการ

จอดต้มๆๆ ตักแจกๆๆๆ ไม่ทราบว่าการจัดการจะเป็นไปได้ไหมครับ

คนที่ติดเกาะเป็นเดือนๆคงเบื่อมาม่า ปลากระป๋อง เต็มที

ถ้ามีข้าวต้ม ผัดไทย ส้มตำ ผัดผักกะทะร้อน มาโป๊กๆบริการถึงที่

โหๆๆ จะบรรเจิดขนาดไหน

ที ม อ อ ก แ บ บ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย จ ะ ล อ ง เ ปิ ด ฉ า ก นำ ร่ อ ง ดี ไ ห ม ค รั บ

นอกจากชิมแล้ว

ชาวเกาะที่มีญาติติดอยู่ข้างใน

เอาภาชนะมาใส่ไปฝากกันได้ด้วย

ตักไป แจกไป แถมยิ้มไป

อาจจะเป็นต้นแบบสไตล์ไทยๆก็ได้นะครับ

ตอนนี้ทุ่งกุลาร้องไห้กำลังเกี่ยวข้าวหอมมะลิใหม่ๆ

ข้าวหอมใหม่นั้นถือว่าเป็นช่วงข้าวหอมอร่อยพิเศษ

ทุกปีที่ข้าวใหม่ออก โรงสีข้าวที่บ้านผม

สีข้าวหอมมะลิใหม่ส่งลงเรือไปที่คาลิฟเฟอเนียลำหนึ่ง

ไปที่เกาะฮ่องกงลำหนึ่ง

คนต่างชาติเขาได้ชิมของดีของอร่อยตัดหน้าคนไทยอีก จิบอกไห่..

ถ้าเอาไปทำข้าวต้มบำรุงพี่น้องยามระโหยโรยแรง

นอกจากจะอิ่มอร่อยทั่วหน้าแล้ว

ยังจะเป็นการโฆษณาข้าวไทยโดยอัตโนมัติ

ถ้าเป็นข่าวไปทั่วโลก

วิกฤติก็จะเป็นโอกาสประชาสัมพันธ์ข้าวหอมไทย

Keyword ไว้ด้วยว่า

ข้าวมะลิหอมใหม่ของไทย..เ ห ม า ะ ที่ จ ะ ทำ ข้ า ว ต้ ม เ ลี้ ย ง ย า ม เ กิ ด ภั ย พิ บั ติ

เจี๊ยะแล้ว ..มีแฮงหลาย แซบหลาย อบอุ่นหลาย สบายใจสบายท้อง อิ อิ..


ไม่ย้ายไม่ได้แล้ว

อ่าน: 1475

เมื่อวานน้องนุ่งลูกหลานขับรถคลานออกมาจากบางกอก

กระเสือกกระสนมาบ่นให้ฟัง

ไม่ย้ายได้ไง..เขาประกาศตัดน้ำตัดไฟ

ไม่มีไฟฟ้าคนเมืองกรุงดิ้นปัดๆ

ทุกชุมชน กลายเป็นท่าเตียน

น้ำท่วมแต่ไม่มีน้ำดื่ม อาบ ก็เหม็นแย่

ไม่ต้องรอให้น้ำเน่าตัวเราก็เหม็นล่วงหน้า

วิกฤติน้ำ น้ำภายนอก น้ำภายใน น้ำใจ น้ำกลิ้งอยู่บนใบบอน

คนกรุงกลายเป็นมนุษย์พเนจรหมอนหมิ่น

เป็นมนุษย์จรจัดในลำดับถัดไป>>

ด้วยอารมณ์และความทุกข์ระทมผสมผสานให้เกิดอาการดีเดือน พากันมาเรื้อพังกันน้ำ การประปาตาโต ฉิ-หายแน่ถ้าน้ำไหลเข้าคลองประปา ช่วงที่น้ำล้นน้ำหลากก็นับว่าย่ำแย่แล้ว อีตอนอยู่กับน้ำเน่านี่สิ จะมีความเดือดร้อนที่โชยตลบอบอวลไปทั่ว ไปไหนก็เน่าก็เหม็น น้ำหลากเป็นน้ำพิษ จะไม่ให้ย่ำน้ำได้อย่างไร จะไม่ให้กระเซ็นโดนร่างกายอย่างไร น้ำกินน้ำใช้ไม่มี น้ำที่มีก็กลายเป็นน้ำพิษ หมอเจ๊รวบรวมเรื่องพวกนี้ไว้อย่างดี ช่วยไปอ่านไปคอมเมนกันหน่อย อยากจะรู้วิธีตั้งรับที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้

