ภาควิชาแคว๊กศาสตร์

โดย sutthinun เมื่อ 24 มกราคม 2010 เวลา 13:16 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 4809

(ประดู่แดงกำลังแต้มแต่งสวนป่าให้สดใส)

“เรื่องนี้คนเจ็บตา ตาแดง ตาแฉะ ยกเว้นตาเหล่ สมควรพิจารณา”

เช้านี้ได้คุยกับคุณครูผู้ซึ่งได้รับรางวัลเนื่องในวันครูสดๆร้อนๆ ในการที่จะกำหนดโปรแกรมออกแบบรับคณะคุณครู1คันรถบัส ที่จะมามาเยี่ยมสวนป่า ผมนะดีใจหลายที่จะได้เสวนากับครูผู้ซึ่งไม่หยุดนิ่งการแสวงหาความรู้ความคิดใหม่ กว่าคณะจะมาผมคงทำการบ้านส่วนใหญ่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนเหล่านี้จะสนุกกับการเจี๊ยะความรู้แบบง่ายๆ คุยซะเพลินเกือบลืมวันเวลาฟันธง ตกลงได้วันที่ 5-9 พฤษภาคม เป็็นช่วงรอยต่อระหว่างปลายร้อน-ต้นฝน ปีนี้ผมตั้งรับความร้อนแล้งเต็มที่ ต่อน้ำหยด-น้าฝอย น้ำสปริงเกอร์รอบบ้าน ครอบคลุมพื้นที่ 1 ไร่ ได้ปรับสภาพเป็นแปลงสวนครัวด้วยผักสารพัดนึก อธิบายเรื่องพึ่งตนเองเพื่อปากท้องตัวเองและครัวเรือนคนกันเอง ต้นไม้ใบหญ้าจะปลูกรอท่าเต็มที่เลยนะคุณครูอึ่ง

(เตาดาโกต้าของครูอาราม เจอฝนแค่ไหนก็ยังอยู่ครบ)

หลังจากฝนตกช่วงนี้ ความชุ่มชื้นเกิดขึ้นในระดับที่ต้นไม้ผลิใบแตกยอดได้ ธรรมชาติได้ทำหน้าที่รักษาสภาพแวดล้อมอย่างดียิ่ง สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ถ้ามนุษย์ลงมือให้เรียนรู้ความเป็นจริงมากกว่านี้ เราจะตระหนักว่าธรรมชาติอนุเคราะห์มนุษย์อย่างทรหด ผมตื่นแต่เช้าเดินไปดูโน่นนี้ สะดุดตากับต้นประดูแดงที่กำลังออกดอกเต็มต้น และบางต้นก็กำลังปลิดใบชูตุ่มดอกออกตามกิ่งก้าน ดอกประดูแดงมีเฉดสีไม่เหมือนใคร อยู่ระหว่างสีปูนแห้ง+สีกุหลาบ

(พันธุ์ตำลึงที่ธรรมชาติเพาะไว้ให้)

เดินต่อไปยังแปลงที่พาอุ้ยกับครูอึ่งครูอารามปลูกมะรุมด้วยการปักลำต้น พบว่ามะรุมที่ปลูกโดยการปักชำแบบหยาบๆรอดไม่กี่ต้น สังเกตว่าถ้าเป็นต้นใหญ่จะรอดจากปลวกรบกวน ต้นที่รอดกำลังออกดอก ส่วนฟักทองที่หว่านไว้ ออกผลหลายรุ่นแล้ว โยนเมล็ดลงไม่กี่หลุม ไม่ได้รดน้ำใส่ปุ๋ยอะไีรก็ยังให้ผลผลิต แม้ตอนนี้ก็ยังมีผลอ่อนออกมาให้เก็บไปแกงไก่ บางยอดก็ยังมีดอก เป็นพืชที่มีคุณอนันต์เกิดมาเพื่อเลี้ยงชาวโลกจริงๆ อีกเรื่องหนึ่งได้แก่ “ตำลึง” อย่าไปสะกดผิดเป็น “ตำลึงค์” นะขอรับ หวาดเสียวมากๆเลย ตำลึงนี่ใครๆก็รู้จักเป็นผักริมรั้วทั่วไป เนื่องจากเห็นว่ามันเกิดง่ายทนแล้งทนแมลงง่ายๆไปเสียทุกขั้นตอน คนเรากจึงไม่ใส่ใจอะไร แต่ถ้าดูแลสักหน่อยก็จะมียอดตำลึงชิมทั้งปี ผมเดินเล่นในสวน ไปเจอยอดตำลึงที่อยู่ติดพื้นดินกำลังแตกยอดอ่อน จึงถอนขึ้นมาเพื่อเอาไปขยายปลูกใกล้บ้าน พบว่ารากตำลึงจะมีลักษณะคล้ายหัวมัน แสดงว่ารากของตำลึงนั้นสะสมอาหารไว้เลี้ยงยอดต้นอ่อน มีน้ำเมื่อไหร่ก็พร้อมแตกยอดขยายพันธุ์ มูลเหตุที่เกิดต้นตอตำลึงขึ้นอยู่ทั่วสวน คงจะเกิดจากนกมาจิกกินลูกตำลึงสุกแล้วไปถ่ายเรี่ยราดทั่วสวน เป็นการช่วยขยายพันธุ์พืชตามธรรมชาติ อึนกนี่เป็นประโยชน์เหลือเชื่อจริงๆเลยนะครับ