การใช้ลูกบอลชีวภาพก็อย่างหนึ่ง

การใช้ปูนขาวก็อย่างหนึ่ง

การใช้สะเปรย์ดับกลิ่นก็อย่างหนึ่ง

การใช้ปัมท์แรงสูงฉีดล้างก็อย่างหนึ่ง

การใช้ผงถ่านดับกลิ่นก็อย่างหนึ่ง

ทำอย่างไรกลิ่นเน่าเหม็นหึ่งจะหมดไปจากถนน จากบ้านเรือน และจากใจ

คิดไม่ออกบอกไม่ถูก

เห็นทีจะต้องเผาถ่านอีกสักเตาแล้วกระมัง

ใครอยากเป็นคนเอาถ่านก็มาลงแรงแบกถ่านเข้าเตาได้นะครับ

เราจะใช้ผงถ่านบำบัดกลิ่นเหม็นในบริเวณบ้านกี่ล้านกระสอบ

แต่น้ำเน่าลงทะเลจะเอาอะไรไปบำบัด

น้ำหลาก น้ำนิ่ง น้ำเน่า น้ำเหม็น น้ำเป็นพิษ

เราจะได้ลอยกระทงในน้ำเน่าๆ

วางกระทงอธิฐาน สิ่งเลวร้ายกำลังผ่านเลยไป

ถึงเจ้าพระยาจะเน่า แต่พระจันทร์บนท้องฟ้ายังสวยสะอาดสดใส

ไว้วางใจธรรมชาติเถิดน้องรัก

ครั้งนี้เป็นเพียงสอบซ้อมเท่านั้น

อย่าเป็นกระทงหลงทาง ููููู !!!


ศูนย์พิงพักใจ

อ่าน: 1673

เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว หมอบางกอกมากระซิบบอกว่า “หมดหวังแล้ว” ลองปรึกษาพี่ๆน้องๆดูว่าจะตัดสินใจยังไง จะให้แม่ปลดปล่อยลมหายใจที่ห้องไอซียู หรือว่าจะเอาแม่กลับไปหมดลมที่บ้าน คำตอบสุดท้าย น่า จ ะ เ อ า แ ม่ ก ลั บ บ้ า น เ ร า  ผมมีบ้านสร้างไว้ในตัวอำเภออยู่ว่างๆ ถ้าเอาแม่มาพักญาติพี่น้องจะมาเยี่ยมยามสะดวก แต่มาคิดสาระตะแล้วสู้เอาแม่กลับบ้านสวนดีกว่า ผมเตรียมสร้างบ้านไว้รองรับเรื่องนี้อยู่แล้ว ท่านไปสวนป่าจะเห็นบ้านหลังเล็กๆที่มีบันไดลาดเรียบเหมือนของโรงพยาบาล คนแก่คนป่วยไม่ต้องเดินขึ้นขั้นบันได

แม่มีอาการขั้นโคม่า

หน้าตาบวมนัยน์ตาเป็นวุ้นน้ำข้าวหายใจแผ่วเบา

หมอไม่ได้ให้ยาหรือแนะนำการรักษาใดๆ

เพราะบอกแล้วว่าให้มาปลดปลงที่บ้าน

ผมเห็นแม่นอนไม่ไหวติงไม่ได้กินอะไร ก็นึกเอาเองว่าแม่คงจะหิว..แต่ไม่รู้จะทำประการใด ยอมรับว่าจนแต้มจริงๆ แค่คำที่หมอแจ้งอาการมาก็หมดสิ้นกำลังใจที่จะทำอะไรแล้ว แต่จะให้นั่งรอดูแม่จากเราไปเฉยๆอย่างนั้นรึ ผมให้คนงานไปหารังผึ้งมิ้มมา2รัง เอาช้อนกดไปที่ลูกผึ้ง ได้น้ำขาวๆเหมือนน้ำนมสัก4-5ช้อน เอาน้ำผึ้งผสมลงไป แต่ก็ยังข้นมากไม่เหมาะที่จะป้อนคนป่วยหนัก ผมจึงเอายอดตำลึงมาต้มเอาน้ำผสมลงไปให้หายเหนียว พยุงแม่นั่งเอนแล้วเปิดปากค่อยๆหยอดน้ำลูกผึ้งลงไปทีละช้อนชา อาหารค่อยซึมลงไปช้ามาก แต่ก็อดทนป้อนต่อไป วันแรกได้3ช้อน มื้อหลังๆก็ป้อนเพิ่มได้ 3-4-5-6 ช้อน