(ฟักทองและมะรุม ที่ครูอึ่ง อุ้ยสร้อย ครูอารามมาช่วยกันปลูกคราวก่อน ยังให้ผลผลิตจนถึงวันนี้)

ถ้าเราละเอียดอ่อนกับความรู้ที่อยู่รอบๆตัว
เราจะเเกิดการแตกยอดอ่อนความรู้ใหม่ๆไปเรื่อยๆ
ยกตัวอย่างเรื่องตำลึง
ถ้าเราไปค้นในอินเตอร์เน็ท
เราก็จะได้รับความรู้เบื้องต้นระดับหนึ่ง
ถ้าเอาไปทำรายงานก็เท่ากับเรามีความรู้ครึ่งเดียว
ที่เราไปเก็บตกจากผู้มาลงไว้ตั้งแต่ปีไหนก็ไม่รู้
แต่ถ้าเราลงมือเรียนรู้ด้วยตัวเอง
สิ่งที่เราพบใหม่จะเป็นการต่อยอดความรู้ในเรื่องต่างๆมากขึ้น
ตำลึงจึงสอนวิชาตำตาตำใจด้วยประการละฉะนี้

(ตำลึงที่งอกเองในธรรมชาติ)

ถ้าครูอึ่งมาจะแจกตะกร้าให้ไปเด็ดยอดตำลึงมาทำบะช่อหมูสับซดกันให้อี้อฮือไปเลย
ถ้าอุ้ยมาจะพาไปเด็ดฟักทองอ่อนมาแกงใส่ไก่ซดให้ท้องกาง
ถ้าตาหวานกับหน่องหวานมาจะพายำผัก กินให้น้ำหนักหัวใจเพิ่มขึ้นอีกคนละกิโล
ถ้าแห้วมา จะพาผัดผักบุ้งไฟแดงกะทะใหญ่โซ๊ยให้ตาค้าง
ถ้ารอดกอดมา สบายๆ..เจียวไข่ห่านให้จานใหญ่ก็อิ่มจนอืดแล้ว
ถ้าป้าหวานท่านบางทรายมา จะพาไปเด็ดยอดมะกล่ำมาลวกยำสมุนไพร
ถ้าท่านไร้กรอบมา จะย่างไก่กรอบนอกนุ่มในใส่ถาดใหญ่ๆมาเสริฟ
ถ้าคุณหมอจอมป่วนมา ไม่ต้องคิดมากส่งอะไรมาก็หมด เจี๊ยะพรึบๆ

แคว๊ก ๆ

ตำลึง
เป็นผักที่คนไทยนิยมบริโภคยอดเป็นเวลานานเป็นผักที่มีรสหวานอร่อยมีกลิ่นหอมสามารถนำไปทำแกงจืดใส่หมูสับ ลวกจิ้มน้ำพริกหรือผัดไฟแดงอุดมไปด้วยเบต้า-เคโรทีนเมื่อรับประทานไปจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอมีประโยชน์ต่อตาป้องกันการเกิดมะเร็งและรักษาโรคหัวใจเป็นไม้เลื้อยเหมาะสำหรับปลูกรอบๆรั้วบ้าน หรือทำเป็นซุ้มให้ตำลึงเลื้อยผ่าน ลักษณะของใบจะสวยยังใช้เป็นไม้ประดับตกแต่งได้อีกด้วย ในส่วนการบำรุงรักษาไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะว่าเรามักเห็นขึ้นอยู่ตามข้างถนนโดยสภาพธรรมชาติค่อนข้างทนทานสามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อม ขึ้นง่ายตายยากถ้าอยากให้งอกงามดียอดอวบงามมีเก็บไว้ให้กินนานควรเอาใจใส่ดูแลโดยการรดน้ำพรวนดินแล้วใส่ปุ๋ยคอก
ประโยชน์ทางยา
ส่วนที่ใช้เป็นยา ใบ ดอก เถา ราก น้ำยางต้น
ช่วงเวลาเก็บยา เก็บใบสดและสมบูรณ์ มีตลอดปี
รสและสรรพคุณในตำรายาไทย
ใบ รสเย็น ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้ไข้ตัวร้อน ดับพิษฝี ถอนพิษของตำแย แก้คัน แก้เจ็บตา ตาแดง ตาแฉะ
ดอก รสเย็น แก้คัน
เถา รสเย็น ใช้น้ำจากเถา หยอดตาแก้ตาฟาง ตาแดง ตาช้ำ ตาแฉะ พิษอักเสบในตา ดับพิษแก้อักเสบ ชงกับน้ำดื่มแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
ราก รสเย็น ดับพิษทั้งปวง แก้ตาฝ้า ลดไข้ อาเจียน
น้ำยางจากต้น,ใบ รสเย็น แก้โรคเบาหวาน