ทำไปอย่างนั้นเอง

ไม่ได้หวังว่าแม่จะหายหรือจะฟื้นอะไร

เพียงแต่ห่วงว่าแม่จะหิวก็เท่านั้นนน

ปาฎิหารย์มีจริง หลังจากนั้นแม่ค่อยๆฟื้นตัวทีละนิด หน้าตามีเลือดฝาด อาการบวมลดลง การขับถ่ายกลับคืนมา ผมบอกให้คนงานไปมองหารังมิ้มเอาไว้ มิ้มจะแก่อ่อนไม่พร้อมกัน รังเล็กๆจะค่อยๆโตขึ้นพร้อมกับอายุของลูกผึ้งที่พอเหมาะทำอาหารพิเศษ บังเอิญปีนั้นมิ้มมาทำรังตามต้นไม้รอบบ้านสวนจำนวนมาก จึงไม่ขาดแคลนลูกผึ้งแต่อย่างใด ประกอบกับเมื่อแม่รับประทานของเหลวได้มากขึ้น เราก็ใช้น้ำข้าวใหม่ข้าวหอมมะลิและน้ำผักเป็นหลัก แม่รักษาตัวแบบตามมีตามเกิด 6 เดือน ก็ลุกขึ้นมาหัดเดิน ฝึกเดินฝึกออกกำลังกายอีก 6 เดือน

แม่ก็แข็งแรงพอที่จะพากลับไปหาคุณหมอที่บางกอก

หมอทำหน้าอย่างกับเห็นผีหลอก

ต๊กกะใจ..ไม่เชื่อว่าคนไข้ที่บอกว่าให้กลับไปบ้านเพราะหมดวิธีรักษาแล้วนั้น

จะมายืนทนโท่ และอยู่ต่อมาได้อีก 7-8 ปี

หมอจะชวนแม่ไปอวดเพื่อนแพทย์ที่อเมริกา

แม่สั่นหน้าบอกว่าไม่ไป

ทำไมรึ

แม่บอกว่า..ก ลั ว ไ ม่ ไ ด้ กิ น ห ม า ก  อิ  อิ

หลังจากพ่อแม่กลับบ้านเก่าไปแล้ว ผมก็ไม่เหลือญาติผู้ใหญ่ที่ไหนอีกแล้ว อ้อ ยังมีแม่ยายอยู่อีกคน ช่วงก่อนหน้านี้เราก็พูดเรื่องหมู่บ้านเฮ ผมไม่รีรออะไร พยายามทำเรื่องที่น่าจะเป็นการเตรียมตัวไว้ในอนาคต ปลูกต้นไม้ ปลูกผักยืนต้น ปลูกผลไม้ ปลูกสมุนไพร ปลูกพืชพวกหัว พวกดอก พวกใบ ปีนี้ค้นพบการปลูกพืชที่สะดวกและจบในครั้งเดียว “เอาสว่านยนต์มาเจาะ แล้วใส่ขี้วัวลงไปที่ก้นหลุม” ปลูกกล้วย ปลูกผักต่างๆ ส่วนต้นที่โตแล้วเราก็เจาะใส่ปุ๋ยด้วยวิธีนี้ คาดว่าฝนหน้าพืชผักพืชผลเพื่ออนาคตคงจะเติบโตงามดี