« « Prev : ออแกนิกส์ ออแกน็อค

Next : มุมตัวเอง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 6:12

    ตำลึง ตะลึง ตึง ตึง

    บันทึกนี้ทำเองเดินย่องรอบบ้านเลยค่ะ..แฮ่ๆ เผื่อจะเจอต้นอะไรที่งอกใหม่บ้าง(บนที่ดินกว้างสองคืบ ยาวสองวา)…อ๊ะ เจอต้นตำลึง ตะลึง ตึง ตึง เหมือนกันเลย…มาได้ไงก็ไม่รู้ค่ะ

    ดีใจแทนคณะครูมงคลวิทยาที่จะได้ไปสวนป่ากันตั้งคันรถบัส…ทำงานเหนื่อยมาทั้งปี คุณครูอึ่งใจดีพาไปสัมมนา…แบบนี้หายากมากๆ ในภาคราชการ ในบางสถาบันการศึกษา(ไม่บอกว่าที่ไหน) ไม่เคยจัดให้กับระดับผู้สอนค่ะ…แคว๊กๆๆ

  • #2 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 8:22

    กลับมาถึงบ้านเมื่อคืนนี้  เพิ่งได้แวะมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ  เจอคำชมของอุ้ยแล้ว ขอคืนไปฝากไว้ที่อุ้ยก่อนนะคะ  เพราะว่า ยังจัดให้ครูมงคลวิทยาทีละรถบัสไม่ได้เลย  ได้แต่หนีบไปเรียนที่สวนป่าทีละคนสองคน  การพาครูไปสวนป่าทั้งโรงเรียนเป็นเป้าหมายหนึ่งที่ยังทำไม่สำเร็จค่ะ

    งานที่จะไปครั้งนี้  เป็นคณะของ ดร.โสรีช์  โพธิแก้ว ที่จะพาศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน สาขาวิชาจิตวิทยาการปรึกษา ที่เรียนอยู่คณะจิตวิทยา จุฬาฯ  มาเรียนรู้กับครูบาและชาวเฮฮาศาสตร์  พร้อมกับจะเป็นโอกาสที่จะมาเพิ่มพูนความรู้ด้านพุทธศาสตร์จิตวิทยา(Buddhist Psychology)ให้แก่ลูกศิษย์ไปด้วย  รายละเอียดต่างๆ กำลังดำเนินการกันอยู่ ค่ะ

    รีบขอคิวครูบาก่อน  ก็คิวครูบายาวววว..  ต้องขอบพระคุณสำหรับคิวที่ให้ค่ะ  
    ต้องหาทางเคลียร์คิวอุ้ยกับน้าไปด้วยกัน ด้วยค่ะ

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 9:55

    รายการนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
    มาแล้วจะรู้เอง ว่าแคว๊กๆขนาดไหน อิอิ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 9:57

    เรื่องตำลึงนี่นะอุ้ย เป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ
    ตอนนี้เจอหน่อตำลึงที่ไหนย้ายมาใกล้ปุ๋ยใกล้น้ำ
    อีกหน่อยก็คงจะไต่ราวยั๊วเยี้ย

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มกราคม 2010 เวลา 10:02

    ปีนี้โชคดีมหาศาล ที่จะได้เรียนกับอาจารย์ดร.โสรีช์  โพธิแก้ว
    อ่านหนังสือท่านแล้ว อยากจะเร่งวันเวลา..
    อยากเจอหน้า เจอตัว เจอใจ แคว๊กๆ
    บางช่วงจะออกแบบ..แจกเก้าอี้ให้ถือคนละตัว เดินตามกันไป
    เจอที่เหมาะก็จะนั่งคุยเรื่องมุมมองจากข้างในไปข้างนอก
    เดินไปอีกหน่อย..จะชวนนั่งมองจากข้างนอกเข้าข้างใน
    เย็นมาจะชวนก่อไฟหุ้งข้าวหม้อดิน จำลองวิถีพื้นบ้านอีสานสมัยก่อน
    รวมทั้งทำกับข้าวกันเองด้วย
    ช่วงนี้จึงเตรียมปลูก ปลูกผัก ปะเลอะปะเต๋อ ..


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.61581301689148 sec
Sidebar: 0.32138800621033 sec