ถึงตอนนี้ก็เถอะ กล้วย มะละกอ เสาวรส ผักยืนต้นพื้นเมือง ยอดมะรุม ยอดมะกล่ำ

มีให้เก็บอย่างเพียงพอทุกมื้อ

มะละกอ กล้วยมีมากหน่อยเจี๊ยะไม่ทัน

ต้องมานั่งคิดเมนูถนอมอาหารทุกวัน

น้ำฝนเก็บไว้เต็มทุกแท็งค์

:; ช่วงนี้อาการกำลังย่างเข้าสู่หน้าหนาวเย็นสบายๆ

ไม่ต้องเปิดแอร์ก็สบาย

7วันอาบน้ำหนเดียวยังได้เลย

สงบ อบอุ่น ด้วยแดดอ่อนยามเช้า

ด้ ว ย ค ว า ม พ ร้ อ ม ป ร ะ ม า ณ นี้

อ ย า ก จ ะ ช ว น ท่ า น ร อ ก อ ด ว่ า อ พ ย พ ม า พั ก ผ่ อ น ที่ นี่ ไ ห ม

ที่ พำ นั ก ที่ พั ก ผ่ อ น ป รั บ นิ ด ห น่ อ ย ก็ ส ะ ด ว ก พ อ ค ว ร

เราจะได้ทดลองมาสอบซ้อมด้วยกัน

ก่อนที่วิกฤติใหญ่จะมาให้ทำข้อสอบจริง

เ รื่ อ ง นี้ แ ห้ ว ยื น ยั น ไ ด้

สวดมนต์ทุกวันให้โรงเรียนประกาศปิดนานๆ

จะได้ลดหุ่นให้เช็งวับ

เรียนทำอาหารที่อร่อยๆ

สนุกกับการไปซื้อเสื้อโหลตัวละ5บาทมาใส่โชว์แพะ

กิจกรรมของผู้อพยพรุ่นแรก

โทรประสานงาน คุยกับใครต่อใครเป็นระวิงทั้งวัน

ถ้าไม่มา ป่านนี้แห้วกลายเป็นมนุษย์ครึ่งบกครึ่งน้ำเน่าไปแล้ว

บอกให้เขียนอะไรๆลงบล็อกบ้าง

แห้ว บอกว่าไม่อ๊าววว

เสียเวลาเจี๊ยะ เอาก็แห้วสิ

ยังมีคิวแกงสับนก หุงข้าวหม้อดิน  ทำอาหารและขนมแปลกๆ

พรุ่งนี้จะไล่ไปเอาตาข่ายล้อมแปลงหญ้าเลี้ยงแพะทำงานแลกข้าว..

จะได้รู้ว่าชีวิตเกษตรกรนั้น..เป็นฉันใด

จ๋อม จ๋อม จ๋อม


ฉุกคิด! ฉุกคลิ๊ก!

อ่าน: 1343

ก่อนฝนตกใหญ่..ฝูงมดแก้ปัญหาอย่างไร อ พ ย พ กั น ไ ป ที่ ไ ห น  มีใครแนะนำ มีใครวางแผน เนื่องจากสังคมมดเป็นแบบไปไหนไปด้วยกัน อพยพแบบยกโขยง ทำ ไ ม เ ลื อ ก ข น ไ ข่ ไ ป ด้ ว ย  ทำ ไ ม ไ ม่ ห นี ไ ป แ ต่ ตั ว  แล้วค่อยไปอออกไข่เอาใหม่  มดไม่สมบัติใดๆให้ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เมื่อลูกพี่สั่งย้าย ทุกคนก็บ่ายหน้าเดินทางอย่างเป็นระเบียบแข็งขัน ที่สำคัญก็คือกองทัพมดเหล่านี้ อพยพก่อนที่ภัยจะมาถึง ทำไมมดจึงมีระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เทคโนโลยีของมนุษย์ยังด้อยกว่าของมดมากนัก

ยังมีมดบางประเภทที่ไม่เดือดร้อนกับน้ำท่วม

เพราะไปทำรังอยู่บนต้นไม้

จะลำบากบ้างตอนที่มีลมกระโชกแรง

มดแดงเป็นมดที่สุภาพสตรีทั่วโลกอิจฉา

เพราะเอวมาตรฐาน เคยเห็นมดแดงตัวไหนลงพุงไหมละครับ

จุดเด่น >> อพยพล่วงหน้า ยกโขยงขนไข่ไปด้วย รู้จุดที่ปลอดภัยไปอาศัยพักพิง ถึงจะมีคำพังเพย น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา แสดงว่ามดบางกลุ่มที่อาศัยอยู่ในที่ราบลุ่มกว้างใหญ่ น้ำท่วมมาก็หนีขึ้นต้นไม้ใบหญ้า แต่ก็คงจะมีบางตัวที่ถูกลมพัด หรือหนีไม่ทัน มดตัวเบาลอยน้ำได้ จึงตกเป็นเหยื่อของปลา ตัวที่ลอยไปเกาะต้นไม้รอดชีวิต น้ำลดก็จะมาเอาคืนปลาที่แถกตายค้างโคก

ก่อนน้ำท่วมพื้น ไส้เดือน ตะขาบ กิ้งกือ รู้ตัวล่วงหน้าก่อนไหม มี ศู น ย์ เ ตื อ น ภั ย ห รื อ ร ะ บ บ เ ตื อ น ภั ย ห รื อ เ ป ล่ า ท่านยึกยือเหล่านี้หนีภัยน้ำท่วมอย่างไร ก็คงมีบ้างที่ประสบเคราะห์กรรม ส่วนใหญ่เราจะเห็นวิธีเอาตัวรอด อ พ ย พ ไ ป แ ต่ ตั ว  แบบตัวใครตัวมัน ไม่ห่วงใยญาติโกโหติกาใดๆ ทุกท่านตกลงกันว่าต่างตัวต่างไป ถ้าพ้นภัยค่อยมาจี๋จ๋ากันใหม่ แพร่สายพันธุ์ให้อยู่ยงคงกระพันกันต่อไป

จุดเด่น >> ตระกูลท่านยึกยือจะอพยพแบบตัวใครตัวมัน มีกติกาว่า..ถ้าแยกกันหนีน่าจะสะดวกและไปได้เร็ว แต่ก็สังเกตเห็นว่า..สัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นต่ำผิวดินเหล่านี้  จะมีรหัสพิเศษ มักจะหนีไปหาที่ปลอดภัย ไม่มีตัวไหนลังเลแม้แต่นิดเดียว ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่สงสัยในระบบสื่อสารกับธรรมชาติ กลุ่มยึกยือโผล่ออกมาจากหลุม พากันวิ่ง ดิ้นกระแด่วคลืบคลานไปยังทิศทางที่ปลอดภัย แปลกแท้ๆทั้งที่ ไม่ มี ตา ม อ ง ไ ม่ เ ห็ น แต่ไส้เดือนก็เดินไปยังทิศทางที่เหมาะสม ไม่ต้องอาศัยโทรศัพท์ โทรทัศน์ ป้ายชี้บอกทิศ ระบบในตัวมีประสิทธิภาพอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นความรู้ที่พอเพียง พึ่งตนเองได้ในยามวิกฤติจริงๆ

ก่อนฝนท่วมใหญ่จะมาถึง ปลาหมอท้องแก่ที่อั้นไว้นานเต็มที วันที่อากาศจะร้อนจัด ท้องฟ้าแดดเปรี้ยง เค้าเมฆทะมึนมาแต่ไกล ท่านเชื่อไหมครับ แ ม่ ป ล า ห ม อ จ ะ พ า ก า ร ดิ้ น ก ร ะ แ ด่ ว ๆ ขึ้ น จ า ก ห น อ ง น้ำ ผ่านพื้นที่แห้งผากร้อนระอุตอนกลางวันนี่แหละ ทุกตัวตรงไปยังแม่น้ำ มากันเป็นฝูงเลยนะ แปลกแท้ๆ ป ล า ห ม อ รู้ ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร ว่ า จ ะ ต้ อ ง ไ ป ยั ง ทิ ศ ไ ห น รู้ระยะทางได้อย่างไร ก่อนหน้านั้นทำไมไม่พากันอพยพไปก่อน ทำไมต้องรอเดินทางในสภาพที่ไม่พร้อมเช่นนี้

จุดเด่น >> ปลาที่จับได้มีไข่เต็มท้อง เราไม่ค่อยเจอปลาเพศผู้อพยพในลักษณะนี้ หรือปลาตัวผู้หลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว ปลาท้องแก่ น่าจะอุ้ยอ้ายกว่าปลาท้องว่าง แสดงว่าการอพยพแบบมีไข่ในท้องคงมีเหตุผลที่เราไม่รู้ เหมือนกับมดขนไข่ ทำไมไม่ไปไข่เอาใหม่ ที่สังเกตเห็นอีกเรื่องหนึ่ง ปลาจะอพยพตอนหัวลมหนาวมาครั้งแรกๆ ปลาที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำขนาดเล็ก คงรู้ตัวว่าน้ำจะเหือดแห้ง จึงตัดสินใจอพยพไปหาแหล่งน้ำใหม่ ปลาอาศัยกลิ่นจากแห่งน้ำใหญ่เป็นเครื่องบอกทิศ จึงกระโดดขึ้นจากแอ่งน้ำเหือดยามค่ำคืน ดิ้นกระแด่วไปยังทิศแม่น้ำ ชาวนาจับเคล็ดลับนี้ได้ พากันไปขุดหลุมลึกประมาณ1ศอก ดักหน้ามุมที่ปลาจะขึ้น แล้วไปดำน้ำเอาโคลนจากแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียงมาลูบปากหลุมที่ขุดไว้ ปลาได้กลิ่นก็พากันออกเดินไปตกหลุมนอนกองกัน ปลาที่เข้าเครื่องมือดักปลารูปแบบต่างๆ ล้วนมีความรู้ไม่พอใช้ ทำให้แพ้ภัยมนุษย์ขี้โกง

ก่อนฝนท่วมใหญ่ ปลวกที่อาศัยอยู่ใต้ดิน จะมีวิธีอุดรูภายในรังหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบได้ สังเกตเห็นว่า จอมปลวกบางแห่งก็ยังอยู่เย็นเป็นสุขต่อมาได้ แสดงว่าในระหว่างที่น้ำท่วมผิวติน ระบบดินใต้น้ำไม่อันตรายต่อปลวกมากนัก ถ้าน้ำไม่ท่วมถาวรปลวกก็ยังพอประคองตัวอยู่ได้ ยังมีปลวกบางชนิดจะอพยพขึ้นไปอาศัยอยู่บนต้นไม้ ไปทำรังเป็นก้อนกลมๆสีดำอยู่ตามคาคบต้นไม้ กลายเป็นปลวกที่ปลอดภัยกว่าประเภทอื่น ถ้าเปรียบกับนุษย์คงจะเทียบได้กับพวกที่อาศัยอยู่บนคอนโดกระมัง

จุดเด่น >> ปลวกเหมือนกัน แต่มีวิธีแก้ปัญหาไม่เหมือนกัน วิทยาการของปลวกมีหลากหลาย อยู่ที่สายพันธุ์ไหนจะเลือกฝึกฝนทักษะให้เหมาะสมกับชาติพันธุ์ของตนเอง เรื่องนี้สังคมมนุษย์ก็คล้ายๆกับปลวก ประเทศฮอลแลนด์อยู่ในระดับต่ำกว่าน้ำทะเล ก็มีวิธีต่อสู้กับสภาพแวดล้อม ณ ที่ตรงนั้น ฟิลิปปินส์เจอมรสุม ไต้ฝุ่น ทั้งปีทั้งชาติ ก็มีชุดความรู้สู้ภัยพิบัติของเขาเอง ประเทศญึ่ปุ่นประเทศอินโดนีเซียตั้งอยู่บนรอยเลื่อนไหลของเปลือกโลก จึงเจอแผ่นดินไหวอยู่เนืองๆ งานด้านปกป้องภัยพิบัติจึงเป็นวาระแห่งชาติ เขาไม่เอาเวลามีค่าของสังคม มาทำเรื่องแยกค่ายแยกสีตีกันเผาบ้านเมืองเหมือนพวกสิ้นคิดในบางประเทศ ยามประเทศเกิดภัยพิบัติจึงไม่มีระบบอะไรมาบริหารจัดการภัยพิบัติ

ถ้าเราเรียนรู้จากสัตว์หลายๆประเภท

เราจะเห็นระบบชีวิตและสังคมที่น่าทึ่งในเหตุผลของการพึ่งตนเอง

ซึ่งต่างจากมนุษย์เราที่อ้างว่าฉลาดมีความรู้ มีทรัพย์สมบัติ

ยามเกิดภัยพิบัติเราจะเห็นวิธีแก้ปัญหาของมนุษย์อย่างน่าเวทนา

ที่อ้างว่าเจริญและมีความสมบูรณ์พูนสุขเป็นแค่ภาพลวงตาที่เปราะบาง

โครงสร้างสังคมของมนุษย์ยังห่างชั้นสังคมของสัตว์ตัวเล็กๆมากนัก

โดยภาพรวม มนุษย์ยังไม่มีความรู้ที่สะอาดพอจะมาชำระจิตใจกระดำกระด่าง..

จ๋อม จ๋อม จ่อม >>



Main: 0.07974100112915 sec
Sidebar: 0.062291860580444 sec